รีวิว Isuzu D-Max มีอะไรดีถึงครองใจคนไทยได้อยู่หมัด!

ทำความรู้จักกับ Isuzu D-Max หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “น้องออลนิว” รถกระบะสุดฮิตจากแบรนด์รองสู่แนวหน้าที่ทุกคนรู้จักและให้การยอมรับด้านสมรรถนะ น้องเขามีอะไรดีมาดูกัน!

ทำความรู้จักกับ Isuzu D-max

Isuzu D-Max หรือ น้องออลนิว เป็นกระบะใช้งานซึ่งมีรุ่นย่อยแยกออกมาค่อนข้างหลากหลายเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับกลุ่มลูกค้าทุกรูปแบบตั้งแต่การใช้งานแบบบรรทุกไปจนถึงการใช้งานแบบออฟโรดลุยแหลกแหวกเส้นทาง ที่สำคัญก็คือน้องออลนิวไม่ได้มีแค่เครื่อง 1.9 ลิตร อย่างที่ทุกคนคิด เขามีมากถึง 35 รุ่นย่อย แบ่งเป็น

• Isuzu D-max Spark ตอนเดียว ขับเคลื่อน 2 ล้อ 5 รุ่นย่อย
• Isuzu D-max Spark 4×4 ตอนเดียว ขับเคลื่อน 4 ล้อ 1 รุ่นย่อย
• Isuzu D-max Space Cab กระบะแค็บตัวเตี้ย 5 รุ่นย่อย
• Isuzu D-max Cab 4 กระบะ 4 ประตู ตัวเตี้ย 4 รุ่นย่อย
• Isuzu D-max Hi-lander กระบะแค็บ ขับ 2 ยกสูง 7 รุ่นย่อย
• Isuzu D-max Hi-lander กระบะ 4 ประตู ขับ 2 ยกสูง 9 รุ่นย่อย
• Isuzu D-max V-Cross กระบะแค็บ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 1 รุ่นย่อย
• Isuzu D-max V-Cross กระบะ 4 ประตู ขับเคลื่อน 4 ล้อ 3 รุ่นย่อย

โดยในตั้งแต่ปี 2019 ที่เราเรียกว่าน้องออลนิวจริงๆ ก็คือโฉมนี้ มาจากชื่อ All New Isuzu D-Max นั่นเอง ความพิเศษก็คือเขามีการปรับปรุงโครงสร้างตัวถัง ช่วงล่าง เครื่องยนต์ และ เกียร์ด้วย

อ่านเพิ่มเติม : ระบบขับเคลื่อนรถยนต์แบบ FWD RWD AWD และ 4WD คืออะไร แตกต่างกันไหม

โครงสร้างตัวถังและช่วงล่างใหม่ของ Isuzu D-Max

โครงสร้างตัวถังแบบใหม่ทั้งหมดเรียกว่า Dynamic Drive Platform มีการเสริมเหล็ก  ULTRA – HIGH TENSILE แกร่งและทนทานกว่าเหล็กธรรมดา ซึ่งตัวแชสซีส์ใหม่นี้จะมีขนาดใหญ่ขึ้นและรับแรงบิดได้สูงขึ้น 23% มีการเพิ่มคานตัดขวาง Cross Member เพื่อความเเข็งแรงที่มากขึ้น

ช่วงล่างหน้าใหม่แบบอิสระปีกนก 2 ชั้น Double Wishbone with Coil Spring และ ช่วงล่างหลังแหนบยาวแบบ LONG SPAN ใช้เทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า WSSP โดยรวมก็ทำให้รถยนต์คันนี้แกร่งขึ้น ขับดีขึ้นทุกมิติ และพร้อมใช้งานทุกสถานการณ์เลยครับ

