แบตเตอรี่ อุปกรณ์ส่วนเล็กๆที่จุดประกายให้รถขับเคลื่อนได้ เพราะหน้าที่ของแบตเตอรี่ คือการเก็บกระแสไฟฟ้า และจ่ายกระแสไฟฟ้าให้เครื่องยนต์สตาร์ทติดได้ รวมถึงจ่ายกระแสไฟให้กับอุปกรณ์เสริมอื่นๆที่ต้องการใช้ไฟอีกด้วย
โดยปกติอายุแบตเตอรี่จะมีอายุการใช้งานได้ราวๆ 18 เดือนถึง 24 เดือน หากรถคันไหนดูแลได้ดี อาจใช้งานได้มากกว่า 24 เดือน ถือว่าคุ้มค่าอย่างมากสำหรับการใช้งานแบตเตอรี่

การดูแลแบตเตอรี่ง่ายๆ ที่เราละเลย
การดูแลรักษาแบตเตอรี่ ควรทำความสะอาดสายไฟทั้งขั้วบวก และขั้วลบ โดยใช้น้ำอุ่นราด และเช็ดให้แห้งอยู่เสมอ ใช้จาระบีทาบางๆเพื่อไม่ให้ตะกรันขาวมาจับที่ขั้ว ในกรณีที่ใช้แบตเตอรี่แบบน้ำกลั่น ควรเช็ค และเติมน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่กำหนด ไม่ควรเติมน้ำกลั่นให้เกินระดับ เพราะน้ำกลั่นที่เติมลงไปในแบตเตอรี่จะกลายสภาพเป็นน้ำกรด เวลาที่แบตเตอรี่ทำงานน้ำกรดจะเดือดออกมาทางรูระบายไปกัดวัสดุต่างๆได้ เช่นฐานแบตเตอรี่, เหล็กรัดฐานแบตเตอรี่ หรืออาจกัดตัวถังในบริเวณที่ใกล้ฐานแบตเตอรี่ได้ นอกจากนี้ควรวัดระดับไฟของแบตเตอรี่ และชาร์จไฟอย่างสม่ำเสมอประมาณ 6 เดือนครั้ง โดยแบตเตอรี่ที่ดีควรมีกระแสไฟอยู่ที่ 12-14 โวลต์

แบตเตอรี่หมด อดสนุก
อาการที่สะท้อนให้เห็นว่าแบตเตอรี่ใกล้หมด คือ สตาร์ทรถไม่ติดในครั้งเดียว หรือมีไฟแสดงบนแผงหน้าปัด หากพบอาการดังกล่าว ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ เพราะบางครั้งเราไปจอดรถในที่ต่างๆ หรือจอดระหว่างทางเวลากลางคืน อาจทำให้เสียเวลา และเป็นอันตรายในบางสถานที่ เพราะหน้าที่หลักๆของแบตเตอรี่คือจ่ายกระแสไฟไปสตาร์ทเครื่องยนต์

การถอดขั้วแบตเตอรี่รถยนต์
งงทุกทีหากต้องมีการเปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วยตัวเอง จะเอาขั้วไหน ออกก่อน-ออกหลัง ดี คำตอบง่ายๆ คือ
การถอดขั้วแบตเตอรี่ ให้นำ ขั้วลบ ออกก่อน ขั้วบวก
การใส่ขั้วแบตเตอรี่ ให้นำ ขั้วบวก ใส่ก่อน ขั้วลบ
สำหรับสาเหตุที่ต้องถอดขั้วลบก่อน เพื่อป้องกันการลัดวงจร หากเครื่องมือที่ใช้ถอดแบตไปโดนส่วนที่เป็นเหล็ก อาจทำให้เกิดการสปาร์ค หรือลัดวงจร และหากทำสลับกันอาจส่งผลกระทบถึงระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์ได้
จำไว้ให้แม่น!! ถอดขั้วลบก่อนทุกครั้งที่ถอดแบตเตอรี่
![]()
การพ่วงแบตเตอรี่เมื่อไฟหมด
คนใช้รถ อาจพบเจอเหตุการณ์ที่เป็นช่วงหนึ่งของชีวิต คือ แบตหมดสตาร์ทไม่ติด ต้องหารถ หรือไหว้วานให้รถคันอื่นมาช่วย แต่ก็ยังงงกับการพ่วงแบตเตอรี่ ว่าต้องหนีบขั้วไหนก่อน-หลัง หลักการง่ายๆที่ต้องจำไว้ยามฉุกเฉินคือ
ขั้นตอนที่ 1 หัวคีบสีแดง คีบขั้วบวก (+) คันที่มีแบต
ขั้นตอนที่ 2 หัวคีบสีแดง คีบขั้วบวก (+) คันที่แบตหมด
ขั้นตอนที่ 3 หัวคีบสีดำ คีบขั้วลบ (-) คันที่มีแบต
ขั้นตอนที่ 4 หัวคีบสีดำ คีบขั้วลบ (-) คันที่แบตหมด
หลังจากนั้นเริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์รถคันที่มีแบตก่อน พร้อมเร่งเครื่อง จากนั้นสตาร์ทรถคันที่แบตหมดเป็นอันจบพิธี แต่มีข้อควรระวังคือ อย่าให้ขั้วสายพ่วงโดนกัน เพราะอาจทำให้ไฟสปาร์คกันได้
ทั้งหมดนี้ก็เป็นสาระดีๆในการดูแลแบตเตอรี่ จาก “วันทูคาร์ เช็คให้”
หากต้องการซื้อรถมือสองเมื่อใด นึกถึง “วันทูคาร์ เช็คให้” บริการตรวจสอบสภาพรถยนต์มือสอง ได้รถใช้ มั่นใจชัวร์
เช็คราคารถใหม่ และโปรโมชั่น ได้ที่นี่ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
มาร่วมแชร์ความเห็นของคุณบนเวบบอร์ด Autospinn คลิกที่นี