รีวิว Jeep Wrangler Rubicon ราชาแห่งรถออฟโรดที่แท้จริง

ขึ้นชื่อว่ารถ Jeep ทุกคนก็จะรู้ได้ทันทีว่ามันคือรถสายลุย วันนี้เรามารีวิว Jeep Wrangler Rubicon จากที่เราได้ลองขับในทางออฟโรดกันมา แล้วทุกคนจะต้องบอกว่านี่แหละ “ราชาแห่งรถออฟโรดที่แท้จริง”

ทำไม Jeep Wrangler Rubicon ถึงเป็นราชาทางออฟโรด

จุดเริ่มต้นของ Jeep รถยนต์สัญชาติอเมริกันแบบแท้ๆ เดิมทีนั้น Jeep เป็นรถยนต์ทางการทหารของทางสหรัฐอเมริกา แต่เมื่อผ่านพ้นสงครามมาตามยุคสมัย ด้วยความแข็งแรงทนทานและความลุยที่ตอบโจทย์ก็ทำให้ Jeep นั้นกลายเป็นรถสายลุยโดยเฉพาะ ซึ่งรถยนต์ของ Jeep รวมถึง Wrangler Rubicon จะสะท้อนออกมาในคอนเซปต์ Go Anywhere Do Anything ไปทุกทีและทำทุกสิ่งที่คุณอยากทำ!

ซึ่ง Jeep Wrangler Rubicon ก็ได้สะท้อนตัวตนผ่าน 4 คอนเซปต์ของรถ Jeep ทุกคัน อย่าง Freedom หรือความอิสระของตัวรถที่ไปได้ทุกสัมผัสธรรมชาติได้ทุกมื่อ Authenticity ความเป็นของแท้และความดั้งเดิมของ Jeep ที่ถ่ายถอดเอกลักษณ์และ DNA ความลุยความดิบเถื่อนมาแบบรุ่นสู่รุ่นและดีขึ้นในทุกๆ รุ่น

Adventure การผจญภัยและความท้ายทายที่ Jeep สามารถให้ได้มากกว่าค่ายอื่นและความสนุกที่มาพร้อมกับความมั่นคงและปลอดภัยที่สุดของ Jeep เอง กับอีกข้ออย่าง Passion หรือความหลงไหลที่ Jeep นั้นจะทำให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ที่คุณหลงไหลได้ครบทุกมิติไปกับ Jeep ซึ่งเป็นรถที่คลาสสิคและเป็นเครื่องยืนยันแห่งกาลเวลา

แต่สำหรับ Jeep Wrangler Rubicon นั้นเป็นรถที่จะให้คุณสัมผัสความพิเศษในเส้นทางออฟโรดได้มากกว่า แล้วสิ่งไหนที่สะท้อนให้เราเห็นล่ะว่ารถคันนี้มันให้ได้มากกว่าและพิเศษกว่ารถออฟโรดคันอื่น มันง่ายมากแค่คุณลองสังเกตที่สติ๊กเกอร์บนฝากระโปรงรถที่เขียนว่า “RUBICON”

คำว่า RUBICON ไม่ใช่เพียงชื่อรุ่นเท่ๆ แต่มันคือชื่อของสภาพเส้นทางออฟโรดที่โหดร้ายที่สุดใน California ทางวิศวกรของ Jeep ได้ทำการปรับแต่งและทดสอบรถยนต์คันนี้จากสถานที่จริงเพื่อให้ Jeep Wrangler Rubicon เป็นราชาแห่งเส้นทางออฟโรดอย่างแท้จริงเลยทีเดียว

Jeep Wrangler Rubicon ขับดีไหม

ก่อนจะไปฟังความรู้สึกว่า Jeep Wrangler Rubicon นั้นขับดีไหม ต้องมาดูที่รายละเอียดของตัวรถยนต์กันก่อน

Jeep Wrangler Rubicon นั้นจะใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร 270 แรงม้า ที่ 5,250 รอบ/นาที แรงบิด 400 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนแบบ 4x4 ลงสู่ล้อทั้ง 4 ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 โหมด 2H, 4H Auto, 4H Part Time, 4L สำหรับการขับออฟโรดแบบสุดขั้ว

ตัวรถ Wrangler Rubicon แบบ 4 Doors ความยาว 4,882 มม. กว้าง 1,841 มม. สูง 1,894 มม. ระยะฐานล้อ 3,007 มม. ความถุถังน้ำมัน 81 ลิตร กับน้ำหนักตัวทีพกมาเน้นๆ แบบหนักมาก มาพร้อมล้อ 17 นิ้ว และยาง MUD-Terrain 225/75/R17 ในราคามือหนึ่ง 5,490,000 บาท

