One2car.com
One2car.com App
Predict the Price of Your Vehicle
4.5
21,133
Get

รีวิว Tank 300 Pro vs Ultra ต่างกันยังไง คุ้มไหมถ้าซื้อตัวท็อป?

Car Guides

รีวิว Tank 300 Pro vs Ultra ต่างกันยังไง คุ้มไหมถ้าซื้อตัวท็อป?

ตั้งแต่ GWM เปิดตัว Tank 300 รถ SUV สายออฟโรดไปก็สร้างเสียงฮือฮาในไทยไปไม่น้อย วันนี้เราพามาทำความรู้จักกับ Tank 300 รุ่น Pro และรุ่น Ultra กันว่าเขาเด็ดแค่ไหนครับ!


ทำความรู้จักกับ TANK 300

ทำความรู้จักกับ TANK 300

สำหรับ GWM TANK 300 เป็นรถเครื่องยนต์แบบ Hybrid แต่ว่าเขาไม่ได้มีเอาไว้เพื่อการประหยัดน้ำมันแต่อย่างใด เพราะรถยนต์คันนี้มีเอาไว้เพื่อการลุยแบบโหดร้าย โดยตัวรถ TANK 300 จะเป็นรถ SUV สไตล์ Off-Road เต็มพิกัด ไซซ์รถอยู่ที่ระดับ C-SUV ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มขนาดเดียวกันกับ Subaru Forester รถครอบครัวตัวลุย และ Honda CR-V รถครอบครัวสุดหรูแต่ดูแล้วลุยได้

อ่านเพิ่มเติม : รีวิว Subaru Forester รถ SUV สำหรับครอบครัวสายลุย

ทำความรู้จักกับ TANK 300

TANK 300 เป็นรถที่มีความโดดเด่นในทุกด้าน หากมองภายนอกแล้วจะรู้ได้ทันทีว่าเขาเกิดมาลุย ซึ่งหน้าตาของเขาจะดูมีความคลาสสิคแต่ซ่อนเทคโนโลยีและออปชันที่ทันสมัยเอาไว้อีกเพียบ อีกทั้งยังมีกลิ่นอายของรถยอดนิยมหลายๆ รุ่นมารวมอยู่ในรถคันนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น Honda CR-V Gen 1, Benz G-Class, Jeep Wrangler แต่ที่สำคัญเลยก็คือเขามีระบบกลับรถที่ไม่เหมือนค่ายไหนด้วย

โดย TANK 300 จะมีทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่

  • Tank 300 HEV PRO ราคา 1,649,000 บาท
  • Tank 300 HEV ULTRA ราคา 1,799,000 บาท

มิติตัวถังของ TANK 300

มิติตัวถังของ TANK 300

ถึงแม้จะบอกว่า TANK 300 เป็นรถ SUV แต่ระดับขนาดตัวและการออกแบบนี่ต้องบอกว่าเกิดมาเพื่อสู้กับรถ PPV สุดฮอตฮิตอย่าง Toyota Fortuner และ Ford Everest เลยก็ว่าได้ ถ้าหากจะสู้กับรถ SUV แท้ๆ ที่เกิดมาลุยเหมือนกับเขาน่าจะต้องสู้กับ Subaru Forester ถึงจะเหมาะสม แต่ดูเหมือนว่า Forester จะไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลย แป่ว… มาดูขนาดตัวถังของ TANK 300 กันดีกว่า

TANK 300 มีมิติตัวถังอยู่ที่

  • กว้าง 1,930 มม.
  • ความยาว 4,760 มม.
  • ความสูง 1,903 มม.
  • ความยาวฐานล้อ 2,750 มม.
  • Ground Clearance 224 มม.
  • ลุยน้ำได้ลึกสุด 700 มม.
  • น้ำหนักตัวรถ รุ่น Pro 2,305 กก. รุ่น Ultra  2,355 กก.
  • พื้นที่เก็บสัมภาระ 1635 ลิตร เมื่อพับเบาะแถวที่ 2

ซึ่งถ้าหากดูที่ขนาดตัวถังจะรู้ได้ทันทีว่า TANK 300 เป็น C-SUV ที่ใหญ่โตไปกว่า Subaru Forester และขนาดจะไปเทียบเคียงกับ Toyota Fortuner เลยทีเดียว เดี๋ยวเราเทียบให้ดู!

