รีวิว Honda City Turbo มือสอง | อีโคคาร์ที่แรงม้าสูงสุดในกลุ่ม

Eco Car ตัวแรงในเวลานี้ต้องยกให้ Honda City Turbo ตั้งแต่ Honda Jazz จากไป เขาก็ตีตลาดไทยได้อย่างสวยงามและกลายเป็นรถ Eco Car ยอดนิยมได้อย่างรวดเร็ว มาดูกันว่าเขามีอะไรดี

Honda City 1.0 Turbo | อีโคคาร์แรงที่สุดในไทย

เดิมที Honda City เป็นรถขนาดเล็กพิกัด B-Segment มีความโดดเด่นด้านราคาที่จับต้องง่าย ตัวรถเล็กแต่กระฉับกระเฉงสูง เครื่องยนต์มาพร้อมกับเทคโนโลยีอันเลื่องชื่อของ Honda มีความแรงแม้รถจะเครื่องยนต์เล็กก็ตาม!

ปัจจุบัน Honda City ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่รถ Eco Car เนื่องจากตัวเครื่องยนต์ที่ใช้นั้นมีขนาดต่ำกว่า 1.2 -1.5 ลิตร จากแต่ก่อนใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร

มีตัวถัง 2 รูปแบบ คือ Honda City แบบ 4 ประตู Sedan และ Honda City Hatchback แบบ 5 ประตู แต่ทั้งนี้ก็ยังมีรุ่นย่อย e:HEV ที่ใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร บวกมอเตอร์ไฟฟ้าด้วย

เครื่องยนต์ Honda City Turbo : เล็กกว่าเพื่อน แต่แรงกว่าเพื่อน

ด้านเครื่องยนต์ของ Honda City Turbo ทั้งสองตัวถังจะใช้เครื่องยนต์เดียวกันที่มีความแรงเท่ากันเป๊ะๆ คือ เครื่องยนต์เบนซิน VTEC Turbo ที่ถูกพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีอันล้ำสมัยของ Honda

โดนจะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ DOHC มาพร้อมระบบแปรผันวาล์วทั้งแบบ VTEC และ Dual VTC พ่วงเทอร์โบ พละกำลังสูง 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า รองรับน้ำมัน E20 ปล่อย CO2 100 g./km. เข้าโครงการ Eco Car Phase 2

อ่านเพิ่มเติม : เครื่อง NA คืออะไร ต่างจาก Turbo ยังไง เลือกแบบไหนดี

Honda City Turbo เป็น Eco Car แท้ๆ ถามว่าแรงได้ไหม ตอบเลยว่าแรงได้สิ! เพราะ Honda เขาจัดให้แล้ว ถือว่าเป็น Eco Car ที่น่าจะแรงที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้

ในสื่อโซเชียลเองก็เคยมีคนทำคลิปนำรถเดิมๆ มาเทียบกับแล้วระหว่าง Nissan Amera 1.0 Turbo และ Honda City 1.0 Turbo ซึ่งผลที่ออกมาก็ตามคาด City กินขาดครับ

เหตุผลที่ทำให้ Honda City Turbo มีความแรงมากกว่า Eco Car ทั่วๆ ไป นั่นก็เพราะว่าตัวเครื่องยนต์ของเขาถูกพัฒนาภายใต้เทคโนโลยี Earth Dream ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เครื่องยนต์เล็กๆ มีพละกำลังสูงเทียบเท่าเครื่องยนต์ใหญ่ได้ ซึ่งเครื่อง 1.0 Turbo ของ Honda จะมีพละกำลังสูงพอๆ กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร เลยทีเดียว ทำให้ City Turbo เป็นรถยนต์ที่ขับสนุกและตอบโจทย์วัยรุ่นวัยทำงานมาก

อ่านต่อ Mazda 2 กับ Honda city : อีโคคาร์ตัวแม่ ใครแน่กว่ากัน?

ภายหลัง Honda City เองก็มีการเปิดรุ่นย่อยเป็นรถไฮบริด ซึ่งก็คือ Honda City e:HEV โดยเครื่องยนต์จะเปลี่ยนเป็นแบบ e:HEV (Hybrid i-MMD) เบนซิน 1.5 + มอเตอร์ไฟฟ้า

ใช้เครื่องรหัส LEB-MMD เบนซิน 4 สูบ Atkinson Cycle ขนาด 1.5 ลิตร พละกำลังสูงสุด 98 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 127 นิวตันเมตร

รองรับน้ำมันสูงสุด E20 แบตเตอรี่ Lithium-ion ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว พละกำลังสูงสุด 109 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ e-CVT ปล่อย CO2 ที่ 85g./km.

อ่านเพิ่มเติม : Plug in Hybrid คืออะไร ต่างจากรถไฮบริดทั่วไปอย่างไร?