ด้วยเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ มันทำให้ Jeep Wrangler Rubicon คันนี้สามารถใช้ขับขี่ในเมืองได้อย่างสบายๆ ด้วย แต่ก็ต้องแลกมากับอตราการสิ้นเปลืองที่ 8.4 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งถือว่าสูงเทียบเท่ากับ Ford Ranger Raptor เลย แต่แน่นอนว่าสมรรถนะการขับขี่นั้นได้ความเหนือชั้นมาเต็มๆ

สำหรับการวิ่งเร็วๆ ในสภาะเส้นทางปกติต้องบอกว่ารถยนต์คันนี้ให้ความรู้สึกที่ไหลได้ดีมาก แต่ข้อเสียก็คือความเป็นราชาออฟโรดของ Jeep Wrangler Rubicon มันทำให้การวิ่งทางปกตินั้นค่อนข้างแข็งมากๆ มันไม่ได้นุ่มสบาย แถมยางที่ได้มากับรถมันเป็นยางสเปคที่ใช้ลุยโดยเฉพาะกระกอบกับตัวรถที่สามารถถอดหลังคาและประตูออกได้ทั้งหมดก็ทำให้มันมีช่องลมบางจุดที่ทำให้เสียงยางและเสียงภายนอกเข้ามาในรถได้ง่าย

ตัวหน้าจอ 8.4 นิ้ว ตรงคอนโซลกลางเป็นตัวเด่นของภายใน เพราะจอนี้สามารถดูค่าต่างๆ ได้ทั้งหมด จอ 8.4 นิ้ว ที่คอนโซลกลางในหน้าฟังก์ชัน Off Road Pages สามารถเป็นตัวช่วยทีดีให้ับเราได้ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นหน้า Pitch & Roll ที่เป็นการดูระดับองศาความเอียงความชันของรถ

ส่วนที่ชอบต้องยกให้กับหน้า TrailCam ที่เป็นการไกด์ไลน์เส้นทางการขับขี่และมุมองศาารเลี้ยวบังคับรถ หน้านี้ใช้เพื่อเป็นไกด์ไลน์เส้นทางขับการเลี้ยวรถบนภาพจริงด้านหน้าที่เราอาจมองไม่เห็นจากสถานการณ์ต่างๆ แม้ว่าในบางจุดเราจะมองไม่เห็นพื้นหรือทางข้างหน้าเลยแต่ฟังก์ชันเหล่านี้ก็สามารถเป็นตัวช่วยให้เราขับผ่านจุดต่างๆ ไปได้อย่างง่ายดาย

Jeep Wrangler Rubicon จะมีฟังก์ชันพิเศษที่สะท้อนความเป็นอิสระของตัวรถได้อย่างดีคือการที่ตัวรถยนต์สามารถเลือกถอดหลังคาได้ตามใจปรารถนา ไม่ใช่เปิดเหมือนซันรูปแต่คการถอดยกหลังคาออกไปเลย ไม่ว่าจะเป็นส่วนของผู้โดยสารตอนหน้า หรือจะเลือกถอดออกทั้งหมดให้เหลือแค่โครงโรลบาร์ก็ย่อมได้ นอกจากนี้ประตูก็ถอดออกได้ทั้ง 4 บานด้วย เพื่อความเป็นอิสระและให้ทุกคนได้เข้าถึงธรรมชาติอย่างแท้จริง

แน่นอนว่าฟังก์ชันที่ถอดอกไรออกได้แบบนี้ก็มีปัญหาอยู่แต่ไม่ใช่กับ Jeep เพราะเค้าได้ทำการย้ายตำแหน่งอุปกรณ์ที่อยู่ในส่วนที่ถอดออกได้ออกไปไว้ในจุดต่างๆ เช่น ย้ายลำโพง Alpine 6 จุด ไปอยู่ในส่วนของโรลบาร์ และ ปุ่มเปิดปิดกระจกมาไว้ที่บริเวณคอนโซลกลาง ที่ทำแบบนี้ไม่ได้มีเป้าหมายแค่อยาแก้ปัญหาอย่างเดียว แต่เขาทำเอาไว้เพื่อในกรณีที่เราต้องลุยลงน้ำจริงๆ เพราะรถคันนี้ลงน้ำได้ลึกสุด 70 ซม. แบบสบายๆ