รุ่นรถยนต์

Subaru Forester

GWM Tank 300

Toyota Fortuner

กว้าง (มม.)

1,815

1,930

1,855

ยาว (มม.)

4,625

4,760

4,795

สูง (มม.)

1,730

1,903

1,835

Ground Clearance (มม.)

220

224

220

ฐานล้อ (มม.)

2,670

2,750

2,750

จากข้อมูลด้านบนเราจะเห็นว่าจริงๆ แล้วอย่าเรียกว่าเทียบเคียงกับ Toyota Fortuner เลย เรียกได้ว่าโอ่อ่ามากกว่าด้วยซ้ำไป ซึ่งเราจะลองเทียบกับอีก 1 รุ่นให้ดูแล้วคุณจะรู้เลยว่า Tank 300 นั้นใหญ่โตขนาดไหนและเกิดมาเพื่อสู้กับรถยนต์สายลุยอย่างรถ PPV จริงๆ โดยเราจะเทียบกับ Ford Everester ครับ

รุ่นรถยนต์

GWM Tank 300

Ford Everest

กว้าง (มม.)

1,930

1,923

ยาว (มม.)

4,760

4,914

สูง (มม.)

1,903

1,842

Ground Clearance (มม.)

224

223

ฐานล้อ (มม.)

2,750

2,900

จากข้อมูลที่เรานำ Tank 300 มาเทียบกับ Ford Everest เราจะพบว่า ขนาดนั้นใกล้เคียงกันมาก แปลว่า Tank 300 จะเป็น C-SUV ที่คันใหญ่มากขนคนไปลุยออฟโรดได้กันทั้งบ้างเลยก็ว่าได้ โดย Tank 300 จะ

  • กว้างกว่า Ford Everest ที่ 7 มม.
  • สั้นกว่า Ford Everest ที่ 154 มม.
  • สูงกว่า Ford Everest ที่ 64 มม.
  • Ground Clearance สูงกว่า  Ford Everest แค่ 1 มม.
  • ฐานล้อแคบกว่า  Ford Everest ที่ 150 มม.

อ่านเพิ่มเติม : รีวิว Ford Everest มือสอง รถอเนกประสงค์สัญชาติอเมริกัน เข้ม ดุดัน สไตล์สปอร์ต

เครื่องยนต์ของ Tank 300

เครื่องยนต์ของ Tank 300

ขนาดตัวใหญ่โตขนาดนี้แน่นอว่าน้ำหนักตัวก็ต้องเยอะตามเช่นกัน เรื่องขุมพลังก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ Tank 300 พาตัวรถที่ใหญ่เเละหนักเกือบ 2 ตันครึ่งขับผ่านสภาพเส้นทางอันโหดร้ายไปได้อย่างราบลื่นและเฉียบคมที่สุด คันนี้ใช้เป็นเครื่องยนต์ Hybrid ก็จริง แต่เขาไม่ได้เอาไว้ประหยัดน้ำมัน เขาเอาไว้เค้นแรง!

อ่านเพิ่มเติม : Plug in Hybrid คืออะไร ต่างจากรถไฮบริดทั่วไปอย่างไร?

โดย Tank 300 จะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.0 ลิตร Direct-injection พร้อมระบบอัดอากาศ VGT Turbocharged ให้กำลังสูงสุด 244 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร

ตัวเครื่องยนต์จะทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 106 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 268 นิวตันเมตร มาพร้อมแบตเตอรีความจุ 1.7 kWh ซึ่งจะทำให้พละกำลังรวมสูงสุดทั้งระบบเป็น 350 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุดอีก 616 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9HAT ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD Dual Speed

อ่านเพิ่มเติม : ระบบขับเคลื่อนรถยนต์แบบ FWD RWD AWD และ 4WD คืออะไร แตกต่างกันไหม

เรียกได้ว่าน้ำหนักตัวเกือบ 2 ตันครึ่งไม่เป็นปัญหาแน่ๆ สำหรับ Tank 300 จะทางชันทางเละขนาดไหนพี่เขาก็พร้อมลุยเสมอ แต่แค่พละกำลังมันอาจไม่ตอบโจทย์กับการเป็น SUV ที่ใช้ได้ทั้งการลุยแหลกและใช้งานในชีวิตจริงเสมอไป ต้องมีโหมดการขับขี่มารองรับด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเขามี และมีมากถึง 7 โหมด!

