รีวิว Toyota C-HR กับนิยาม C-HR น้องอ้วนขับดี ที่ไม่มีคนซื้อ โดย Capo & Tuner (USER REVIEW)

รีวิว Toyota C-HR กับนิยาม “C-HR น้องอ้วน ขับดี ที่ไม่มีคนซื้อ” บทความพิเศษจากผู้ใช้งานโดยตรงที่พร้อมจะส่งต่อความรู้สึกด้านการใช้งานให้กับผู้ที่กำลังตัดสินใจซื้อ Toyota C-HR คันนี้จะเป็นอย่างไร มาอ่านไปพร้อมกัน!

เหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจซื้อ Toyota C-HR

เหตุผลที่เลือก Toyota C-HR เพราะว่าตัวรถดีไซน์สวย การควบคุมรถทำได้ดี ช่วงล่างดี ขับสนุก พวงมาลัยเบาแต่แม่นยำสูง มีการออกแบบที่เน้นความสะดวกสบายของคนขับและผู้โดยสารแถวหน้าเป็นหลัก และประหยัดน้ำมันมาก เมื่อได้ทดลงขับก็รู้สึกชอบ

ซึ่งคันนี้ซื้อในแบบรถมือหนึ่ง ราคา 1,100,000 บาท ตอนที่ตัดสินใจซื้อผมก็มีการลองเปรียบเทียบกับรถหลายๆ รุ่นแล้ว แต่ก็รู้สึกว่าชอบคันนี้ที่สุดด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น Toyota C-HR ทำได้ดีกว่า

ประสบการณ์การใช้งาน Toyota C-HR ที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง

จากความรู้สึกของผมแล้ว Toyota C-HR เป็นรถที่ขับสนุกมาก ขับไปไหนก็มั่นใจในความปลอดภัย ถึงแม้ว่าอาจจะขับมายังไม่นานมากแต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรจุกจิกให้พบเจอ แต่จะน่ารำคาญนิดหน่อยตรงที่ตัวรถไม่มีระบบล็อกอัตโนมัติมาให้ ทั้งที่ Toyota C-HR คันนี้ราคาก็เป็นหลักล้าน

สมรรถนะในการขับขี่ของ Toyota C-HR

สำหรับ Toyota C-HR เครื่องยนต์และแรงม้าไม่ใช่จุดเด่นของรถยนต์รุ่นนี้ แต่ในโหมด Sport ก็มีกำลังเครื่องยนต์มากพอสำหรับการเร่งแซง แต่สิ่งที่ได้มาแทนคือการประหยัดน้ำมันที่ตัวเลข 20-22 กิโลเมตรต่อลิตร เป็นเรื่องที่ทำได้จริง

การควบคุมรถและการทรงตัวทำได้ดีมาก Centre of Gravity ต่ำ ขับง่ายและมั่นใจ เปลี่ยนเลนที่ความเร็วสูงตัวรถไม่ย้วยไม่โยน ช่วงล่างเกาะถนนได้หนึบแต่ก็มีความนุ่มนวลนั่งสบาย เป็นรถยนต์ที่ลบภาพลักษณ์เก่าๆ ของรถยนต์ย้วยๆ ของ Toyota ได้ดี

เรื่องของการประหยัดน้ำมันด้วยตัวเครื่องยนต์ที่เป็นเครื่อง Hybrid ก็จะประหยัดน้ำมันมาก ถ้าขับในเมืองเจอไฟแดงบ่อย เจอรถติดเยอะๆ ต้องเร่งเครื่องบ่อย ก็จะกินน้ำมันนิดหน่อย ตัวเลขอยู่ที่ 16-17 กิโลเมตรต่อลิตร น่าจะมีให้เห็น แต่ถ้าขับทางไกล ขับไหลไปเรื่อยๆ ไม่มีอะไรต้องห่วง 20-22 กิโลเมตรต่อลิตร ทำได้แบบไม่ใช่เรื่องแปลกและไม่ต้องพยายามทำให้ประหยัดเลย ขับไปเรื่อยๆ ก็ได้ตัวเลขนี้มาเอง

