5 รุ่นรถ CROSSOVER (ครอสโอเวอร์) ที่น่าสนใจ

รถครอสโอเวอร์ เป็นประเภทรถยนต์ที่ไม่ค่อยคุ้นหูบางคนเท่าไร แต่บอกเลยว่าสมรรถนะในการขับขี่นั้นดีเยี่ยม แถมตอบโจทย์คนอยากได้รถสูง ๆ แต่ขนาดไม่ใหญ่มาก รุ่นไหนน่าสนใจบ้าง ไปดูกันครับ

รถยนต์ CROSSOVER (ครอสโอเวอร์) ในไทย รุ่นไหนน่าสนใจบ้าง

1. Toyota C-HR

Toyota C-HR (โตโยต้า ซี-เอชอาร์) เป็นรถครอสโอเวอร์ที่เปิดตัวเมื่อปี 2017 ในงาน Motor Expo 2017 เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร มีให้เลือกทั้งแบบเครื่องยนต์ธรรมดาและไฮบริด ที่มีความโดดเด่นในเรื่องอัตราการประหยัดน้ำมัน 24.4 กม./ลิตร ผสาน 2 ขุมพลังแบบ FULL HYBRID (Dual Source of Power)

Full HYBRID คือหนึ่งในระบบไฮบริดที่สมบูรณ์แบบที่สุด ผสานการทำงานของ 2 แหล่งพลังขับเคลื่อนได้อย่างลงตัวทั้งจากเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง และมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ให้พลังสูงเพื่อสมรรถนะที่เปี่ยมประสิทธิภาพ ในทุกจังหวะของการขับขี่ตั้งแต่การออกตัว การชับขี่ความเร็วต่ำ และการใช้ความเร็วสูงซึ่งให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยม

มีรุ่นย่อยทั้งหมด4รุ่นย่อย  ในส่วนของราคาค่าตัว ทางToyota ยังไม่ได้แจ้งอย่างเป็นทางการ แต่ราคาโดยประมาณ เริ่มต้นที่ไม่เกิน 1 ล้านบาท  และในรุ่นTop ไม่เกิน 1.2 ล้านบาท

2. Honda HR-V

Honda HR-V (ฮอนด้า เอชอาร์-วี) เปิดตัวประมาณปี 2014 เป็นรถยนต์สปอร์ตครอสโอเวอร์ขนาดเล็กรุ่นใหม่จาก Honda โดยในต่างประเทศใช้ชื่อ Vezel มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร (SOHC) 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC 141 แรงม้า โดยมีตัวเลือกทั้งหมด 4 ตัวเลือกในรุ่น S, E, E Limited, EL รองรับพลังงานทางเลือก E85

รูปร่างภายนอก ตัวถังออกแบบให้ดูสปอร์ต มี Panoramic Sunroof ขนาดใหญ่คลุมพื้นที่เบาะนั่งทั้ง 2 ฝั่ง พร้อมระบบเปิดปิดแบบ One-Touch ตัวเทคโนโลยีที่เพิ่มมาคือ Electronic Parking Brake ระบบเบรกมือไฟฟ้า และ Auto Brake Hold ปุ่มควบคุมระบบเบรกอัตโนมัติ สำหรับราคามือสองปัจจุบัน เริ่มต้นที่ประมาณ 6.7 แสนบาท

3. Nissan Juke

Nissan Juke (นิสสัน จู๊ค) เดิมทีเป็นรถนำเข้า ต่อมาประมาณปี 2013 ช่วงปลายปี ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทย นิสสัน จู๊ค รถสปอร์ตครอสโอเวอร์ได้รับการพัฒนาภายใต้นิยาม Unique Sport Crossover จากการผสานความแตกต่างของดีไซน์และเทคโนโลยีที่ลงตัว ทำให้นิสสันจู๊ค มีรูปแบบรถที่ไม่เหมือนใคร

มีระบบเครื่องเสียง EZ Talk หน้าจอสัมผัสแบบพกพาขนาด 7 นิ้ว, ระบบเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต I-Connect  รองรับ แอนดรอยด์ พร้อมวิทยุ AM/FM, ระบบเชื่อมต่อ Smart Phone, เชื่อมต่อ Internet ผ่านสัญญาณ Wi-Fi, รองรับ USB / SD Card / Aux-in, ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สาย Bluetooth และระบบสั่งการด้วยเสียง Voice Recognition ลำโพง 6 ตัว