อ่านเพิ่มเติม : เครื่อง NA คืออะไร ต่างจาก Turbo ยังไง เลือกแบบไหนดี

โหมดการขับขี่ของ Tank 300

โหมดการขับขี่ของ Tank 300

ต้องบอกก่อนว่า Tank 300 จะมาพร้อมออปชันที่รถยนต์ออฟโรดที่แท้จริงควรจะต้องมีนั่นก็คือ ระบบล็อกเฟืองขับ (Electric Differential Lock Front & Rear), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบออฟโรด (Off-road cruise control)

มีระบบกลับรถในที่แคบ TANK Turn, ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ (Body transparent) และ หน้าจอแสดงระดับน้ำนอกตัวรถขณะขับลุยน้ำ (Wading Detection)

ซึ่งระบบเหล่านี้ต้องบอกว่าโหดเทียบเท่ากับรถเจ้าพ่อทางออฟโรดอย่าง Jeep Wrangler เลยทีดียว แต่ Jeep มี Sway Bar เป็นจุดขาย แน่นอน Tank 300 ก็มี TANK Turn ที่พอฟัดเหวี่ยงได้ แต่เมื่อเทียบกันแล้ว Jeep Wrangler จะได้เปรียบมากกว่าถ้านำไปลุยแบบโหดร้ายจริงๆ แต่จะเป็นรถที่ขับในชีวิตประจำวันได้ไม่ดีเท่า Tank 300 ครับ

อ่านเพิ่มเติม : รีวิว Jeep Wrangler Rubicon ราชาแห่งรถออฟโรดที่แท้จริง

โหมดการขับขี่ของ Tank 300

โหมดการขับขี่ของ Tank 300 มีมาให้มากถึง 7 โหมด นั่นก็เพื่อการรองรับกับการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่การขับขี่ในชีวิตจริงไปจนถึงการแบกของลุยทางออฟโรด

  • Normal โหมดการขับขี่ปกติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ
  • Sport โหมดการขับที่ตอบสนองเท้าได้รวดเร็วและแรง ขับเคลื่อน 4 ล้อ
  • Eco โหมดที่เน้นการประหยัดน้ำมัน ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง
  • Mud โหมดการขับขี่บนพื้นโคลน ขับเคลื่อน 4 ล้อ
  • Sand โหมดการขับขี่บนพื้นทราย ขับเคลื่อน 4 ล้อ
  • Snow โหมดการขับขี่บนพื้นลื่น การตอบสนองคันเร่งจะช้าลงป้องกันล้อหมุนฟรี ขับเคลื่อน 4 ล้อ
  • 4L โหมดการขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ความเร็วต่ำเพิ่มกำลัง ขับเคลื่อน 4 ล้อ ใช้สำหรับการออฟโรด

อ่านเพิ่มเติม : ระบบขับเคลื่อน 4WD คืออะไร ใช้งานแบบไหนให้เหมาะสม

TANK 300 น่าซื้อไหม ขับดีหรือเปล่า?

TANK 300 น่าซื้อไหม ขับดีหรือเปล่า?

ก่อนอื่นต้องบอกว่าถ้าใครอยากได้รถยนต์ที่มีหน้าตาหล่อเหลาคลาสสิคร่วมสมัยสไตล์ออฟโรดแต่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย รวมถึงถ้าคุณอยากได้การออกแบบภายในห้องโดยสารที่มีความหรูหราและพรีเมียมสุดดุจดั่ง Benz G-Class ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายมากกว่า Tank 300 จะเป็น SUV สายออฟโรดที่ถูกใจคุณมากแน่ๆ

TANK 300 จะโดดเด่นด้วยรูปทรงกล่องเหมือนรถทหารสมัยก่อน เป็นรถสไตล์ออฟโรดที่มีความร่วมสมัยสูงมาก การออกแบบเหมือนจะดิบแต่ก็ไม่ได้ดิบเถื่อนซะทีเดียวเพราะออปชันที่ให้มานั้นเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมาก

อ่านเพิ่มเติม : รวม 5 รถออฟโรด มือสอง สำหรับสายลุย ไม่คุยให้เสียเวลา!