รีวิว Honda City Turbo ขับดีไหม?

เมื่อผมได้ลองขับ Honda City Turbo ต้องบอกว่ามันเป็นรถยนต์ Eco Car ที่ขับสนุกมากและมีความ Unisex ค่อนข้างสูงเลย เป็นรถยนต์ผู้หญิงขับได้ ผู้ชายขับเท่

ช่วงล่าง Honda City Turbo

ด้านช่วงล่างของ Honda City Turbo รุ่นปัจจุบันต้องบอกว่าเมื่อเทียบกับโฉมก่อนหน้านี้มันดีขึ้นในทุกระดับ ด้านความนุ่มนวลทำได้ดีขึ้นแต่ก็ยังไม่ละทิ้งกลิ่นอายความสปอร์ต ยังคงมีความเฟิร์มๆ นิดหน่อย ไม่ได้รู้สึกว่าเเข็งแต่อย่างใด เป็นความรู้สึกที่ดีเลยเพราะมันทำให้ผู้โดยสารและผู้ขับขี่รู้สึกสบายขึ้น เป็นกลิ่นอายความรู้สึกของรถยนต์ Honda ยุคใหม่จริงๆ

การเกาะถนน

ถึงช่วงล่างจะถูกปรับให้มีความนุ่มขึ้นมาเยอะพอสมควร แต่เรื่องการเกาะถนนก็ไม่ได้แย่ลงหรือวย้วยโยนเลย เกาะถนนดีทั้งตอนเข้าโค้งและตอนความเร็วสูงตามสไตล์ของรถยนต์ Honda

แต่สำหรับผมอาจจะรู้สึกว่ามันนุ่มไป ถ้าอยากได้ความรู้สึกที่คล้ายๆ กับ Honda Civic แนะนำว่าเปลี่ยนโช๊คอัพดีๆ สักชุด จะขับสนุกขึ้นอีกหลายเท่าตัวเลยทีเดียว

การควบคุมรถ

ด้านการควบคุมรถสำหรับ Honda City Turbo ที่น้ำหนักตัวเบามากๆ อยู่แล้ว พอได้ระบบพวงมาลัยที่ดีและเบามากๆ มันก็ทำให้รถยนต์คันนี้ขับง่ายขึ้นมากและขับง่ายกว่า City โฉมก่อนอีกด้วย บอกเลยว่ารถยนต์คันนี้ผู้หญิงตัวเล็กๆ ก็ขับได้อย่างชิลล์ๆ สบายๆ

อัตราเร่ง Honda City Turbo

ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ต้องบอกว่าสำหรับ Eco Car เราให้เขาไปเลยเต็ม 100 คะแนน ตัวเครื่องยนต์ Turbo มีกำลังดี ขับสนุก และเร้าใจมาก ทำอัตราเร่งได้ดีมาก

เกียร์ D ทำ 0-100 กม./ชม. เฉลี่ยราวๆ 9-11 วินาที ประหยัดน้ำมันประมาณ 19-20 กม./ล. ซึ่งถ้าเป็นรุ่นย่อย Honda City e:HEV ก็จะประหยัดกว่านี้เป็นอีกเท่าตัวที่ 27.8 กม./ล.

ออปชัน

ด้านการใช้งานจริงต้องบอกว่าออปชันถูกลดทอนไปตามรุ่นย่อยที่สูงขึ้นหรือต่ำลงอยู่แล้ว ออปชันและฟังก์ชันในรุ่นกลางก็เพียงพอต่อการใช้งานนะ แต่ออปชันและฟังก์ชันดีๆ เขาดันใส่ไว้ในรุ่นท็อปหมดเลย

รุ่นย่อยล่างๆ ก็เลยดูขาดอะไรไปหน่อย แต่ถามว่าใช้งานได้ดีเหมือนกันไหม ดีเหมือนกันแน่ๆ เพราะเครื่องยนต์เหมือนกัน (ยกเว้นรุ่น e:HEV) และตัวถังกับช่วงล่างเหมือนกัน ขับสนุกเหมือนกันแน่นอน สายแต่งสายโมซื้อรุ่นเริ่มต้นไปทำเพิ่มก็ยังถือว่าคุ้ม

แบบไหนจะตอบโจทย์คุณมากกว่า ลองอ่านบทความนี้ดูครับ ฮอนด้า ซิตี้ 1.0 Turbo กับ 1.5 ลิตร มือสอง เลือกรุ่นไหนดี?

ซื้อ Honda City Turbo โฉม Hatchback หรือ Sedan ดี? 

