รีวิว Mitsubishi Triton มือสอง กระบะพันธุ์แกร่ง แบรนด์รองที่น่าซื้อ

Mitsubishi Triton กระบะแบรนด์รองที่ทุกคนเมิน แต่รู้ไหมว่า Triton คือรถกระบะที่เเข็งแกร่งและดีกว่าเจ้าตลาดบางแบรนด์ด้วยซ้ำไป มาดูกันว่ากระบะพันธุ์แกร่งนี้ดีอย่างไร

ทำไม Mitsubishi Triton มือสอง ถึงน่าสนใจ?

ต้องบอกว่า Mitsubishi Triton เป็นรถกระบะแบรนด์รองที่ทำราคาออกมาได้ว้าวมาก และถ้าหากดูในรายละเอียดตัวรถจริงๆ สิ่งที่ได้มานั้นมันค่อนข้างคุ้มค่ากับราคาในทุกรุ่นย่อย คุ้มยิ่งกว่าเจ้าตลาดบางค่ายที่ขายดีด้วยซ้ำไป

ส่วนเรื่องการออกแบบถึงแม้ว่ายังเป็นรอง Ford Ranger แต่ก็ถือว่าสวยแบบมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ค่อนข้างหล่อเลย น่าเสียดายที่ความนิยมของเขาต้องแพ้ให้กับ Ford Ranger และ Toyota Hilux Revo ที่ติดตลาดไทยมาอย่างเนิ่นนาน

ในการทำตลาดของ Mitsubishi Triton มีการออกรุ่นยิบย่อยเยอะแยะไปหน่อย ซึ่งถามว่าได้รับความนิยมมากหรือไม่ ก็ต้องตอบว่าในประเทศไทยเรายังถือไม่เท่าไหร่นักแม้จะมีตัว Limited หรือชุดแต่งชื่อดังก็ตาม

การทำราคาของ Triton ก็ดันไปสูสีกับ All-New Isuzu D-Max ซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่า D-Max กินขาดเรื่องความสวยและความนิยมในตลาดถึงแม้ว่า Triton จะดูแข็งแกร่งกว่าก็ตาม หากดูที่รุ่นย่อยหลักๆ ไม่ได้นับรุ่นตกแต่งพิเศษจะมีราคามือหนึ่งและมือสองแยกตามรุ่นได้ตามนี้

Mitsubishi Triton รุ่น Single Cab มือหนึ่ง และ ราคาเริ่มต้นมือสอง

• Single Cab 4WD 2.4 GL 6MT ราคา 669,000 บาท มือสอง 449,000 บาท
• Single Cab 4WD 2.4 GL 6AT ราคา 714,000 บาท มือสอง 499,000 บาท
• Single Cab 4WD (SWB) 2.4 6AT ราคา 719,000 บาท มือสอง 539,000 บาท

Mitsubishi Triton รุ่น Mega Cab มือหนึ่ง และ ราคาเริ่มต้นมือสอง

• Mega Cab 2.4 GLX 6MT ราคา 697,000 บาท มือสอง 409,000 บาท
• Mega Cab 2.4 GLS 6MT ราคา 747,000 บาท มือสอง 472,900
• Mega Cab 2.4 GT 6MT ราคา 807,000 บาท มือสอง 500,000 บาท
• Mega Cab 2.4 GT 6AT ราคา 857,000 บาท มือสอง 479,000 บาท

Mitsubishi Triton รุ่น Double Cab มือหนึ่ง และ ราคาเริ่มต้นมือสอง

• Double Cab Plus 2.4 GLS 6MT ราคา 846,000 บาท มือสอง 499,000 บาท
• Double Cab Plus 2.4 GT 6MT ราคา 906,000 บาท มือสอง 569,000 บาท
• Double Cab Plus 2.4 GLS 6AT ราคา 919,000 บาท มือสอง 499,000 บาท
• Double Cab Plus 2.4 GT 6AT ราคา 956,000 บาท มือสอง 598,000 บาท
• Double Cab Plus 2.4 GT Premium 6AT ราคา 1,028,000 บาท มือสอง 579,000 บาท
• Double Cab 4WD 2.4 GLS 6MT ราคา 958,000 บาท มือสอง 638,000 บาท
• Double Cab 4WD 2.4 GT Premium 6AT ราคา 1,152,000 บาท มือสอง 759,000 บาท

จากการเทียบราคาของ Mitsubishi Triton โฉมปี 18-23 มือหนึ่งและราคาเริ่มต้นมือสองจาก one2car เราจะเห็นว่าราคามือสองจะตกลงประมาณครึ่งนึงของมือหนึ่งทั้งที่เป็นรถยนต์ปีใหม่มากๆ

นั่นจึงทำให้ด้านราคา Mitsubishi Triton จะเป็นรถกระบะที่น่าสนใจเป็นตัวเลือกแรกๆ ในท้องตลาดเลยทีเดียว แต่สำหรับเรื่องสมรรถนะการขับขี่และอื่นๆ จะน่าสนใจหรือไม่?

