One2car.com
แอปพลิเคชัน One2Car
ทำนายราคารถของคุณ
4.5
21,133

10 วิธีขับรถลุยน้ำท่วม ทำยังไงไม่ให้รถพัง

เรื่องเด่น

10 วิธีขับรถลุยน้ำท่วม ทำยังไงไม่ให้รถพัง

 "น้ำท่วม" เป็นสิ่งที่ต้องเจอเป็นประจำในช่วงหน้าฝน โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานครหลายจุด ที่ได้รับผลกระทบต่อผู้ใช้รถใช้ถนนจำนวนมาก การขับลุยน้ำที่อาจจะทำให้รถยนต์ของท่านพังเสียหายได้ 

วันนี้เราจึงขอแชร์ 6 เทคนิค ขับรถลุยน้ำท่วม เพื่อความปลอดภัย รถไม่ดับเครื่องไม่พัง หมดห่วงเรื่องน้ำเข้ารถ ที่ทำให้เราสามารถรักษาเครื่องยนต์เอาไว้ได้ และถึงที่หมายอย่างปลอดภัยไร้กังวล 

ขับรถลุยน้ำ ควรทำอย่างไร

1. ตรวจสอบระดับน้ำบนถนน

ความสูงของระดับน้ำเมื่อสูงกว่าทางเท้า จะอยู่ที่ประมาณ 20 เซนติเมตร ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ปลอดภัย แต่ถ้าสูงกว่านั้นเกิน 30 เซนติเมตร ควรหลีกเลี่ยงใช้ทางอื่นจะดีที่สุด เพราะหากขับฝ่าไป อาจะเกิดเหตุการณ์น้ำเข้าตัวรถ นอกจากนั้นอาจส่งผลถึงเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้าได้ อาจเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันได้

2. เลือกถนนเลนระดับสูง

เปลี่ยนไปอยู่บนเลนที่สูงกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงระดับน้ำสูงเมื่อยู่ในเลยต่ำ ช่วยลดปัญหาน้ำเข้าสู่เครื่องยนต์ และทำใหรถของเราสามารถขับผ่านไปได้อย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงน้ำเข้าสู่เครื่องยนต์เมื่อขับรถลุยน้ำ ส่ลผลให้รถมีปัญหาในภายหลัง

3. ลดความเร็วลง

เมื่อไหร่ก็ตามที่ต้องขับรถฝ่าน้ำท่วม สิ่งที่ควรทำคือการขับรถช้าๆ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้ามาในเครื่องยนต์จนทำให้รถยนต์ดับ เปลี่ยนไปใช้เกียร์ต่ำ เพื่อให้รอบรถช้าลงไม่เกิน 2,000 ต่อนาที หรือถ้าขับเกียร์กระปุกให้ใช้เกียร์ 2 ก็เพียงพอ 

4. ปิดแอร์หรือเครื่องปรับอากาศ

วิธีที่จะช่วยให้เราขับรถลุยน้ำท่วมได้อย่างปลอดภัยนั่นก็คือการปิดแอร์หรือเครื่องปรับอากาศ เพราะเวลาพัดลมเครื่องปรับอากาศทำงาน เมื่อใบพัดหมุนมีโอกาสทำให้ดูดน้ำเข้าสู่เครื่องยนต์ ส่งผลให้เครื่องยนต์ขัดข้อง และช่วยหลีกเลี่ยงสิ่งสกปรกที่มากับน้ำได้อีกด้วย 

5. เมื่อขับรถลุยน้ำสวนกัน ควรลดความเร็วลง

เวลาขับรถสวนกัน ให้ลดความเร็วลง เพราะเวลาขับเร็วอาจสร้างคลื่นระดับน้ำสูงทำให้กระทบกับรถคันอื่นๆ ส่งผลให้เครื่องยนต์ดับหรือระบบไฟฟ้าเสียหายได้