เครื่องยนต์ของ Isuzu D-Max

เครื่องยนต์ของน้องออลนิวจะมีทั้งหมด 2 เครื่องยนต์ คือ เครื่องยนต์ดีเซล 1.9 VGS Turbo และ ดีเซล 3.0 VGS Turbo ซึ่งในแต่ละรุ่นย่อยของทุกรุ่นจะมีการวางเครื่องสองตัวนี้ด้วย วางต่างกันไปตามรุ่นย่อยอื่นๆ เพื่อความเหมาะสมในการใช้งานแต่ละแบบ โดยส่วนใหญ่รุ่นเริ่มต้นและรุ่นกลางจะเป็นเครื่อง 1.9 Turbo

อ่านเพิ่มเติม : เครื่อง NA คืออะไร ต่างจากเครื่อง Turbo ไหม แบบไหนดีกว่ากัน?

ส่วนตัวเกียร์เขาจะมีให้เลือก 2 แบบ แล้วแต่รุ่นว่ารุ่นไหนจะมีเกียร์ใดบ้าง ซึ่งจะใช้เกียร์ธรรมดา 6 สปีด หรือ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แต่ว่าตัวเกียร์อัตโนมัติจะเป็นแบบใหม่ลูกใหม่เลยและยังมาพร้อม Sequential Shift พร้อม Manual Mode + – อีกด้วย

อ่านเพิ่มเติม : Paddle Shift คืออะไร มีประโยชน์หรือไม่

เครื่องยนต์ดีเซล 1.9 VGS Turbo รหัส RZ4E-TC ขนาด 1.9 ลิตร 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC Commonrail Direct Injection พร้อมเทอร์โบแปรผันแบบครีบ VGS และ Intercooler กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ / เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ

เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 VGS Turbo รหัส 4JJ3-TCX ขนาด 3.0 ลิตร 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC Common Rail Direct Injection พร้อม Turbocharger VGS แบบแปรผัน และ Intercooler กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ / เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ

• Isuzu D-max Spark ตอนเดียว ขับเคลื่อน 2 ล้อ มีทั้งเครื่อง 1.9 และ เครื่อง 3.0 ลิตร
• Isuzu D-max Spark 4×4 ตอนเดียว ขับเคลื่อน 4 ล้อ มีทั้งเครื่อง 1.9 และ เครื่อง 3.0 ลิตร
• Isuzu D-max Space Cab กระบะแค็บตัวเตี้ย มีทั้งเครื่อง 1.9 และ เครื่อง 3.0 ลิตร
• Isuzu D-max CAB 4 กระบะ 4 ประตู ตัวเตี้ย เครื่อง 1.9 ลิตร
• Isuzu D-max Hi-lander กระบะแค็บ ขับ 2 ยกสูง เครื่อง 1.9 ลิตร
• Isuzu D-max Hi-lander กระบะ 4 ประตู ขับ 2 ยกสูง มีทั้งเครื่อง 1.9 และ เครื่อง 3.0 ลิตร
• Isuzu D-max V-Cross กระบะแค็บ ขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่อง 3.0 ลิตร
• Isuzu D-max V-Cross กระบะ 4 ประตู ขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่อง 3.0 ลิตร

Isuzu D-Max รุ่นไหนเหมาะกับใครบ้าง?

ถ้าหากรองดูจากพื้นฐานโครงสร้างตัวถังเราจะรู้ได้เลยว่า Isuzu D-Max ทุกรุ่นย่อยได้ก้าวข้ามมาตรฐานเดิมของเขาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยความแข็งแรงที่มากขึ้น การขับขี่ที่ดีขึ้น ตัวรถยนต์ที่พร้อมลุยและสู้งานมากขึ้น และหน้าตาที่หล่อเหลามากขึ้น โดยการเลือกรถยนต์รุ่นนี้เพื่อใช้งานก็แน่นอนว่าต้องดูตามความเหมาะสมของเครื่องยนต์เป็นหลักครับ