ซื้อ Mitsubishi Triton ดีไหม?

หากไม่นับเรื่องแบรนด์ Mitsubishi Triton ถือว่าเป็นรถยนต์ที่มีความแข็งแกร่งทนทานและขับสบายพอๆ กับ Ford Ranger กระบะอันดับ 1 ของไทยเลยทีเดียว แต่พอมาอยู่ในประเทศไทยก็ต้องยอมๆ ให้เจ้าตลาดที่ครองมาอย่างยาวนานอย่าง Toyota และ Isuzu ไปอีก

ซึ่งปกติแล้ว Mitsubishi Triton จะมีรุ่นย่อยมากถึง 11 รุ่น เราจะขอยกตัวย่างความน่าซื้อในรุ่น Double Cab 2.4 4WD GT Premium 6AT ซึ่งเป็นตัวท็อปที่สุด แต่ราคามือสองน่าสนใจกว่ากระบะทุกค่าย และราคาถูกกว่ารุ่นรองท็อปของค่ายตัวเองเสียอีก

ด้านการดีไซน์ภายนอกแน่นอนว่า Mitsubishi จะมีความเป็นเอกลักษณ์อย่างกระจังหน้า Advanced Dynamic Shield Design แน่นอนว่ามันสวยมากและพอมันถูกดีไซน์ให้อยู่บนหน้าของ Triton ก็ยิ่งทำให้รถกระบะที่แต่ก่อนมันดูดิบๆ กลับดูสวยทันสมัยและดูแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก เป็นดีไซน์ที่สะท้อนตัวตนได้ดีเลย

เครื่องยนต์ของ Mitsubishi Triton

ด้านเครื่องยนต์ก็ไม่น้อยหน้าค่ายไหน เพราะ Mitsubishi นั้นขึ้นชื่อเรื่องความอึดมากกว่าค่ายอื่นๆ ทุกคนต่างก็รู้กันดีในส่วนนี้ และมีเทคโนโลยีสุดล้ำอันเลื่องชื่ออย่าง MIVEC ที่เป็นตัวชูโรงให้ด้วย Triton เองก็ได้ใช้เครื่องยนต์ MIVEC CLEAN DIESEL 2.4 ลิตร ซึ่งให้กำลังสูงสุดถึง 181 แรงม้า แน่นอนว่าแรงไม่แพ้ค่ายไหนเลย

การใช้เทคโนโลยี MIVEC พร้อมกับระบบควบคุมการเปิดปิดวาล์วไอดีแปรผันที่ทำงานสอดคล้องไปกับความเร็วรอบของเครื่องยนต์ และควบคุมการทำงานด้วยสมองกลอัจฉริยะ ทำให้เครื่องยนต์มีแรงบิดดีขึ้นในรอบต่ำและได้แรงม้ามากขึ้นในรอบสูง

นี่จึงทำให้ Mitsubishi Triton มีอัตราเร่งที่ดีมาก อัตราการเผาไหม้เชื้อเพลิงดีเยี่ยมที่สุด ในการขับขี่ก็ทำให้ตัวรถมีกำลังสูงมากในทุกรอบการขับขี่ และยังเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดมลพิษในอากาศได้ดีด้วย เหยียบแล้วมาเลยไม่แพ้กระบะค่ายอื่น

ระบบขับเคลื่อน 4WD ของ Mitsubishi Triton

ด้านระบบขับเคลื่อน 4WD ของ Triton ก็ต้องบอกว่าค่ายอื่นทำได้ดีอย่างไร Mitsubishi ก็ทำได้เช่นกัน เพราะเขามีโหมดขับคลื่อน 4WD ถึง 4 โหมด อย่าง 2H, 4H, 4HLc และ 4LLc ซึ่งก็จะเหมือนกับ All-New Isuzu D-Max รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ

2H หรือ 2WD High- Range ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ เหมาะสำหรับการขับขี่บนสภาพถนนปกติ ให้อัตราเร่งที่ดี และประหยัดน้ำมัน เพราะกำลังของเครื่องยนต์ทั้งหมด 100% จะถูกส่งไปยังล้อคู่หลังเท่านั้น