เครื่องยนต์รหัส HR16 ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮด แคมชาฟท์ (DOHC) 4 สูบ 16 วาล์ว Twin C-VTC ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์มัลติพอยท์ (ECCS) 32 bit ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก 78.0 x 83.6 มม. เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร แรงม้าสูงสุด 116 (85) พีเอส (กิโลวัตต์) / 5600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 154 (15.7) นิวตัน-เมตร (กิโลกรัม-เมตร) / 4,000 รอบต่อนาที สำหรับราคามือสองปัจจุบัน เริ่มต้นที่ประมาณ 4.5 แสนบาท

4. Ford EcoSport

Ford EcoSport (ฟอร์ด เอคโคสปอร์ต) รถคอร์สโอเวอร์ที่เปิดตัวประมาณปี 2014 เป็นรถเน้นการใช้งานในตัวเมือง มีดีไซน์ โฉบเฉี่ยว จากไฟหน้าทรงเหลี่ยมที่ดูเล็กเรียว ส่วนไฟท้ายได้ถ่ายทอดรูปแบบมาจาก Ford Focus Sedan

ด้านข้างลำตัวมีเส้นสายคาดผ่าน เรียก water line เพื่อให้รถดูมีความคมดูมีมิติมากขึ้น ฟอร์ด เอคโคสปอร์ต มาพร้อมเครื่องยนต์ Duratec ขนาด 1.5 ลิตร  4 สูบ  พร้อมระบบวาล์วแปรผัน Ti-VCT ให้กำลัง 110 แรงม้า สำหรับราคามือสองปัจจุบัน เริ่มต้นที่ประมาณ 4.4 แสนบาท

5. Mazda CX-3

Mazda CX-3 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-3) เปิดตัวประมาณปี 2015 เป็นรถสปอร์ตครอสโอเวอร์ ไซซ์เล็กกะทัดรัด การเก็บเสียงค่อยข้างดีมาก แม้วิ่งด้วยความเร็ว 160-170 กิโลเมตร/ชั่วโมง เสียงที่ผ่านเข้ามาในห้องโดยสารค่อนข้างน้อย สามารถฟังเพลงจากวิทยุได้ปกติโดยไม่ต้องเพิ่มเสียงแต่อย่างใด

สำหรับเบาะนั่งตอนหลังด้วยการออกแบบให้รถยนต์มีความเป็นสปอร์ตคล่องตัว จึงทำให้เบาะแถวหลังอาจจะคับแคบไปสักนิด ถ้าเทียบกับคู่แข่งในตลาด จะเหมาะสมสำหรับครอบครัวเล็ก คือมี พ่อ แม่ และอาจจะมีลูกเด็ก เล็กแดง หรือ คนที่มีรูปร่างไม่ใหญ่มากสำหรับการโดยสารในแถวหลัง

แม้ในส่วนของห้องโดยสารอาจจะเล็กกว่าคู่แข่ง แต่การเข้า-ออกรถยนต์ กลับไม่เป็นปัญหาเพราะบริเวณประตูมีการออกแบบให้สอดคล้องกับสรีระมนุษย์ อีกทั้งเรื่องความสวยงาม สปอร์ตลงตัว วัสดุที่ใช้ค่อนข้างดี การเก็บเสียงที่ดี ซึ่งน่าจะถูกใจสำหรับวัยรุ่น และครอบครัวขนาดเล็ก

เครื่องยนต์มีให้เลือกทั้งเบนซินและดีเซล โดยเริ่มจากเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร แบบแถวเรียงสี่กระบอกสูบกำลัง 120 แรงม้ากับแรงบิด 205 นิวตันเมตร ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลเป็นเครื่องแบบดีเซลแถวเรียง 1.5 ลิตร เทอร์โบ คลีนดีเซล ที่ยกมาจาก Mazda 2

กำลัง 105 แรงม้ากับแรงบิด 270 นิวตันเมตร ระบบขับเคลื่อนมีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้า FWD และขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD ควบคุมการทำงานด้วยการถ่ายเทเฉลี่ยแรงบิดไปยังล้อขับเคลื่อนหน้า-หลังด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับราคามือสองปัจจุบัน เริ่มต้นที่ประมาณ 6.8 แสนบาท

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com