ส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่าชอบ Honda City ที่เป็น Hatchback มากกว่า เพราะว่ามันถูกดีไซน์ให้เป็นรถยนต์ 5 ประตูแล้วด้านหลังออกมาสวยกว่าเห็นๆ ดูมีความน่าใช้งานและใช้งานได้ครอบคลุมมากกว่า

พอเป็นรถ Sedan มันก็ดูมีกลิ่นอายความสปอร์ตจากหน้าตาเขาอยู่นะ แต่พอดูด้านข้างและด้านหลังก็ต้องบอกว่ามันก็ดูธรรมดาไปหน่อย ยิ่งถ้าเป็นสายแต่งรถ ชาว Honda น่าจะถูกใจโฉม Hatchback มากกว่าแน่นอน

ด้านเบาะแถวหน้าไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรเลยสำหรับรถยนต์คันเล็กๆ แบบนี้ ก็คือว่าอยู่ในระดับที่นั่งได้สบาย แต่สำหรับผู้โดยสารตอนหลังในโฉม Sedan ถ้าเราตัวสูงมากๆ ก็จะแอบอึดอัดนิดนึงเพราะว่าหลังคามันลาดลง โฉม Hatchback จะรู้สึกว่าโปร่งๆ โล่งๆ มากกว่า

ส่วนความสบายของตัวเบาะและการนั่งคือนั่งสบายเช่นเดียวกัน แต่ถ้าคุณตัวใหญ่ก็นั่งลำบากหน่อยครับ

เรื่องเบาะหลังในโฉม Hatchback จะมีฟังก์ชันที่หลากหลายมากกว่าคือสามารถปรับเบาะได้หลายโหมดเหมือนกับ Honda Jazz ที่เลิกทำตลาดไปแล้วเลย เช่น ปรับพับลง พับเบาะเชื่อมกันหน้าหลัง ปรับแยก 60/40 หรือจะปรับตัวเบาะนั่งขึ้นเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของแนวตั้งก็สามารถทำได้ นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ผมชอบโฉม Hatchback มากกว่า

มิติตัวถัง Honda City Hatchback Turbo

• ยาว 4,349 มิลลิเมตร
• กว้าง 1,748 มิลลิเมตร
• สูง 1,488 มิลลิเมตร
• Wheelbase 2,589 มิลลิเมตร
• Ground Clearance 135 มิลลิเมตร
• ความจุถังน้ำมัน 40 ลิตร

มิติตัวถัง Honda City Turbo Sedan

• ยาว 4,553 มิลลิเมตร
• กว้าง 1,748 มิลลิเมตร
• สูง 1,467 มิลลิเมตร
• Wheelbase 2,589 มิลลิเมตร
• Ground Clearance 135 มิลลิเมตร
• ความจุถังน้ำมัน 40 ลิตร

ถ้าหากเราลองเทียบกันดูทั้งสองตัวถังจะมีขนาดต่างกันเล็กน้อย โดย Honda City Hatchback และ Sedan จะมีสิ่งที่เหมือนกันก็คือ ความกว้าง ฐานล้อ ความสูงใต้ท้องรถ และความจุถังน้ำมัน

สิ่งที่แตกต่างจะมีแค่ 2 อย่างเท่านั้น คือ ตัวถังแบบ Sedan จะยาวกว่า 204 มม. แต่ตัวถังแบบ Hatchback จะสูงกว่า 21 มม. ครับ

Honda City Turbo มีกี่รุ่น?

สำหรับ Honda City Turbo ในช่วงแรกๆ นั้นจะมีเปิดตัวมาแค่รุ่นเครื่องยนต์ Turbo ภายหลังมาถึงมีแบบ e:HEV ตามมา ซึ่งในการไมเนอร์เชนจ์ของโฉม Sedan เองก็มีรุ่นย่อยอื่นตามมาเช่นกัน เราจะขอแบ่งเป็น 2 ตัวถังให้ทุกคนได้ชมกันครับ

Honda City 1.0 Turbo Hatchback ราคาเท่าไหร่

• รุ่น S+ มือหนึ่ง 599,000 บาท Honda City Turbo S+ มือสอง ราคาเริ่ม 399,000 บาท
• รุ่น SV มือหนึ่ง 675,000 บาท Honda City Turbo SV มือสอง ราคาเริ่ม 390,000 บาท
• รุ่น RS มือหนึ่ง 749,000 บาท Honda City Turbo RS มือสอง ราคาเริ่ม 479,000 บาท

สำหรับรุ่นย่อยที่ตามมาทีหลังจะไม่ใช่รุ่น Turbo เป็นรุ่น e:HEV ซึ่งขุมพลังจะเปลี่ยนไปใช้เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแทน

• รุ่น e:HEV RS มือหนึ่ง 849,000 บาท Honda City e:HEV RS มือสอง ราคาเริ่ม 599,000 บาท