4H หรือ 4WD High- Range ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำงานแบบ Full-Time All Wheel Control เหมาะกับสภาพถนนเปียกลื่นที่ต้องการใช้ความเร็ว ระบบส่งกำลัง Torsen จะส่งกำลังเครื่องยนต์ไปยังล้อหน้า 40% และล้อหลัง 60% บนถนนแห้ง และล้อหน้า 50% และล้อหลัง 50% เมื่อถนนเปียกลื่น เพื่อประสิทธิภาพในการเกาะถนน

4HLc หรือ 4WD High- Range With Locked Transfer ระบบส่งกำลังจะส่งกำลังเครื่องยนต์ไปยังล้อทั้ง 4 โดยมีระบบ Center Differential Lock ทำหน้าที่ส่งกำลังในอัตราส่วนล้อหน้า 50% และล้อหลัง 50% เท่ากันตลอดเวลา เหมาะสำหรับสภาพเส้นทางขรุขระ แต่ยังสามารถใช้ความเร็วได้

4LLc หรือ 4WD Low-Range With Locked Transfer ระบบส่งกำลังจะส่งกำลังเครื่องยนต์ไปยังล้อทั้ง 4 โดยมีระบบ Center Differential Lock ทำงานร่วมกับระบบล็อกเฟืองท้ายหลังควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งจะส่งกำลังในอัตราส่วนล้อหน้า 50% และล้อหลัง 50% เท่ากันตลอดเวลา

เกียร์ส่งกำลังจะเพิ่มอัตราทดให้สูงขึ้น ช่วยทำให้กำลังการขับเคลื่อนมีมากขึ้น เหมาะสำหรับสภาพเส้นทางที่วิบาก ลุยโคลน เส้นทางแบบมีเนินหินสลับ หรือมีความลาดชันมาก แต่ในโหมดนี้ไม่ควรใช้ความเร็วเกิน 70 กม./ชม.

ช่วงล่างของ Mitsubishi Triton

Mitsubishi Triton จะโดดเด่นด้วยช่วงล่างที่แข็งแกร่ง (มาก) มีแชสซีส์ที่ทำมาจากเหล็กกล้าไร้รอยต่อตลอดความยาวมากถึงสองชั้นและระบบกันสะเทือนที่ใช้ลุยได้แบบมั่นใจทุกสภาพพื้นผิวถนน

ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันช่วงล่างจากเหล็กกล้าแรงดึงสูงจะประสานอนุภาคและช่วยลดการยุบตัวของห้องโดยสารทำให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด และสามารถจุได้ทั้งคนและของที่น้ำหนักมากแบบว่ามากแค่ไหนก็ยังสบายๆ

แต่ด้วยความแข็งแรงและเเข็งแกร่งแน่นอนว่ามันก็ไม่ได้มีแค่เพียงข้อดี ข้อเสียที่ตามมาก็คือมันทำให้ตัวรถยนต์ Mitsubishi Triton มีน้ำหนักค่อนข้างเยอะมากและซับแรงสั่นสะเทือนได้ไม่ค่อยดีนัก

นั่นจึงทำให้อาการที่รถกระบะทุกคันต้องเจออย่างอาการกระเด้งกระดอนตอนท้าย แรงสั่นสะเทือน หรือความตึงตัง ก็จะพบเจอได้มากกว่านิดหน่อยใน Triton แต่ก็ทดแทนด้วยการทำรถให้ควบคุมได้ดั่งใจ พวงมาลัยเบามากทั้งที่เป็นรถกระบะ และการออกแบบภายในที่ดีเยี่ยม

การดีไซน์ภายใน Mitsubishi Triton

การดีไซน์ภายในให้อารมณ์ที่อยู่ระหว่างรถ SUV และ รถกระบะ มาในโทนสีดำสปอร์ตที่ค่อนข้างสวยดุตามสไตล์รถลุยๆ ดูเผินๆ มันก็อาจจะเหมือนการออกแบบของสไตล์รถกระบะทั่วไป แต่สิ่งที่ทำให้มันรู้สึกได้ว่าออกคล้ายๆ รถ SUV ก็คือเรื่องรายละเอียดยิบย่อยภายใน

อย่างพื้นที่ภายในที่ค่อนข้างกว้างกว่ารถกระบะทั่วๆ ไป ทำให้ Triton เป็นรถกระบะที่นั่งสบายมาก เบาะนั่งมีการออกแบบให้โอบรับกระชับกับทุกสรีระและนุ่มมาก มีระบบแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ภายในมีการใช้วัสดุเก็บเสียงและวัสดุกันสะเทือน นั่นจึงทำให้ภายในของ Triton มันสบายมากอยู่ในระดับท็อปๆ ของรถกระบะเลยก็ว่าได้

ส่วนเรื่องระบบต่างๆ และฟังก์ชันการใช้งานก็จะลดละลงไปตามราคาและรุ่นย่อยที่มีมากถึง 11 รุ่น สำหรับรุ่นท็อปที่สุดต้องบอกว่าจัดหนักจัดเต็ม มีมาให้ทุกอย่างที่คุณต้องการในราคาที่เอื้อมถึงได้ง่ายมากทั้งมือหนึ่งและมือสอง เพราะฉะนั้นราคามือสองตัวท็อปก็จะน่าสนใจมากในตอนนี้

ซื้อ ALL-NEW Mitsubishi Triton หรือซื้อมือสองดี?

