One2car.com
แอปพลิเคชัน One2Car
ทำนายราคารถของคุณ
4.5
21,133

เคลมประกันรถยนต์มีกี่แบบ แตกต่างกันอย่างไร

เรื่องเด่น

เคลมประกันรถยนต์มีกี่แบบ แตกต่างกันอย่างไร

สำหรับมือใหม่หัดขับหรือคนที่เพิ่งมีรถยนต์คันแรกนั้น เรื่องของการเคลมประกันหรือการทำประกันรถยนต์คงจะยังไม่ค่อยรู้เรื่องกันสักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะมาบอกให้ทุกคนได้รู้กันว่า เคลมประกันรถยนต์มีกี่แบบเผื่อจะได้เข้าใจในเรื่องของการทำประกันรถยนต์มากขึ้น


เคลมประกันรถยนต์มีกี่แบบ

ประกันรถยนต์แต่ละชั้นต่างกันยังไง หลายคนคงจะรู้เรื่องนี้กันมาบ้างแล้ว แต่ในส่วนของเรื่องการเคลมประกันนั้นหลายคนคงจะยังสับสนอยู่ไม่น้อย ซึ่งโดยปกติแล้วการเคลมประกันรถยนต์จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ

เคลมประกันแบบสด

การเคลมประกันแบบสดนี้หมายถึงการเคลมประกันตรงที่เกิดเหตุเลยโดยทันที โดยจะมีพนักงานของบริษัทมาตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้นตรงจุดเกิดเหตุพร้อมกับเก็บหลักฐานและเอกสารในการเคลมประกัน ซึ่งหลักฐานที่ว่าก็คือการถ่ายรูปตรงส่วนที่เสียหาย ที่เกิดเหตุ แบบที่เราเห็นกันประจำนั่นเอง

แน่นอนว่าการเคลมประกันนั้นก็จะต้องดูว่าเรามีคู่กรณีหรือไม่ ซึ่งก็จะแบบการเคลมประกันแบบแยกย่อยออกไปอีก 2 แบบด้วยกัน

  • เคลมประกันโดยมีคู่กรณี การเคลมประกันแบบสดมีคู่กรณีนั้นจะเป็น ประกันรถชั้น 1 ชั้น 2+ และ ชั้น 3+ ไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิดก็สามารถเคลมได้ แต่จำเป็นต้องขอข้อมูลส่วนตัวบางอย่างของคู่กรณีเอาไว้ด้วย เช่น เบอร์โทรศัพท์ ทะเบียนรถ และชื่อ-นามสกุล

  • เคลมประกันแบบไม่มีคู่กรณี การเคลมประกันแบบไม่ม่คู่กรณีนั้นจะต้องบอกก่อนว่าหากจะเคลมประกันแบบสดโดยที่ไม่มีคู่กรณีจะสามารถทำได้เฉพาะประกันชั้น 1 เท่านั้น แต่ก็ต้องเสียค่าเสียหายในส่วนแรกด้วย หรือที่เรียกว่า Deductible หรือ Excess นั่นเอง แต่ถ้าหากรถใครที่เป็นประกันชั้น 2+ และ ชั้น 3+ จะต้องมีพยานหลักฐาน กล้องบันทึก พยานผู้เห็นเหตุการณ์ หรือข้อมูลเกี่ยวกับรถคู่กรณีในกรณีที่โดนชนแล้วหนี

ขั้นตอนการเคลมประกันแบบสด

  1. หากเกิดเหตุขึ้นควรตั้งสติให้ดีและนำมือถือขึ้นมาถ่ายภาพเอาไว้เป็นหลักฐาน หรือบันทึกจดทะเบียนรถของคู่กรณีเอาไว้ เพื่อนำไปแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ของประกัน

  2. โทรแจ้งเจ้าหน้าที่หรือ Call Center ของบริษัทประกันภัยรถยนต์ที่ทำอยู่ เพื่อติดต่อให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบตรงจุดเกิดเหตุ ซึ่งเราจะต้องแจ้งลักษณะการเกิดเหตุ ทะเบียนรถยนต์และสถานที่ให้ชัดเจนต่อเจ้าหน้าที่ประกัน

  3. หากมีคนเจ็บ ให้ทำการโทรเรียกรถพยาบาลก่อนเป็นอันดับแรก

  4. เมื่อเจ้าหน้าที่ประกันมาถึงจุดเกิดเหตุ จะมีตรวจสอบความเสียหายรอบคันรถอย่างละเอียดเพื่อประเมินความเสียหาย จากนั้นจะออกใบเคลมรายการความเสียหายให้กับผู้เอาประกัน เพื่อใช้เป็นหลักฐานนำไปยื่นเคลมประกัน

เคลมประกันรถยนต์

เคลมประกันแบบแห้ง

แน่นอนว่าการเคลมประกันแบบแห้งต้องมีความแตกต่างจากแบบสดแน่นอน ซึ่งการเคลมประกันแบบแห้ง คือ เคลมประกันโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีพนักงานจากบริษัทมาตรวจสอบความเสียเหตุตรงที่เกิดเหตุ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นอุบัติเหตุที่ไม่เสียหายมากหรือรุนแรงไม่มาก อย่างเช่น รถขูดฟุตบาท ขับรถขูดประตูรั้วบ้าน ถอยรถชนต้นไม้ เป็นต้น