Honda City 1.0 Turbo Sedan ราคาเท่าไหร่

• รุ่น S มือหนึ่ง 579,500 บาท Honda City Turbo Sedan S ราคามือสอง เริ่มต้น 359,000 บาท
• รุ่น V มือหนึ่ง 609,000 บาท Honda City Turbo Sedan V ราคามือสอง เริ่มต้น 379,000 บาท
• รุ่น SV มือหนึ่ง 665,000 บาท Honda City Turbo Sedan SV ราคามือสอง เริ่มต้น 399,000 บาท
• รุ่น RS มือหนึ่ง 739,000 บาท Honda City Turbo Sedan RS ราคามือสอง เริ่มต้น 419,000 บาท

อีกรุ่นย่อยที่ไม่ใช่เครื่องยนต์ Turbo แต่เป็นเครื่องยนต์ Hybrid ก็คือรุ่น e:HEV ซึ่งขุมพลังจะเปลี่ยนไปใช้เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแทน

• รุ่น e:HEV SV มือหนึ่ง 769,000 บาท ราคามือสองยังไม่มีเพราะเป็นรุ่นย่อยใหม่ล่าสุดปี 2023
• รุ่น e:HEV RS มือหนึ่ง 839,000 บาท Honda City Sedan e:HEV SV ราคามือสอง เริ่มต้น 549,000 บาท

Honda City Turbo มือสอง น่าใช้ไหม?

ถ้าถามว่า Honda City Turbo มือสอง น่าซื้อหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าถ้าเทียบกับ Eco Car ทุกรุ่นในตอนนี้ Honda City Turbo เป็นรุ่นที่น่าซื้อที่สุดเลยก็ว่าได้ ด้วยสมรรถนะที่เร้าใจ ช่วงล่างที่นุ่มนวลแต่เอาถนนอยู่ ความน่าเชื่อถือและไว้ใจได้เสมอของค่าย Honda เรื่องศูนย์บริการ เรื่องอะไหล่ที่ราคาไม่แรง บอกเลยว่าเขาทำได้ดีแทบจะทุกด้าน (ยกเว้นเรื่องกั๊กออปชันในรุ่นเริ่มต้น)

จะบอกว่า Honda City Turbo มือสอง เขาน่าซื้อก็จริงแถมราคาก็ยังลงมาจากมือหนึ่งพอสมควรแล้วด้วย แต่ถ้าหากจะซื้อจริงๆ ก็ต้องมาดูที่ความต้องการใช้ของแต่ละคนด้วย เพราะแต่ละรุ่นย่อยเองก็มีออปชันและฟังก์ชันการใช้งานที่มากน้อยแตกต่างกันออกไปด้วย

ส่วนตัวผมมองว่าถ้าหากซื้อ Honda City Turbo มือสอง การซื้อรุ่นย่อยกลางๆ ไปจนถึงรุ่นท็อป RS จะมีความคุ้มค่ามาก แต่ถ้าเป็นสายแต่งและสายชอบเพิ่มออปชันเสริมอื่นๆ ด้วยตัวเอง การซื้อรุ่นเริ่มต้นเป็นทางเลือกที่ดีแน่นอน แต่ถ้าต้องการความประหยัดและคุ้มมากๆ ก็ต้องตัดใจจากรุ่น Turbo และข้ามไปเล่นรุ่น e:HEV ครับผม

โหลดหรือยัง! แอป one2car - NEXT GEN! CAR APP

• Smart Search: หารถง่าย ฟังก์ชันครบ ข้อมูลชัด!

• Qualified Car: รถคุณภาพ ตรวจสภาพแล้ว พร้อมรายงานรถ

• Most Trusted Seller: คัดผู้ขายให้แล้ว ไม่ต้องกลัวมิจฉาชีพ

• Hot Deals: พบกับ Big Sale ลดแรงทุกเดือน!

• My Garage: ระบบผู้จัดการส่วนตัวให้รถคุณ ทุกเรื่องรถ จบในที่เดียว

• Car Tax: ต่อภาษีรถยนต์สะดวกกว่าที่เคย ไม่ต้องกลัวลืม

• Car Price: อยากขายรถแต่ไม่รู้ราคา เช็กเลย! รู้ผลใน 1 นาที ต้องการขายก็ทำได้เลย

• Car Financing: สินเชื่อรถมือสอง จัดไฟแนนซ์ง่ายกับ Partner ของเรา พร้อมข้อเสนอพิเศษ

• Car Insurance: แจ้งเตือนต่อประกันรถยนต์ล่วงหน้า พร้อมดีลสุดพิเศษจากบริษัทชั้นนำ

• Extended Warranty: ประกันอะไหล่รถ หมดห่วงเรื่องอะไหล่รถมือสอง

• one2car Story: คลิปรีวิวรถจากคนขาย คอนเทนต์เกี่ยวกับยานยนต์

Apple Store : https://bit.ly/o2c_apple_store

Google Play Store : https://bit.ly/o2c_Google_Play_Store

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง one2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com