ถ้าเป็น Isuzu D-max รุ่น Spark แบบตอนเดียว ขับเคลื่อน 2 ล้อ เครื่องยนต์ 1.9 เทอร์โบ จะเหมาะกับการบรรทุก ใช้งานในสวน เป็นต้น ถ้าตัวเครื่อง 3.0 ก็จะเหมาะกับการบรรทุกของที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาหน่อย เพราะเครื่องยนต์ใหญ่ขึ้นกำลังรถก็จะเยอะขึ้นจึงใช้บรรทุกหนักได้เช่นกัน เช่น ใช้งานในสวนทุเรียน เป็นต้น

Isuzu D-max Spark 4×4 ตอนเดียว ขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่อง 1.9 จะเหมาะกับการบรรทุกหนักเหมือนกันเพราะมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ช่วยซับพอร์ต เช่นเดียวกับรุ่นเครื่อง 3.0 ขับ 4 ล้อ ก็เหมาะกับการบรรทุกของที่มีน้ำหนักเยอะๆ เช่น ขนของย้ายบ้านเป็นต้น

Isuzu D-max Space Cab กระบะแค็บตัวเตี้ย มีทั้งเครื่อง 1.9 และ เครื่อง 3.0 ที่เราพบเจอบ่อยๆ ก็จะเป็นเชิงการใช้บรรทุกของ เช่น ใช้ในการขนส่งที่เราจะชินตากัน ถ้าวิ่งรับส่งของระยะทางไกลเครื่อง 3.0 ก็จะเหมาะสมกว่าครับ

Isuzu D-max CAB 4 กระบะ 4 ประตู ตัวเตี้ย เครื่อง 1.9 ลิตร กระบะ 4 ประตู ตัวเตี้ยจะค่อนข้างใช้งานได้อย่างครอบคลุมตั้งแต่การใช้งานในชีวิตประจำวัน การบรรทุก หรือ ใช้เพื่อการขนของก็ได้เช่นกัน เช่น การไปแคมป์ปิ้งเป็นต้น

Isuzu D-max Hi-lander กระบะแค็บ ขับ 2 ยกสูง เครื่อง 1.9 ลิตร รุ่นนี้จะค่อนข้างเหมาะกับการลุยทางลูกรังเพื่อการบรรทุกและการขนย้ายเบาๆ เช่น ใช้งานในพื้นที่สวนที่มีทางเข้าเป็นทางลูกรังหินสลับเป็นต้น ตัวรถที่ยกสูงจะช่วยให้เราขับผ่านสภาพเส้นทางที่ทุรกันดารได้ดี

Isuzu D-max Hi-lander กระบะ 4 ประตู ขับ 2 ยกสูง มีทั้งเครื่อง 1.9 และ เครื่อง 3.0 ลิตร ในรุ่นนี้จะเหมาะกับการขับขี่ในชีวิตประจำวันครับ ตั้งแต่การใช้เพื่อขนของเบาๆ ไปจนถึงการขับท่องเที่ยว หรือจะเป็นการออฟโรดเบาๆ ลุยทางลูกรังก็ทำได้เช่นกัน

Isuzu D-max V-Cross กระบะแค็บ ขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่อง 3.0 ลิตร และ Isuzu D-max V-Cross กระบะ 4 ประตู ขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่อง 3.0 ลิตร แน่นอนว่าสองรุ่นนี้ต่างกันที่เป็นแบบ 2 และ 4 ประตู เท่านั้น แต่ทุกอย่างไม่ต่างกัน ซึ่งในรุ่นนี้จะเป็นรุ่นที่ใช้งานได้ครอบคลุมที่สุด ตั้งแต่การใช้ในชีวิตประจำวันไปจนถึงการขับขี่แบบออฟโรดเลยทีเดียว เละแค่ไหนก็ผ่านไปได้อย่างสบายๆ

นี่ก็เป็นแค่การยกตัวอย่างคร่าวๆ แต่จริงๆ แล้ว แต่ละรุ่นย่อยก็สามารถใช้งานได้อีกหลากหลายอย่าง หรือจะเลือกใช้งานตามความต้องการของผู้ซื้อก็ได้เช่นกัน เพราะกำลังของตัวรถค่อนข้างดี และตัวถังมีความเเข็งแรงมากเป็นทุนเดิมอยู่เเล้ว เพราะฉะนั้นก็จะใช้งานได้หลากหลายครับ