ฟังก์ชันการใช้งานและความสะดวกสบายของ Toyota C-HR

ตั้งแต่ที่ผมซื้อ Toyota C-HR มาก็ได้พาแมวไปเที่ยวหลายที่ ทั้งห้างใน กทม. ไปเที่ยวต่างจังหวัด ก็ถือว่าตอบโจทย์ “เพราะแมวผมยังไม่ได้บ่นอะไร” (ขำ) แต่ก็น่าจะดีกว่านี้ถ้ามีแอร์หลัง

พื้นที่เก็บของด้านหลังถึงจะไม่ได้เยอะมาก แต่ก็พับรถเข็นแมวเก็บได้สบาย ฝาประตูท้ายเปิดเอาของเข้าออกสะดวกดี (ถ้าไม่นับว่าหนักนะ) “ผมว่าอาจจะเอาไว้ออกกำลังกายก็ได้สำหรับคนอยากมีกล้ามแขน”

ภายในสปอร์ตเรียบหรู ใช้ Apple Car Play แบบเสียบสายได้ แต่ก็นะ ปี 2022 แล้ว คิดว่าควรจะเป็นแบบ Wireless ได้แล้วเถอะ มีระบบ Adaptive Cruise Control จนถึงจุดหยุดนิ่งที่ทำได้ดี ขับทางไกลก็สบายขึ้นมาก

ระบบความปลอดภัยก็มีมาให้แบบโอเค มี Blind Spot Monitoring, Rear Cross Traffic Alert, Pre Collision System, Parking Assist แต่ยังขาดกล้อง 360 องศาไปอยู่ ที่ยังขาดไปอีกก็จะมีแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง (รถคันนี้ไม่เน้นการโดยสารตอนหลังเลยจริงๆ) และเบาะปรับไฟฟ้า

ดีไซน์การออกแบบของ Toyota C-HR

Toyota C-HR คันนี้ดีไซน์มาในแบบสปอร์ตหรูๆ ดูไม่เหมือนรถ Toyota ที่เคยทำมาตั้งแต่ในอดีต คนชอบก็น่าจะชอบเลย ส่วนคนไม่ชอบก็น่าจะไม่ชอบเหมือนกัน โดยเฉพาะกระจกด้านหลังที่แคบจริงๆ

ส่วนใหญ่คนมักจะบอกว่ารถยนต์รุ่นนี้มีข้อเสียที่ผู้โดยสารตอนหลัง แต่ส่วนตัวให้น้องแมวนั่งน้องก็ไม่ได้บ่นอะไรนะ (ขำ)

• ข้อดีของ Toyota C-HR การขับขี่ที่ดี รู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่ขับ มีความประหยัดน้ำมัน
• ข้อเสียของ Toyota C-HR การออกแบบสำหรับผู้โดยสารตอนหลังที่เหมือนไม่อยากให้มีด้วยซ้ำ

คะแนนความพึงพอใจในการใช้งาน สำหรับ Toyota C-HR

คะแนนความพึงพอใจจากการใช้งาน Toyota C-HR จาก 1-5 คะแนน โดย 5 คะแนน คือความพึ่งพอใจสูงสุด แบ่งเป็นแต่ละจุดได้ดังนี้

• ภาพรวม : 4.5 คะแนน
• สมรรถนะการขับขี่ : 5 คะแนน
• คุณภาพฟังก์ชันความสะดวกสบาย : 4 คะแนน
• พื้นที่การใช้งานของตัวรถ : 4 คะแนน
• ประสิทธิภาพเครื่องยนต์ : 4 คะแนน
• ความประหยัดน้ำมัน : 5 คะแนน
• ความคุ้มค่าของราคา : 5 คะแนน

ผู้เขียน : Capo & Tuner

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง one2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com