5 สิ่งไม่ควรทำ ถ้าไม่อยากให้เกียร์ออโต้พังไว !

ในปัจจุบันรถยนต์เกียร์ออโต้มักจะเป็นที่นิยมมากกว่าเกียร์ธรรมดา เพราะเกียร์ออโต้ให้ความสะดวกสบายในการขับมากกว่า ซึ่งถ้าหากใครที่กำลังใช้รถเกียร์ออโต้อยู่ควรรู้ไว้เลย กับ 5 สิ่งที่ไม่ควรทำ ถ้าไม่อยากให้เกียร์ออโต้พังไว !

แน่นอนว่าเกียร์ออโต้ นั้นถึงจะดีแค่ไหนแต่ถ้าใช้แบบผิดวิธีก็ส่งผลให้เกียร์ออโต้พังเร็วได้เช่นกัน ซึ่งบอกเลยว่าหากทำเกียร์พังเมื่อไหร่ ค่าซ่อมและค่าอื่นๆ ที่ตามมาได้เสียเยอะแน่นอน เพราะฉะนั้นเราควรใช้ให้ถูกวิธีและควรถนอมเกียร์กันจะดีกว่า

ตำแหน่งเกียร์ออโต้ ใช้งานยังไงบ้าง

• เกียร์ P (Parking) : สำหรับจอดแบบล็อคล้อ จอดบนที่ลาดชัน เพื่อให้รถหยุดนิ่ง ใช้ร่วมกับการดึงเบรกมือ

• เกียร์ R (Reverse) : เป็นเกียร์ถอยหลัง เมื่อเราเปลี่ยนเกียร์มาที่เกียร์ R แล้วนั้นรถจะค่อยๆ ถอยหลังเองอย่างช้าๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเหยียบคันเร่ง

• เกียร์ N (Neutral) : เกียร์ว่าง สำหรับจอดรถแบบชั่วคราว จอดติดไฟแดง จอดริมทาง สามารถเข็นเคลื่อนย้ายได้ โดยล้อของรถจะไม่ถูกล็อก

• D (Drive) หรือ D4 : เกียร์สำหรับเคลื่อนที่ไปด้านหน้า เมื่อเหยียบคันเร่งเกียร์จะเปลี่ยนให้เองอัตโนมัติ สามารถเหยียบคันเร่งเพื่อเพิ่มความเร็วไปตามรอบเครื่องยนต์ เริ่มตั้งแต่เกียร์ 1 ไป จนถึงเกียร์ 4  ถือว่าเป็นเกียร์ที่ใช้งานบ่อย

• L (Low) : หรือ D2 ใช้ขับขึ้นลงทางชัน เช่น ภูเขา ลานจอดรถในห้าง เป็นต้น โดยรถจะเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติที่เกียร์ 1-2 เพื่อปรับให้เหมาะกับการขับขี่ขึ้นทางลาดชันที่ไม่สูงมากและใช้ความเร็วได้พอสมควร

• S (Sport) : สำหรับเร่งแซง หรือขับขึ้นเขา ตอบสนองอัตราเร่งได้ดี เกียร์จะเปลี่ยนช้าลงได้รอบที่สูงขึ้น จะพบในรถยนต์เกียร์ออโต้รุ่นใหม่ๆ ส่วนใหญ่ไว้ใช้สำหรับเร่งแซง

• B (Brake) : จะพบในรถยนต์เกียร์ออโต้รุ่นใหม่ๆ เช่นกัน ซึ่งการทำงานของเกียร์นี้จะมีลักษณะคล้ายเกียร์ L คือใช้สำหรับขับขึ้นลงทางชัน และช่วยเบรกในระบบการทำงานด้วยเกียร์