ดีไซน์ภายนอกของ Tank 300

ดีไซน์ภายนอกของ Tank 300

กระจังหน้าดีไซน์ Rectangle มาพร้อมไฟ LED ทรงกลมตัดไฟเลี้ยวเส้นแนวนอนลากยาวถึงแก้มข้าง และตัดขอบด้วยสีดำเงาและโลโก้ TANK ขนาดใหญ่ ตัวรถมีซุ้มล้อขนาดใหญ่มากทั้งด้านหน้าและด้านหลังออกแบบให้ยื่นออกจากตัวรถทำให้ดูใหญ่โตแข็งแกร่งและพร้อมลุย

ด้านข้างด้วยความที่ตัวรถเป็นทรงกล่องและดีไซน์ให้เป็นรถยนต์สไตล์ออฟโรดแบบคลาสสิคร่วมสมัยจึงดูไม่มีอะไรมากแต่เขาซ่อนเทคโนโลยีเอาไว้ในมือจับประตูที่แสนธรรมดาของเขา คือระบบการล็อกและปลดล็อกประตูเมื่อกุญแจรถอยู่ที่ตัวผู้ใช้งาน

ดีไซน์ภายนอกของ Tank 300

เมื่อเราใช้งานเจ้า Tank 300 เวลาจะจะเปิดรถเราก็เปิดได้เลย จะล็อกรถก็เพียงแค่ใช่นิ้วสัมผัสเบาๆ ที่มือเปิดรถก็จะล็อกให้ทันทีไม่ต้องใช้ปุ่มให้ยุ่งยาก อีกทั้งยังมีบันไดข้างเอาไว้สำหรับเหยียบใช้งานได้จริง รวมถึงมีราวหลังคามาให้สำหรับเพิ่มเติมอุปกรณ์ต่างๆ ที่เราอยากใช้งานได้ด้วย

ดีไซน์ภายนอกของ Tank 300

ด้านหลังโดดเด่นด้วยประตูท้ายแบบ Horizontal หรือแบบประตูตู้เย็นที่เปิดใช้งานง่าย มียางอะไหล่ติดตั้งบนประตูท้าย พร้อมกล้องมองหลังที่ซ่อนอยู่บนฝาครอบยาง มีเซนเซอร์หน้าหลังรวม 8 จุด ไฟท้ายแบบ Vertical LED แนวตั้ง อีกทั้งกันชนด้านหลังก็ดีไซน์เป็นสันเหลี่ยมออกมารับกับซุ้มล้อหลังทำให้ด้านหลังดูแข็งแกร่งไม่แพ้หน้าของเขาเลย ต้องบอกว่าโดยรวมแล้วภายนอกของเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าใช้ลุย!

ออปชันภายนอกของ Tank 300

  • ไฟหน้า Intelligent LED
  • ระบบเปิดปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
  • ไฟส่องทางหลังดับเครื่อง Follow me home
  • ไฟส่องสว่าง Daytime Running Light แบบ LED
  • ไฟตัดหมอก LED
  • กันชนหน้าสีดำ
  • กันชนหลังสีดำพร้อมบันได
  • ประตูท้ายบานสวิง
  • ไฟท้าย Vertical LED
  • ยางอะไหล่แบบติดตั้งบนประตูท้าย
  • ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
  • ไฟตัดหมอกแบบ LED
  • หลังคาซันรูฟ Sunroof เปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า
  • เสาอากาศแบบ Shark Fin
  • มือจับเปิดประตูสีดำ
  • กระจกมองข้างสีดำ
  • บันไดข้างสีดำ
  • ราวหลังคาสีดำ
  • ซุ้มซ้อสีดำ
  • ล้ออัลลอย 17 นิ้ว สีดำ
  • ยาง AT ขนาด 265/65 R17