แน่นอนว่าลึกขนาดนั้นน้ำต้องเข้าในตัวรถ เขาจึงทำการย้ายอุปกรณ์และปุ่มต่างๆ ให้อยู่สูงขึ้น และมีการตัดเบาะปรับไฟฟ้าออกไปเป็นแบบปรับมือแทนเพื่อป้องกันน้ำเข้าและเกิดความเสียหาย ส่วนด้านท้ายก็มีการห้อยยางอะไหล่ไว้ที่ด้านนอกแทนเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัามภาระภายในและช่วยเพิ่มสมดุลของตัวรถ

นอกจากนี้ที่หลุมด้านใต้ห้องเก็บของยังใช้เป็นอ่างล้างมือหรือถังปาร์ตี้ดื่มเครื่องดื่มได้ด้วย ถ้าไม่ใช้แล้วก็แค่เปิดจุ๊บระบายน้ำออกก็เสร็จเรียบร้อย คือไม่ต้องแบกถังอะไรขึ้นไปเลยก็พร้อมปาร์ตี้บนเขาแบบชิลล์ๆ

การวิ่งทางออฟโรด นี่สิทางของเขา เจ้าพ่อออฟโรดโดยแท้จริงเลย เป็นรถที่มีจุดประสงค์ในการออฟโรดโดยเฉพาะและทำได้ดีที่สุดปลอดภัยที่สุดและแน่นหนึบที่สุดเท่าที่เคยสัมผัสมาแล้ว ไม่แปลกใจที่ราคา 5.4 ล้าน เพราะตัวรถมีโหดต่างๆ และระบบขับเคลื่อนที่ช่วยให้เราผ่านเส้นทางอันโหดร้ายไปได้ด้วยความปลอดภัยและเหนือชั้น แต่นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมดที่ทำให้ Wrangler Rubicon คือราชาทางออฟโรด

ความพิเศษที่ทำให้ Jeep Wrangler Rubicon คือราชา

ความพิเศษของ Jeep Wrangler Rubicon ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นราชาทางออฟโรดนั้นต้องยกให้ 5 ข้อหลักๆ คือ เครื่องยนต์และช่วงล่าง โหมดการขับขี่ โหมดฟังก์ชันที่เรียกว่า Sway Bar ระบบช่วยออกตัวและชะลอความเร็วในทางลาดชัน และ ระบบ Tru-Lok ซึ่งเป็นการล็อคเฟืองท้าย

ตัวเครื่องยนต์ที่เป็นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ซึ่งดูผิวเผินมันก็แค่เครื่องทั่วๆ ไปที่มีความเเรง แต่ความจริงแล้วความดุร้ายของเครื่องยนเบนซินเทอร์โบของ Jeep Wrangler Rubicon นั้นให้แรงบิดได้มากถึง 400 นิวตันเมตร ซึ่งมันสูงมากสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน ด้วยกำลังที่ดีแบบนี้ก็ทำให้ตัวรถที่มีน้ำหนักเยอะมากสามารถผ่านเส้นทางต่างๆ ได้แบบง่ายๆ

ด้านโหมดการขับขี่และการออกแบบส่วนนี้ก็ต้องบอกว่าทำออกมาได้ฟิลลิ่งความเป็นโฟโรดที่สุดถึงแม้ว่าเกียร์จะเป็นแบบอัตโนมัติ 8 สปีด แต่การออกแบบหัวเกียร์และปุ่มโหมดระบบขับเคลื่อนให้มีการใช้งานคล้ายๆ กับเกียร์แมนนวลมันก็ให้ฟิลลิ่งที่ดีมากๆ

สำหรับการขับทั่วไปและขับแบบออฟโรดจะมีโหมดการขับขี่มีให้เลือกใช้ตามสภานการณ์ได้ถึง 4 โหมด คือ 2H ใช้ขับทางทั่วไป 4H Auto ใช้ขับในสภาพเส้นทางลูกรัง 4H Part Time ใช้ขับทางออฟโรด และ 4L ใช้กับทางออฟโรดแบบโหดร้ายๆ

มีฟังก์ชันโหมดที่ขึ้นชื่อของ Jeep ซึ่งจะเรียกว่า Sway Bar กดปุ่มนี้ไปแล้วระบบก็จะทำการตัดการเชื่อมต่อของเหล็กกันโคลงด้านหน้าออก ซึ่งประโยชน์ของปุ่มนี้คือเอาไว้ใช้เมื่อต้องขับผ่านเส้นทางที่เป็นเนินสลับหรือเนินที่มีความลาดเอียงสูงๆ หรือใช้ในกรณีที่ช่วงล่างติดเนินจนล้อแขวนลอย แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ผู้ขับต้องเจอกันทุกคนกับสภาพเส้นทางออฟโรด