อุปกรณ์และการดีไซน์ Isuzu D-Max

ภายนอกต้องบอกว่าในปัจจุบันเขาหล่อขึ้นเยอะเลยสำหรับการเป็นรถกระบะเพื่อการใช้งาน เป็นรุ่นรถจากแบรนด์รองสู่การเป็นแบรนด์อันดับต้นๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้ Ford Ranger มันเป็นกระบะที่มองภาพโดยรวมเหมือนจะเรียบง่าย แต่จริงๆ แล้วมีเสน่ห์ทั้งความสวยงามที่ลงตัวและการใช้งานที่ดีเยี่ยม เบื้องต้นภายนอกจะมาพร้อมกับอุปกรณ์หลายๆ อย่าง (อุปกรณ์และฟังก์ชันอาจถูกตัดออกตามรุ่นย่อยบางรุ่น) เช่น

• กระจกบังลมหน้าแบบ IR Cut กรองรังสีอินฟราเรดป้องกัน UV-A / UV-B
• ไฟหน้า Projector Lens แบบ Bi-Beam LED
• ไฟ Daytime Running Lights แบบ LED
• กระจังหน้าสีดำเงาตัดด้วยขอบโครเมียม
• ไฟตัดหมอกคู่หน้า ไฟเลี้ยว LED
• ไฟท้าย LED พร้อมไฟหรี่ LED Light Guiding
• ระบบไฟหน้าเปิดปิดอัตโนมัติ
• ระบบไฟหน้า Follow me home
• ระบบไฟ Welcoming Light
• สีตัวถังภายนอก มีสีส้มใหม่
• ล้ออัลลอย 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60 R18
• ราวหลังคา
• ระบบสตาร์ทรถด้วยรีโมท Engine Remote Start
• ระบบล็อครถอัตโนมัติเมื่อเดินออกจากตัวรถ Walk Away Auto Lock
• ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ Rain Sensor
• ระบบฉีดน้ำบนก้านปัดน้ำฝน Blade Type

ภายในต้องบอกว่าน่าใช้งานมากในทุกๆ รุ่น แต่ถ้าเป็นรุ่นที่เน้นใช้งานบรรทุกก็จะดูเรียบง่ายๆ เน้นใช้งานไปหน่อย ส่วนรุ่นที่ใช้งานได้แบบครอบคลุมทั้งในชีวิตประจำวันไปจนถึงการขับลุยแหลกก็มีความน่าใช้งานมากขึ้นด้วย โดยรุ่นที่ใช้งานได้ครอบคลุมจะมาพร้อมกับฟังก์ชันเบื้องต้นดังนี้ (อุปกรณ์และฟังก์ชันอาจถูกตัดออกตามรุ่นย่อยบางรุ่น)

• ภายในห้องโดยสารสีทูโทน น้ำตาล - ดำ
• วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสารสีแบบ Piano Black
• หัวเกียร์ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงา
• เบาะนั่งแบบกึ่ง Bucket Seat
• เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสีน้ำตาล
• เบาะนั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง
• เบาะนั่งด้านหลังพนักพิงพับลงมาได้
• เบาะนั่งด้านหลัง เบาะรองนั่งแยกส่วน 60:40 พับยกขึ้นได้
• พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง
• พวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง
• ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone
• หน้าจอแสดงผลระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล
• ระบบกรองอากาศ PM 2.5
• ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
• ช่องชาร์จไฟ USB สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
• ระบบกุญแจ Smart Keyless Entry
• ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button
• มาตรวัดเรืองแสง Optitron
• หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID แบบสี TFT 3 มิติ ขนาด 4.2 นิ้ว
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control