ดีไซน์ภายในของ Tank 300

ดีไซน์ภายในของ Tank 300

ภายในของ Tank 300 ต้องบอกว่าดูแพงมาก ใครอยากรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ใน Benz G-Class จะต้องชอบแน่ๆ เพราะการออกแบบภายในเขามาแบบ Premium Off-Road ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา ทันสมัย กว้างขวาง นั่งสบายทุกตำแหน่ง เบาะหนังของเขายังเป็นเบาะหนัง NAPPA พร้อมระบบ Welcome Seat เลยนะเออ อย่างกับรถยุโรป 

ดีไซน์ภายในของ Tank 300

ห้องโดยสารคลุมโทนสีดำเท่ๆ ดุๆ ตัดกับสีบนเพด้านห้องโดยสารที่ใช้สีเทาทำให้มันยังคงมีกลิ่นอายที่หรูหราด้วยการออกแบบที่พรีเมียมและยังดูบึกบึนลุยๆ ได้ด้วย ภายในห้องโดยสารมีราวโหนให้ใช้ขึ้นลงรถได้อย่างสะดวกหลายจุดตามสไตล์รถออฟโรด ซึ่งในห้องโดยสารจพมีแสงไฟ Ambient Light เพื่อเสริมความดุดันและความหรูด้วย

ดีไซน์ภายในของ Tank 300

อีกทั้งภายในยังมาพร้อมกับฟังก์ชันที่ล้ำสมัยและเอื้ออำนวยต่อการใช้งานทั้งในชีวิตประจำวันและในการลุย คือ Tank 300 เป็นรถยนต์ที่คุณต้องการอะไร เขาจะให้คุณมากกว่า ในค่าตัวเท่านี้ผมมองว่าคุ้มมาก อีกทั้งองศาการนั่งต่างๆ สบายมากด้วย

ที่วางเเขนด้านเบาะหลังเปิดออกมาชันได้ที่และมีที่วางแก้วน้ำให้ด้วย เรียกได้ว่าสบายทั้งหน้าและหลังแน่นอน การจัดวางตำแหน่งของปุ่มต่างๆ ก็จัดเรียงให้ใช้งานง่ายมาก

ออปชันภายในของ Tank 300

  • เบาะหนัง Nappa สีดำ
  • ไฟ Ambient Light
  • มือจับบนคอนโซลหน้าฝั่งผู้โดยสาร
  • มือจับบริเวณเสาหลังคา 4 ตำแหน่ง
  • มือจับบนประตู  3 ตำแหน่ง
  • นาฬิกาแบบอนาล็อกบริเวณคอนโซลหน้า
  • เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
  • เบาะคนขับมาพร้อมระบบนวดไฟฟ้า
  • เบาะคนขับมาพร้อม Memory Seat
  • เบาะคนขับมาพร้อม Welcome Seat
  • เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทาง
  • เบาะนั่งแถว 2 พับราบ 2 จังหวะ
  • เบาะนั่งแถว 2 พับแบบ 60:40 ได้
  • กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
  • ช่องชาร์จ USB Type-A บริเวณกระจกมองหลัง
  • หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ Digital 12.3 นิ้ว
  • หน้าจอกลางระบบสัมผัส 12.3 นิ้ว
  • รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto
  • ชุดเครื่องเสียง Infinity
  • ลำโพง 8 ตำแหน่ง
  • ระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ
  • พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง
  • เกียร์แบบไฟฟ้า Electronic Shifter
  • Paddle Shift สำหรับเปลี่ยนเกียร์เอง
  • เบรกมือไฟฟ้า
  • Auto Brake Hold
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ
  • ระบบกรองอากาศ PM 2.5
  • แท่นชาร์จ Wireless Charger
  • ช่องชาร์จ USB Type-A และ Type-C 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้โดยสารด้านหน้า
  • ช่องชาร์จ USB Type-A 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
  • กุญแจแบบ Smart Keyless พร้อมระบบ Walk-away Door Lock

ความรู้สึกในการขับขี่ TANK 300

ความรู้สึกในการขับขี่ TANK 300

เมื่อพูดถึงความรู้สึกเราต้องมาดูกันที่ช่วงล่างประกอบด้วย ซึ่งช่วงล่างของ Tank 300 ด้านหน้าจะใช้เป็นแบบอิสระปีกนกคู่ Double Cross Arm ด้านหลังเป็นแบบคานแข็งพร้อม Multi-link ซึ่งช่วงล่างแบบนี้มันแสดงออกถึงความแข็งแกร่งและความนุ่มนวลในการขับขี่ไปพร้อมๆ กัน