6. ควรรักษาระยะห่างจากคันหน้ามากกว่าปกติ

เวลาขับรถฝ่าน้ำท่วม ประสิทธิภาพของผ้าเบรคจะลดลง จึงมีความจำเป็นต้องเว้นระยะห่างจากรถคันนี้ประมาณ 2-3 คันรถ เพื่อความปลอดภัย ลดการเกิดอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง

เนื่องจากประสิทธิภาพของผ้าเบรกจะลดลงเมื่อขับผ่านน้ำท่วม หากเกิดุการณ์ฉุกเฉิน จะได้มีระยะเบรกที่ปลอดภัย ระยะปลอดภัยประมาณ 2 – 3 เท่าของระยะปกติ 

7. อย่าเพิ่งรีบดับเครื่องยนต์ทันทีเมื่อถึงที่หมาย

เมื่อถึงที่หมาย อย่าเพิ่งดับรถ ให้ติดเครื่องทิ้งไว้ซักพักเพื่อรอให้น้ำระเหยออกมาจากระบบไอเสีย 

8. เหยียบเบรกหรือคลัตช์ซ้ำเพื่อให้น้ำไหลออก

สิ่งแรกที่ต้องทำหลังจากขับรถฝ่าน้ำท่วมออกมาได้แล้ว นั่นก็คือการย้ำเบรกบ่อยๆ เมื่อถึงจังหวะที่จะต้องหยุดรถ ให้ลองเหยียบเบรกถี่ๆ เป็นช่วงๆ เป็นการไล่น้ำออกจะระบบช่วยให้ผ้าเบรกแห้งไวขึ้น สำหรับรถยนต์ที่ใช้เกียร์ธรรมดา ให้เหยียบคลัตช์ซ้ำๆ แทน ช่วยให้คลัตช์ไม่ลื่นไถล 

9. ห้ามสตาร์ทเครื่องยนต์หากดับลงขณะขับกลางน้ำท่วม

เมื่อไหร่ที่เครื่องยนต์ดับ อย่าเพิ่งสตาร์ทรถเป็นอันขาด ควรขอความช่วยเหลือ ให้นำรถออกจากพื้นที่น้ำท่วมในทันที เพราะถ้าหากรถคุณดับท่ามกลางปริมาณน้ำที่สูง มีโอกาสที่น้ำจะเข้าไปในระบบเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้า อาจทำให้ทุกอย่างเสียหายยิ่งขึ้นกว่าเดิม

10. หากเครื่องดับกลางน้ำให้หาคนช่วยย้ายรถ
 เตรียมเบอร์คนช่วยย้ายรถไว้ได้เลย เมื่อไหร่ที่รถดับ อย่าฝืนสตาร์ท ให้ถอดขั้วเบตเตอรี่ออกเพื่อหยุดระบบไฟฟ้าในตัวรถ อย่าลืมว่าไฟฟ้าไม่ถูกกับน้ำ แต่ถ้ารถโดนน้ำท่วมหนักถึงขั้นกระจกรถ ให้เปลี่ยนของเหลวทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น, น้ำมันเครื่อง, น้ำมันเบรก และน้ำมันเกียร์เป็นต้น

น้ำท่วมระดับไหน? ไม่ควรขับลุย 


ระดับน้ำสูง 5 - 10 ซม.  

เป็นระดับน้ำที่ต่ำกว่าทางเท้า เป็นเพียงน้ำขังเล็กๆ ที่อยู่ตามหลุมถนน สามารถขับผ่านได้ แต่ไม่ควรขับเร็ว ขับขี่อย่างระมัดระวังจะดีที่สุด 

ระดับน้ำสูง 10 - 20 ซม. 

ระดับน้ำสูงประมาณทางเท้าหรือฟุตบาท ยังขับรถผ่านได้ ไม่ส่งผลต่อเครื่องยนต์ แต่จะได้ยินเสียงน้ำอยู่บริเวณใต้ท้องรถเป็นระยะๆ 

ระดับน้ำสูง 20 - 40 ซม. 