ส่วนในด้านความเพลิดเพลินในการใช้งานนั้นก็มีมาให้ค่อนข้างครบ แต่ก็ต้องบอกว่าจุดนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นย่อยและค่าตัวของเขาด้วยเช่นกัน โดยในรุ่นที่ใช้งานได้อย่างครอบคลุมจะมาพร้อมกับ

• หน้าจอเครื่องเสียงแบบระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 9 นิ้ว
• ระบบสั่งงานด้วยเสียง Voice Recognition
• ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
• ช่องเชื่อมต่อ AUX
• ช่องเชื่อมต่อ USB
• เครื่องเสียงรองรับ Apple CarPlay / Android Auto
• สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
• ลำโพง 8 ตำแหน่ง

ด้านระบบความปลอดภัยเองก็มีมาให้อย่างจัดเต็ม พอเสริมเข้ากับตัวรถยนต์ที่มีตัวถังแข็งแรงขึ้นก็ต้องบอกว่ามันกลายเป็นรถยนต์ที่ขับขี่ได้อย่างมั่นใจแน่นอน (ระบบบางอย่างอาจถูกตัดออกตามรุ่นย่อย) โดยจะมาพร้อมกับ

• ระบบป้องกันล้อล็อค ABS
• ระบบกระจายแรงเบรก EBD
• ระบบเสริมแรงเบรก BA
• ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESC
• ระบบป้องกันการลื่นไถล TCS
• ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA
• ระบบช่วยลงจากทางลาดชัน HDC
• ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินเมื่อเบรกกระทันหัน ESS
• ปุ่มปรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Terrain Command Shift-on-fly
• ระบบล็อคเฟืองท้าย Electronic Rear Diff-Lock
• ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Monitoring
• ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert
• ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย)
• ระบบปลดล็อกประตูอัตโนมัติ เมื่อถุงลมนิรภัยทำงาน Crash Unlock
• เข็มขัดนิรภัยแบบ ELR 3 จุด 5 ตำแหน่ง
• เซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหน้า 4 ตำแหน่ง
• เซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหลัง 4 ตำแหน่ง
• กล้องมองภาพขณะถอยจอด

การปรับเปลี่ยนของ Isuzu D-Max V-Cross Minorchange

ซึ่งล่าสุดทาง Isuzu D-Max V-Cross มีการ Minorchange เป็นที่เรียบร้อย โดยราคาจะอยู่ที่

• D-Max V-Cross สองประตู 3.0 Z 6MT 4×4 ราคา 917,000 บาท 
• D-Max V-Cross Double Cab 3.0 Z 6MT 4×4 ราคา 1,034,000 บาท
• D-Max V-Cross Double Cab 3.0 ZP 6MT 4×4 ราคา 1,149,000 บาท
• D-Max V-Cross Double Cab 3.0 ZP 6AT 4×4 ราคา 1,257,000 บาท

ซึ่งรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงจะมีดังนี้

• เปลี่ยนกระจังหน้าดีไซน์ใหม่
• เปลี่ยนกันชนหน้าดีไซน์ใหม่
• เปลี่ยนชุดไฟหน้าดีไซน์ใหม่
• เปลี่ยนชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่แบบ Triple-Armour
• เปลี่ยนฝาท้ายดีไซน์ใหม่
• เปลี่ยนล้ออัลลอย 18 นิ้ว ลายใหม่ Turbine Spiral (เฉพาะรุ่น Z)
• เปลี่ยนล้ออัลลอย 18 นิ้ว ลายใหม่ Rugged & Wild (เฉพาะรุ่น ZP และ M)
• เปลี่ยนสีส้มโทนใหม่ Namibu Orange Mica
• เปลี่ยนชุดมาตรวัดดีไซน์ใหม่ พร้อมหน้าจอ MID ขนาด 7 นิ้ว
• เปลี่ยนวัสดุตกแต่งภายในใหม่
• เพิ่มระบบแสดงผลมุมปีนไต่และองศาการเลี้ยว
• เพิ่มแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift
• เพิ่มระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย Rear Cross Traffic Brake
• เพิ่มระบบ Rough Terrain Mode ควบคุมการกระจายกำลัง
• ปรับมุมมองกล้อง 3D Imaging Stereo Camera กว้างกว่าเดิม
• ราคาเพิ่มขึ้น 30,000 - 40,000 บาท