ซึ่งนอกจากช่วงล่างที่ดีแล้วพวงมาลัยของ Tank 300 ยังเป็นแบบ Rack & Pinion พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงด้วยระบบไฟฟ้า EPS ซึ่งเขาสามารถปรับน้ำหนักพวงมาลัยได้ถึง 3 ระดับ คือ Light, Comfort และ Sport ซึ่งนี้จะเป็นข้อดีที่ทำให้ Tank 300 เป็นรถยนต์ที่ทำให้ผู้ขับขี่สัมผัสประสบการณ์ได้หลายเลยก็ว่าได้

ในความรู้สึกของการขับขี่สำหรับช่วงล่างที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่แรงขนาดนี้ต้องบอกว่าเขาทำออกมาได้ดีมาก มันมีความรู้สึกที่นุ่มแต่ไม่นุ่มเกินไปจนรู้สึกว่ารถจะย้วยหรือโยนแต่อย่างใด

มันเป็นรถยนต์ที่ทำให้คุณขับขี่ได้สนุกสนานและสบายในทุกเส้นทางเลยก็ว่าได้ ขับบนทางออฟโรดก็สบายหรือ? คือ มันก็มีความเด้งๆ ตามสภาพเส้นทางออฟโรดแน่นอน แต่ความรู้สึกที่ได้มันจะรู้สึกได้ว่าขับสบายมากกว่าการใช้รถยนต์รุ่นอื่นๆ บนเส้นทางออฟโรด

ความรู้สึกในการขับขี่ TANK 300

แล้วถ้าหากถามว่าถ้าขับในทางออฟโรดยังรู้สึกสบายกว่าทั่วๆ ไป แต่ถ้ามันแรงขนาดนี้แล้วมันยังนุ่ม ถ้ามันมาอยู่บนทางราบจะดีจริงหรือ? ต้องบอกว่าใช้ได้เลยครับ แต่ถ้าคุณคะนองเท้ามันก็จะมีอาการสะบัดๆ บ้างนิดหน่อยตามสไตล์รถยกสูงซึ่งเป็นเรื่องปกติ

แต่ถ้าคุณขับกำลังพอดีๆ ตัวรถช่วงล่างดีมากและนุ่มแบบเฟิร์มๆ มากครับ ไม่ได้แข็งตึงตังอะไรมากแต่รู้สึกได้นิดหน่อยเท่านั้นเอง คือต้องบอกว่า Tank 300 ลงตัวกว่า Tank 500 เยอะมาก!

ทั้งนี้ Tank 300 ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยอีกหลายอย่างที่จะช่วยให้คุณอุ่นใจได้ในการขับขี่ เช่น

  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ Intelligent ACC
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ TJA 
  • ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ IIP แนวตรง แนวเทียบข้าง และ แนวเฉียง
  • ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ ARA เมื่อใช้ความเร็วต่ำกว่า 30 กม./ชม. ถอยหลังกลับได้ไกลสุด 50 เมตร โดยอัตโนมัติ
  • กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ตั้งค่าให้แสดงผลอัตโนมัติได้ที่ความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม.
  • ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก AEBI 
  • ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA & RCTB 
  • เซนเซอร์กะระยะด้านหน้า 6 ตำแหน่ง
  • เซนเซอร์กะระยะด้านหลัง 6 ตำแหน่ง
  • ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง WDS
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW 
  • ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน LCK 
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน ELK 
  • ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 SCM
  • ระบบช่วยลงทางลาดชัน HDC
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน HSA 
  • ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW 
  • ระบบตรวจความดันลมยาง TPMS

TANK Turn ระบบกลับรถตัวชูโรงของ Tank 300

TANK Turn ระบบกลับรถตัวชูโรงของ Tank 300

ถ้าจะไม่พูดถึงระบบนี้ก็ไม่ได้เลยสำหรับ Tank 300 เพราะนี่คือระบบที่เป็นหัวใจสำคัญสำหรับสายออฟโรดที่ชอบขึ้นเขาหรือเลาะเส้นทางที่มีความแคบ ด้วยตัวรถที่ค่อนข้างใหญ่โตของ Tank 300 เขาจึงมีการคิดเผื่อเอาไว้แล้วว่าการกลับรถในที่แคบอาจจะลำบากแน่ๆ