ความสูงของน้ำจะอยู่ ¾ ชองล้อรถยนต์ รถเก๋งควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากความสูงจากพื้นไม่เกิน 170 มม. ถ้าขับฝ่าทางน้ำท่วมไป น้ำอาจะเข้ารถไปสู่พรมได้ รวมถึงท่อไอเสียก็จะจมน้ำเช่นเดียวกัน รถยกสูงเช่นรถกระบะหรือเอสยูวี สามารถขับผ่านไปได้ แนะนำให้ขับช้าๆ จะดีที่สุด

ระดับน้ำสูง 40 - 60 ซม.

รถเก๋งไม่ควรขับฝ่าด้วยประการทั้งปวง ต้องหลีกเลี่ยงเส้นทาง รถกระบะหรือรถเอยูวีสามารถขับฝ่าไปได้ แต่ต้องระวังคลื่นน้ำจากฝั่งตรงข้าม อาจะทำให้ระดับน้ำที่สูงขึ้นไหลเข้าตัวรถได้ เวลาขับต้องปิดแอร์เพื่อป้องกันน้ำเข้าสู่เครื่องยนต์

ระดับน้ำสูง   60 - 80 ซม. 

ถือว่าเป็นระดับน้ำที่สูงมากๆ รถทุกประเภทไม่ควรขับผ่าน ถ้าไม่ใช้รถยกสูงที่ทำมาเพื่อขับลุยโดยเฉพาะ ไม่แนะนำให้ขับฝ่า ควรหันไปใช้เส้นทางอื่นจะดีที่สุด การขับลุยออกไปมีสิทธิ์ทำให้รถดับกลางทาง สร้างความเสียหายให้กับรถและคนรอบข้าง

 ระดับน้ำสูง  80 ซม.ขึ้นไป

อย่าหาทำขับฝ่าไปโดยเด็ดขาด เพราะนี่คือระดับน้ำที่สูงที่สุดที่รถจะรับไหว ท่วมทั้งกระโปรงและไฟหน้า จะเหลือก็เพียงหลังคาเท่านั้น แนะนำว่าไม่ควรขับลุย 

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง one2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com



Suttinun Poomkung

Suttinun Poomkung

Content Writer

จากนักเขียนครีเอทีฟคอนเทนต์ทุกเรื่องบนโลก สู่นักเขียนคอนเทนต์รถคลาสสิกและรถมือสอง พร้อมถ่ายทอดเรื่องราวของวงการยานยนต์ ให้เข้าใจง่าย เข้าถึงง่าย ไว้ใจได้เลยว่าได้ข้อมูลตรงใจแน่นอน


ข่าวฟีเจอร์

แนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า ‘ยังไงก็รอด’ ปี 2567 ต้นทุนแบตถูกลง 50%

แนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า ‘ยังไงก็รอด’ ปี 2567 ต้นทุนแบตถูกลง 50%

เรื่องเด่น
เจาะแนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า EV จะกลายเป็นรถยนต์แห่งอนาคตจริงหรือไม่ ? ปฏิวัติการขนส่งได้อย่างไร เคลียร์ความสงสัยได้ในบทความนี้ผ่าแนวโน้มอนาคตยานยนต์ไฟฟ้า ...
ในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า รถสันดาปมือสองจะตายจากเราไปหรือไม่?

ในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า รถสันดาปมือสองจะตายจากเราไปหรือไม่?

เรื่องเด่น
เมื่อรถยนต์ไฟฟ้ากำลังกลายเป็นกระแสหลักในประเทศไทย ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายพร้อมออปชั่นล้นๆ ก็ทำให้เกิดคำถามว่า ...
ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ตามวันเกิด พร้อมเวลาล้อหมุน

ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ตามวันเกิด พร้อมเวลาล้อหมุน

เรื่องเด่น
มาแล้ว! ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ใครยังไม่มีฤกษ์รับรถ รีบเข้ามา! ซินแสดูให้จริง อยากรู้เกิดวันนี้ควรออกรถวันเวลาไหนก็ย่อมได้ฤกษ์รับรถเดือนเมษายน ...

เเสดงความคิดเห็น

app-icon
app-icon
app-icon
ดูรถในฝันของคุณในแอป
ดาวน์โหลดแอปตอนนี้