ในการเคลมประกันแบบแห้งนั้น จะต้องระบุวันเกิดเหตุ สถานที่ ระบุวันที่เกิดเหตุ ให้ชัดเจน แล้วจึงแจ้งกับบริษัทประกันรถยนต์ โดยเอกสารที่จะต้องยื่นกับบริษัทประกันในกรณีที่จะเคลมประกันรถยนต์แบบแห้งนั้นจะต้องมี 

  • บัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าของรถ

  • ใบขับขี่หรือสำเนา

  • เล่มทะเบียนรถ หรือสำเนา

  • สำเนากรมธรรม์ประกันภัย

  • ใบรับรองความเสียหาย หรือ ใบเคลมประกันรถที่ทางบริษัทออกให้ เพื่อใช้สำหรับยื่นให้อู่ซ่อมรถ

  • รูปถ่ายหลักฐานตรงที่เกิเหตุ รวมถึงบันทึกความเสียหาย วันที่ เวลา และสถานที่อย่างชัดเจน (กรณีเคลมแห้ง)

เคลมประกันแบบแห้งมีขั้นตอนอะไรบ้าง

  1. อันดับแรกให้โทรแจ้ง Call Center ของบริษัทประกันภัยที่ทำอยู่ ซึ่งจะต้องโทรไปหาบริษัทประกันก่อนที่จะนำรถไปเข้าอู่หรือไปซ่อม ห้ามโทรหลังจากนำไปซ่อมแล้ว

  2. แจ้ง วัน เวลา สถานที่เกิดเหตุและสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุกับเจ้าหน้าที่บริษัทประกัน

  3. ระบุวันที่จะนำรถเข้าไปเคลมที่อู่หรือศูนย์ซ่อมของบริษัทประกันภัยที่ทำอยู่

  4. เมื่อทำตามขั้นตอนข้างบนเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถนำรถเข้าไปซ่อมที่อู่หรือศูนย์ซ่อมของประกันรถยนต์ที่ทำอยู่ได้เลย ซึ่งจะต้องไปตามวันและเวลาที่ระบุ (หากมีการเปลี่ยนวันและเวลาควรจะโทรแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ประกันก่อน)

กรณีไหนบ้างที่ไม่สามารถเคลมประกันได้

  1. ใช้รถยนต์ในทางผิดกฎหมาย เช่น ขนส่งยาเสพติด หรือปล้นทรัพย์สิน

  2. ใช้แต่งซึ่งเพื่อนำไปแข่งขัน ซึ่งเป็นการใช้รถยนต์ผิดประเภท แถมยังสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น

  3. เมาแล้วขับ ผู้ขับขี่มีแอลกอฮอล์อยู่ในเลือดเกินกว่า 150 มิลลิกรัม

  4. นำรถไปใช้งานแบบผิดประเภทกับที่ระบุไว้ เช่น นำรถที่จดเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล ไปใช้ในเชิงพาณิชย์

  5. นำรถไปใช้นอกอาณาเขตคุ้มครองคือ การขับขี่รถออกไปนอกประเทศนั่นเอง (หากจำเป็นต้องใช้รถนอกประเทศต้องแจ้งเหตุผลกับทางประกัน)

  6. รถที่นำไปใช้ในการก่อจลาจล อุบัติเหตุจากสงคราม การปฏิวัติต่อต้าน เป็นต้น

  7. ไม่มีใบขับขี่ หรือไม่ได้ต่อใบขับขี่เกิน 3 เดือน

รถยนต์มือสอง one2car

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง one2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com



ข่าวฟีเจอร์

แนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า ‘ยังไงก็รอด’ ปี 2567 ต้นทุนแบตถูกลง 50%

แนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า ‘ยังไงก็รอด’ ปี 2567 ต้นทุนแบตถูกลง 50%

เรื่องเด่น
เจาะแนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า EV จะกลายเป็นรถยนต์แห่งอนาคตจริงหรือไม่ ? ปฏิวัติการขนส่งได้อย่างไร เคลียร์ความสงสัยได้ในบทความนี้ผ่าแนวโน้มอนาคตยานยนต์ไฟฟ้า ...
ในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า รถสันดาปมือสองจะตายจากเราไปหรือไม่?

ในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า รถสันดาปมือสองจะตายจากเราไปหรือไม่?

เรื่องเด่น
เมื่อรถยนต์ไฟฟ้ากำลังกลายเป็นกระแสหลักในประเทศไทย ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายพร้อมออปชั่นล้นๆ ก็ทำให้เกิดคำถามว่า ...
ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ตามวันเกิด พร้อมเวลาล้อหมุน

ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ตามวันเกิด พร้อมเวลาล้อหมุน

เรื่องเด่น
มาแล้ว! ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ใครยังไม่มีฤกษ์รับรถ รีบเข้ามา! ซินแสดูให้จริง อยากรู้เกิดวันนี้ควรออกรถวันเวลาไหนก็ย่อมได้ฤกษ์รับรถเดือนเมษายน ...

เเสดงความคิดเห็น

app-icon
app-icon
app-icon
ดูรถในฝันของคุณในแอป
ดาวน์โหลดแอปตอนนี้