นี่แหละคือข้อดีของ TANK Turn ซึ่งระบบกลับรถในที่แคบหรือ TANK Turn จะเป็นระบบเบรกที่ล้อหลังเพื่อลดรัศมีวงเลี้ยวในความเร็วต่ำ ทำให้ตัวรถของเราสามารถกลับรถในพื้นที่ที่มีวงเลี้ยวแคบๆ ได้อย่างสบายๆ เลยทีเดียว

ความแตกต่างระหว่างรุ่น HEV PRO และ รุ่น HEV ULTRA

ความแตกต่างระหว่างรุ่น HEV PRO และ รุ่น HEV ULTRA

อยากจะบอกว่าถ้าเราดูที่ภายนอกอาจจะดูไม่ออกเลยก็ได้ว่าคันไหนคือ Tank 300 รุ่น HEV PRO และ รุ่น HEV ULTRA เพราะพื้นฐานช่วงล่าง ขนาดตัวรถ หน้าตาภายนอก และ ขุมพลัง เหมือนกันเป๊ะ! แต่ในรุ่นท็อปของเขาอย่าง Tank 300 HEV ULTRA จะมีสิ่งที่เพิ่มจากรุ่นเริ่มต้นดังนี้

  • กระจกมองข้างจำตำแหน่งการปรับได้
  • ซันรูฟไฟฟ้า
  • ยาง A/T (All Terrain)
  • ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย
  • ระบบกรองอากาศ ตรวจจับ PM 2.5 และ Ionizer
  • ลำโพงยี่ห้อ Infinity 8 ตําแหน่ง พร้อมซัพวูฟเฟอร์
  • เบาะหนัง Nappa
  • เบาะนั่งแถว 1 มีระบบบันทึกตําแหน่งพร้อมระบบ Welcome Seat และระบบระบายอากาศ
  • ช่องจ่ายไฟ 220V
  • ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ 3 รูปแบบ (IIP)
  • ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วตํ่า (TJA)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK)
  • ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงถูกชนด้านหลัง (RCW)
  • ระบบช่วยเตือนรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)
  • ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB)
  • เซนเซอร์หน้า 6 จุด หลัง 6 จุด

ซื้อ TANK 300 ตัวท็อปคุ้มกว่าไหม?

ซื้อ TANK 300 ตัวท็อปคุ้มกว่าไหม?

ถ้าหากถามผมซึ่งเป็นคนที่ชอบขับรถยนต์สไตล์ออฟโรดขึ้นป่าขึ้นเขาหรือชอบเดินทางไปแคมป์ปิ้งกับเพื่อนฝูงอยู่แล้ว ก็ต้องบอกว่าการเพิ่มเงิน 150,000 บาท เพื่อซื้อ Tank 300 ตัวท็อป เป็นสิ่งที่คุ้มค่า เพราะถ้าเราดูที่ระบบต่างๆ ที่เราจะได้เพิ่มเติมเข้ามาล้วนเป็นระบบที่ดีทั้งสิ้น

บางครั้งสายแคมป์อย่างเราก็ขนของเยอะจนท่วมหลังรถและมองอะไรข้างหลังไม่เห็นเลย ต้องอาศัยการมองกระจกข้าง หรือบางสถานการณ์เราอาจจะไม่ได้โฟกัสกับสภาพเส้นทางได้ดีขนาดนั้นอาจจะแบบหลุดสายตาและเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ การมีระบบเหล่านี้เพิ่มเข้ามาจะช่วยให้เราไปถึงจุดหมายได้อย่างสบายใจแน่ๆ รวมถึงยังทำให้เราสะดวกสบายขึ้นในหลายๆ สถานการณ์ด้วย

ส่วนตัวผมมองว่าส่วนต่างจากรุ่นเริ่มต้น 150,000 บาท เป็นส่วนต่างที่ใช้ซื้อระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือที่อัจฉริยะมากๆ มากกว่า ส่วนเรื่องออปชันเสริมต่างๆ ผมมองว่ามันก็เป็นสิ่งดีๆ ที่เราได้มาด้วย ซึ่งถ้าดูจากที่เรากล่าวมาทั้งหมดในงบส่วนต่างนี้ได้อะไรเพิ่มมาหลายอย่าง ส่วนตัวผมมองว่าคุ้มค่าครับ

อ่านเพิ่มเติม : รถมือสองสาย CAMPING เลือกคันไหนดี?