สำหรับการ Minorchange มีมิติตัวถังที่ยาวขึ้นนิดหน่อย

• ความยาว 5,280 มม. (ยาวขึ้น 15 มม.)
• ความกว้าง 1,870 มม.
• ความสูง 1,810 มม.
• ความยาวฐานล้อ 3,125 มม.
• ระยะตำ่สุดใต้ท้องรถ 240 มม.
• น้ำหนักตัวรถ 1,960 - 2,025 กก. (หนักขึ้น 5 กก.)

Isuzu D-MAX น่าซื้อหรือไม่?

ถ้าพูดถึงรถกระบะเราจะนึกถึงความรู้สึกที่แข็งกระด้างในการขับขี่ แต่ความน่าซื้อของ Isuzu D-Max มันคือความนุ่มนวลในการขับขี่ที่เขาให้ได้มากกว่ารถกระบะรุ่นอื่น แต่ถึงแม้ว่าจะนุ่มนวลมากกว่าแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเข้าจะแบกของหนักไม่ได้หรือไม่ปลอดภัยนะ เข้ามีความแข็งแรงมากและสามารถบรรทุกของหนักได้ดีไปพร้อมๆ กับช่วงล่างที่นุ่มนวล

ด้านการขับขี่เองเดิมๆ พละกำลังของเครื่องยนต์ค่อนข้างจะตอบโจทย์ทุกการใช้งานอยู่แล้วถมยังมีความทนทานสูงด้วย แต่ส่วนใหญ่เรามักจะเห็นคนนำไปโมเพิ่ม ซึ่งแน่นอนว่าแซ่บแบบดุเด็ดเผ็ดมันตามกำลังศรัทธาเลยทีเดียว

เรื่องการซ่อมบำรุงส่วนใหญ่แล้วคนมักจะคิดว่ารถกระบะที่อะไหล่หาง่ายและราคาถูกจะมีแต่ Toyota แต่เปล่าเลย Isuzu D-Max เอง ก็เป็นรถกระบะที่พังยากแต่เมื่อพังแล้วอะไหล่ก็หาง่ายและราคาถูกเช่นกัน ที่สำคัญเลยก็คือเข้ามีการทำตลาดในไทยมาอย่างยาวนาน เพราะฉะนั้นช่างที่ไหนก็จะซ่อมเป็นแน่นอน

ในรุ่นท็อปสุดของเขาอย่าง V-Cross 4x4 ก็ต้องบอกว่าสายออฟโรดมักจะมองข้ามเขาไป แต่ความเป็นจริงแล้วสักยภาพของตัวรถรุ่นนี้ค่อนข้างดุดันและลุยหนักได้เลย คือใช้แล้วไม่ต้องกังวล แค่จะด้อยกว่าคู่แข่งในเรื่องแรงม้าและแรงบิดเพียงเล็กน้อย แต่ต้องบอกว่าเดิมๆ มันก็ลุยหนักได้สบายมากแล้ว ราคาดีกว่าคู่แข่งด้วยนะ!

สรุปแล้ว Isuzu D-Max เป็นรถกระบะที่น่าซื้อครับ เข้ามีจุดเด่นและมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองค่อนข้างสูงเลยทีเดียว อีกทั้งราคายังค่อนข้างดีกว่าค่ายคู่แข่งด้วย แต่เรื่องความแข็งแกร่งพร้อมลุยเข้าไปมีทางด้อยไปกว่าค่ายไหนแน่นอนครับ

อ่านเพิ่มเติม : 10 รถกระบะ 4 ประตู ยี่ห้อไหนดี คุ้มที่สุด (2023)

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง one2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com