เมื่อเรากดปุ่ม Sway Bar ก็จะทำให้ล้อรถทิ้งตัวลงพื้นได้อย่างเป็นอิสระ ล้อจะติดพื้นตลอดช่วยให้ตัวรถเราเกาะติดกับเส้นทางช่วยพยุงรถให้ผ่านเส้นทางที่เป็นอุปสรรคได้อย่างง่ายดาย และรู้สึกได้ถึงความปลอดภัยในการขับขี่เพราะนอกจากล้อจะติดพื้นตอดแล้วก็ยังมีการทำงานของ Traction Control ตลอดด้วย

อ่านเพิ่มเติม ระบบ Traction Control คืออะไร มีไว้ในรถดีหรือเปล่า?

ท้ายสุดที่ทำให้ Jeep Wrangler Rubicon คือราชาของเส้นทางออฟโรด คือ ระบบ Tru-Lok ซึ่งใช้ได้ง่ายดายมากเพียงแค่กดไปที่ปุ่มป่มเดียวครั้งเดียวเหมือนกับการกดปุ่ม Sway Bar ตัวระบบ Tru-Lok จะเป็นระบบล็อคเฟืองท้ายซึ่งสามารถล็อคได้ทั้งเฟืองหน้าและเฟืองหลัง สำหรับเวลาต้องการใช้กำลังความเร็วแรงในเส้นทางโหดๆ

ระบบล็อคเฟืองท้ายแบบอิเล็กทรอนิกส์นี้จะช่วยให้ล้อทั้ง 4 นั้นหมุนด้วยความเร็วระดับเดียวกันตลอดเวลา เพิ่มความสามารถในการควบคุมตัวรถและเพิ่มแรงตะกุยเส้นทางที่โหดร้ายได้ดีขึ้นเป็นอีกระดับ ซึ่งจะใช้ได้ดีในกรณีของการติดบ่อโคลนตม การข้ามแม่น้ำลำธาร หรือติดหลุมต่างๆ ในสภาพเส้นทางแบบออฟโรด

Jeep Wrangler Rubicon น่าซื้อไหม

สำหรับคนที่สู้ราคาไหวและหลงไหลในไลฟ์สไตล์การออฟโรดอย่างแท้จริง บอกเลยว่า Jeep Wrangler Rubicon คือราชาทางออฟโรดตัวจริง เป็นรถออฟโรดที่ทำให้ผมสัมผัสได้เลยว่านี่น่าจะเป็นรถออฟโรดที่ดีที่สุดเท่าที่โลกใบนี้เคยมีมาเลยทีเดียว

ทั้งระบบช่วงล่างที่ดี เครื่องยนต์กำลังแน่นๆ โหมดฟังก์ชันต่างๆ ที่ช่วยให้เราสนุกกับการขับขี่แบบออฟโรดได้อย่างจุใจ หน้าตาที่หล่อเหล่าและคลาสสิคมี DNA แบบ Jeep แต่ดั้งเดิมจริงๆ ขับไปทางไหนก็รู้เลยว่าคุณคือตัวจริงเรื่องออฟโรด บ่งบอกไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ได้ดีที่สุด

แต่สำหรับการขับขี่ในเมืองก็ต้องบอกว่ามันอาจจะเป็นเรื่องคิดหนักหน่อยเพราะอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันค่อนข้างสูง แต่ถ้าคุณเป็นวัยรุ่นดูไบที่ไม่เกรงกลัวต่อราคาน้ำมันประเทศไทย รถคันนี้ขับในเมืองสนุกมาก แต่เสียงรบกวนจะเข้ามาในห้องเยอะหน่อย ซึ่งไม่เป็นปัญหาอะไรสำหรับคนหล่อเท่ที่มีใจรัก

ส่วนฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ก็เพรียบพร้อมและมากเกินความต้องการใช้งานไปอีก มีมาให้แบบเเน่นๆ เป็นรถสายเพอฟอร์แมนซ์ที่ฟังก์ชันล้ำๆ เพียบเลยทีเดียว ในราคามือหนึ่ง 5.4 ล้าน ต้องบอกว่าสิ่งที่ให้มานั้นเกินราคาไปมาก จริงๆ รถคันนี้จะราคา 7 ล้าน ก็ได้และไม่น่าแปลกใจเลย แต่ถ้าอยากได้ความคุ้ม one2car ก็มี Jeep มือสอง ให้เลือกกันหลายรุ่นหลายราคาเลยทีเดียว ลองเข้ามาเลือกดูกันได้เลยที่ Jeep มือสอง ครับ

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง one2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com