เกียร์ออโต้พังเร็ว เกิดจากอะไร

1.เร่งเครื่องยนต์แรงๆ แล้วออกตัวทันที

หากใครที่เป็นสายซิ่งมักจะทำแบบนี้กันบ่อยๆ แน่นอน แม้การทำแบบนี้จะทำให้ตัวรถออกแรงเร็วจริงก็ตาม แต่แรงกระชากจะส่งผลกับชุดเกียร์และเพลาขับแบบเต็มๆ ซึ่งจะสงผลให้เกิดความเสียหายต่างๆ ได้

2.คิกดาวน์ หรือเหยียบคันเร่งจนมิดบ่อยๆ

การขับรถนั้นไม่ควรขับแบบคิกดาวน์บ่อยๆ ก็ส่งผลต่อเกียร์ออโต้พังได้เร็ว เพราะในแต่ละครั้งที่เร่งเครื่องยนต์แรงหรือลากรอบเครื่องยนต์สูงกว่าปกติทั่วไป ชุดฟันเฟืองต่างๆ ในเกียร์ก็จะหมุนด้วยความเร็วสูงทำให้มีการเสียดสีเกิดขึ้น และความร้อนสะสมสูงมากขึ้นกว่าปกติด้วย เพราฉะนั้นถ้าหากมีการคิกดาวน์บ่อยๆ ก็ยิ่งทำให้เกิดการสึกหรอเร็วขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง

3.เข้าเกียร์ P เมื่อรถติดหรือหยุดรถชั่วคราว

หลายคนมักเข้าใจผิดว่าหากหยุดรถก็สามารถเข้าเกียร์ P ได้เช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ให้รถไหล แต่จริงๆ แล้วนั้นหากไม่ได้จอดรถในบ้าน ในห้าง หรือสถานที่จอดรถ ควรที่จะเข้าเกียร์ N แล้วดึงเบรกมือไว้ เพราะหากจอดหรือหยุดรถชั่วคราวอย่างรถติด แล้วเข้าเกียร์ P สลักล็อกจะทำงาน ซึ่งเมื่อใดที่เกิดอุบัติเหตุถูกรถชนท้าย ความเสียหายจะเกิดขึ้นกับชุดเกียร์ทันที

4.เข้าเกียร์ว่าง (N) แล้วปล่อยรถไหล 

เชื่อเลยว่ามีหลายคนที่ทำแบบนี้คือ การปล่อยรถให้ไหลก่อนไปติดไฟแดงตามแยกหรือปล่อยรถไหลลงสะพาน ต้องขอบอกเลยว่าการทำแบบนี้จะก่อให้เกิดส่งผลเสียอย่างร้ายแรงเลยทีเดียว เพราะเนื่องจากชุดเกียร์เกิดการขบกับฟันเฟืองไปมาโดยไม่มีน้ำมันเกียร์เข้าไปหล่อเลี้ยง จะทำให้ความร้อนสูงมากกว่าปกติ และทำให้เกิดความเสียหายในชุดเกียร์ได้

5.ลากรถเสียโดยไม่ยกล้อ 

เมื่อเกิดรถเสียระหว่างทางแน่นอนว่าหลายคนก็มักจะบริการรถสไลด์กัน แต่ถ้าหากไม่ใช้รถสไลด์ก็มักจะเรียกรถลากแทน แต่การใช้รถลากนั้นต้องดูให้ดีทีเดียว หากเราเป็นการขับเคลื่อนล้อหน้า ก็จะต้องยกล้อข้างหน้าขึ้นด้วย เพราะเนื่องจากรถที่ถูกลากจะไม่ได้สตาร์ทเครื่องยนต์ไว้แล้วหากไม่ได้ยกล้อหน้า ก็จะทำให้ปั๊มน้ำมันเกียร์ไม่ทำงาน ไม่มีการหล่อลื่น จึงทำให้เกิดการเสียดสี และมีความร้อนสูงเกิดขึ้นในห้องเกียร์ได้ ซึ่งหากไม่มีทางเลือกจริงๆ ขอแนะนำว่าให้รีบลากไปอู่ที่ใกล้ที่สุด และควรลากระในความเร็วที่ไม่เกิน 20 - 30 กม./ชม.

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง one2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com