ซื้อ TANK 300 ตัวท็อปคุ้มกว่าไหม?

แต่นี่ก็เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้นครับ คำตอบมันก็ไม่ตายตัวเสมอไปสำหรับทุกคนครับ บางคนอาจจะคิดว่าระบบและออปชันที่ได้มาด้วย บางอย่างอาจจะไม่ได้จำเป็นก็ได้สำหรับการท่องเที่ยวหรือขับออฟโรด อย่างเช่น เบาะหนัง Nappa หรือระบบ Welcome Seat เป็นต้น

ซึ่งในส่วนต่างนี้ก็แล้วแต่ว่าทุกคนจะตัดสินใจว่ามันคุ้มหรือไม่ครับ แต่ก็ต้องบอกว่าแค่ตัวเริ่มต้น Tank 300 ก็ให้ทุกอย่างมาดีและคุ้มค่ามากแล้ว จะหยุดที่ตัวเริ่มต้นก็ได้หรือจะเพิ่มเงินข้ามไปตัวท็อปก็ยังคุ้มครับ แต่ส่วนตัวผมมองว่าคุ้มที่จะข้ามไปซื้อรุ่นท็อปครับ แต่ถ้าไม่ลุยหนักก็หยุดที่ตัวเริ่มต้นได้ แต่ว่าบางอย่างมีไว้ก็อุ่นใจกว่า ถึงจะใช้ไม่ค่อยเป็นแต่เรียนรู้กันได้แน่นอนครับสำหรับหรับตัวท็อป

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง one2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com



Pakkawat Unchalee

Pakkawat Unchalee

Content Writer

เริ่มต้นจากการเป็นนักเขียนแห่งวงการจักรยานระดับไฮเอนด์ สู่การเป็นนักเขียนของเว็บไซต์รถยนต์มือสองอันดับหนึ่งอย่าง one2car ถึงแม้จะมีความถนัดเรื่องจักรยานระดับไฮเอนด์เป็นพิเศษ แต่เรื่องรถยนต์ก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน หวังว่าทุกท่านจะเพลิดเพลินไปกับบทความที่ถูกเขียนโดยการจิ้มแป้นพิมพ์ของผมครับ


Featured

แนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า ‘ยังไงก็รอด’ ปี 2567 ต้นทุนแบตถูกลง 50%

แนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า ‘ยังไงก็รอด’ ปี 2567 ต้นทุนแบตถูกลง 50%

Car Guides
เจาะแนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า EV จะกลายเป็นรถยนต์แห่งอนาคตจริงหรือไม่ ? ปฏิวัติการขนส่งได้อย่างไร เคลียร์ความสงสัยได้ในบทความนี้ผ่าแนวโน้มอนาคตยานยนต์ไฟฟ้า ...
ในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า รถสันดาปมือสองจะตายจากเราไปหรือไม่?

ในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า รถสันดาปมือสองจะตายจากเราไปหรือไม่?

Car Guides
เมื่อรถยนต์ไฟฟ้ากำลังกลายเป็นกระแสหลักในประเทศไทย ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายพร้อมออปชั่นล้นๆ ก็ทำให้เกิดคำถามว่า ...
ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ตามวันเกิด พร้อมเวลาล้อหมุน

ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ตามวันเกิด พร้อมเวลาล้อหมุน

Car Guides
มาแล้ว! ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ใครยังไม่มีฤกษ์รับรถ รีบเข้ามา! ซินแสดูให้จริง อยากรู้เกิดวันนี้ควรออกรถวันเวลาไหนก็ย่อมได้ฤกษ์รับรถเดือนเมษายน ...

Comments

app-icon
app-icon
app-icon
View your Dream Cars
in the App
Download App Now