สำหรับ Mitsubishi Triton จะมีการปรับโฉมยกเครื่องใหม่ยกคัน โดยทีผ่านมามีการเผยโฉมให้ชมในงาน Motor Expo 2023 เมื่อต้นปีที่ผ่านมาด้วย แต่ก็มีการพลางตัวมาอย่างลึกลับแต่ก็แอบเห็นรายละเอียดและภาพหลุดมาแล้วบ้าง

โดยรายละเอียดที่จะมีการปรับเปลี่ยนคือการดีไซน์ใหม่ตั้งแต่หัวจรดท้ายทั้งภายในและภายนอกด้วยคอนเซปต์การออกแบบจากนักล่าที่มีความแข็งแกร่ง ปราดเปรียว และทรงพลัง พูดง่ายๆ ว่าการออกแบบจะออกมาดูแข็งแกร่งเหมือนรถกระบะสมัยใหม่อย่างค่าย Ford เลยทีเดียว

ด้านขุมพลังก็จะมีการปรับเปลี่ยนใหม่เช่นกัน แรงขึ้นและจะเต็มสมรรถนะมากขึ้นกว่าเดิมและน่าจะมีเทคโนโลยี MIVEC เช่นเคย เฟรมและโครงสร้างเองก็จะใหญ่ขึ้น แข็งแกร่งขึ้น แน่นอนว่าพร้อมลุยมากขึ้น ด้วย จากจิตวิญญาณการพัฒนาแบบการไม่ยอมอ่อนข้อให้ใคร ให้ความสมบูรณ์แบบที่มากกว่ากระบะที่เคยมีมาของ ALL-NEW Mitsubishi Triton

ด้วยรายละเอียดที่ถูกเปิดเผยมาแบบนี้ก็ทำให้เรารู้ได้เลยว่าต้องเปิดตัวมาแข่งและจี้ตูดท้าชน Ford Ranger ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นไปจนถึงรุ่นท็อปๆ อย่าง Wildtrak และ Stormtrak แน่นอน

การปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหญ่ขึ้นและเครื่องยนต์ใหม่ก็ทำให้เรารู้ได้เลยว่าสมรรถนะช่วงล่างและเครื่องยนต์อาจจะทำได้ดีเทียบเท่ากับ Ford เลยก็ว่าได้ น่าจะแน่นขึ้น เฟิร๋มขึ้น และ หนึบขึ้น อาจจะต้องรอลุ้นกันว่าเรื่องอาการตึงตังความกระเด้งกระดอนนิดๆ หน่อยๆ ที่แก้ยากจะหมดไปหรือไม่

แต่แน่นอนว่าเมื่อมีการยกเครื่องเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งหมด ราคาย่อมแพงขึ้นมากว่าเดิมแน่นอนอาจจะเเพงขึ้นถึงหลักแสนเลยก็เป็นไปได้ ส่วนตัวจึงมองว่าการเลือกซื้อ Mitsubishi Triton มือสองในรุ่นท็อปที่ค่อนข้างดีและครบจบก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ

เพราะราคานั้นถูกลงกว่ามือหนึ่งไปกว่าครึ่งและที่สำคัญคือมันเป็นโฉมก่อน All-New ซึ่งยังถือว่าเป็นรถปีใหม่อยู่ความเสื่อมสภาพของอะไหล่และความเฟิร์มของเครื่องและช่วงล่างก็ยังจะคงดีเหมือนใหม่ แน่นอนว่าราคาจะถูกว่ารุ่น All-New หลายแสนเลยทีเดียว

หากสนใจรถกระบะแบรนด์รองราคาดีที่สุดและคุ้มที่สุด ลองเข้ามาดูได้เลยที่ Mitsubishi Triton มือสอง รับรองว่าคุ้ม ตัวท็อปยิ่งคุ้มเพราะได้ทุกอย่างที่ครบจบสำหรับคนที่อยากได้รถกระบะที่ครอบคลุมทุกการใช้งาน แข็งแกร่งไม่แพ้ Ford และมีฟังก์ชันต่างๆ เทียบเท่ากับรถกระบะเจ้าตลาดค่ายดังๆ ในราคาที่ดีกว่าเลยทีเดียว

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง one2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com