รถยนต์ยุคใหม่ กับ 7 เทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำ!

แผงควบคุมด้านหน้ารถ เป็นอะไรได้มากกว่าที่คิด

หมดยุคแล้ว กับการที่ต้องควบคุมการทำงานต่าง ๆ ในรถยนต์ด้วยมือทั้งหมด เพราะเทคโนโลยีนี้ช่วยให้คุณควบคุมทุกอย่างได้โดยไม่ต้องละสายตาจากท้องถนน ด้วยหน้าจอแสดงผลที่ให้คุณกดแค่ปลายนิ้วที่แผงควบคุมด้านหน้ารถ ก็สามารถควบคุมและจัดการได้ทั้งเครื่องปรับอากาศ เปิดปิดเพลงหรือวิทยุ รวมไปถึงการแสดงผลของระบบต่าง ๆ ในเครื่องยนต์ เช่น อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน ประจุไฟฟ้าในแบตเตอรี่ เป็นต้น 

เทคโนโลยีนี้มีรถยนต์หลายค่ายกำลังพัฒนาให้ผู้ขับขี่ใช้งานได้ง่ายขึ้น
เพื่อการขับขี่ที่สะดวกสบาย และลดการจับจ้องที่หน้าจอลงอีก

รถยนต์ Tesla กำลังพัฒนาการใช้หน้าจอสัมผัสขนาด 14 นิ้ว ซึ่งใกล้เคียงกับทีวีขนาดเล็ก ช่วยให้เห็นได้ชัดเจนกว่า สัมผัสได้ง่ายกว่า หรือ Nissan ที่ปรับแต่งคอนโซล หรือแผงควบคุมด้านหน้ารถ และพยายามพัฒนาให้สามารถช่วยเหลือผู้ขับได้มากขึ้น

Audi A3 Sportback รถยนต์แฮชแบ็ค 5 ประตู ที่มาในรูปทรงดีไซน์สปอร์ต ที่มีจอทัชสกรีนขนาด 10.1 นิ้ว ฝังในคอนโซลหน้าใช้ควบคุมระบบต่าง ๆ ภายในรถ ช่วยให้การขับขี่ง่ายและปลอดภัย

Tesla กำลังพัฒนาการใช้หน้าจอสัมผัสขนาด 14 นิ้ว ซึ่งใกล้เคียงกับทีวีขนาดเล็ก ช่วยให้เห็นได้ชัดเจนกว่า สัมผัสได้ง่ายกว่า

Nissan ที่ปรับแต่งคอนโซล หรือแผงควบคุมด้านหน้ารถ และพยายามพัฒนาให้สามารถช่วยเหลือผู้ขับได้มากขึ้น

ระบบเบรก ABS

หนึ่งระบบความปลอดภัยด้านการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่รถยนต์หลายรุ่นเริ่มพัฒนา นั่นคือ ระบบเบรก ABS (ANTILOCK BRAKING SYSTEM) ที่แม้แต่อีโคคาร์ ราคาเริ่มต้น 4-5 แสน ก็เริ่มนำมาปรับใช้เพื่อให้ผู้ขับขี่มีความปลอดภัยและลดการเกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย 

โดยระบบเบรก ABS ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่รักษาความสามารถในการควบคุมทิศทางบังคับเลี้ยวได้ ช่วยป้องกันไม่ให้ล้อล็อคตายเมื่อยามกดเบรกกะทันหัน กลายมาเป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่มีอยู่ในรถทุกรุ่น ซึ่งวิธีเพื่อการใช้งานระบบเบรก ABS ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือการใช้แรงกดลงบนแป้นเบรกต่อเนื่องจนกว่ารถจะหยุดนิ่ง ไม่ต้องตกใจกับเสียงสั่นสะท้านจากแป้นเบรก เพราะนั่นเป็นสัญญาณว่าระบบกำลังทำงานอยู่

นอกจากนี้ การทำงานของเบรก ABS จะเต็มประสิทธิภาพการทำงานมากที่สุดได้ ยังขึ้นอยู่กับสภาพยางรถยนต์ที่ใช้อยู่ด้วย ถ้ายางไม่เสื่อมสภาพ อยู่ในลักษณะพร้อมใช้ ก็จะยิ่งช่วยให้การเบรกผลออกมาดีที่สุด และลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่อาจจะเกิดจากการเบรกกะทันหันลงได้

Suzuki Celerio GL CVT รถ Eco-Car ที่มาพร้อมกับห้องโดยสารกว้างขวาง หลังคาตัวรถสูง มีสมรรถนะเกินตัว ประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม ราคาถูก และมีระบบเบรก ABS/EBD เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่

ระบบเบรกอัตโนมัติ และระบบตรวจจับคนเดินถนน

อีกนวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ที่โดนใจคนเมือง กับ ระบบตรวจจับคนเดินบนท้องถนน และทำงานร่วมกันกับระบบเบรกอัตโนมัติ ช่วยเบรกให้คุณทันทีเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่รถอาจจะชนคนเดินถนน 

แน่นอนว่าบางครั้ง ต่อให้ไม่มีคนเดินถนน หรือรถบางยี่ห้อไม่มีมีระบบตรวจจับคนเดินถนน แต่มีระบบเบรกไว้กับตัว หากคุณมีแนวโน้มจะพุ่งชนหรือเกิดอุบัติเหตุ รถยนต์จะช่วยชะลอการเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงได้ดี เป็นระบบที่ทำงานต่อเนื่องกับระบบเตือนการชนด้านหน้า

ขั้นแรก ระบบจะทำการเตือนก่อน  หากไม่มีการตอบสนองหรือตอบสนองช้า ระบบจะทำการเบรกเพื่อชะลอไว้ หรือหยุดให้เลยในกรณีที่ความเร็วไม่เกินที่กำหนดไว้ เพื่อป้องกันการชนหรือทำให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุดเมื่อเกิดการชน ช่วยให้คุณปลอดภัย หายห่วง เวลาที่ต้องขับรถผ่านเขตเมืองหรือเขตชุมชน

ที่น่าสนใจคือ ผู้ผลิตรถยนต์หลายค่ายกำลังจะทำให้ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ให้กลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถยนต์ทุกคัน ที่จำเป็นต้องมี โดยคาดว่าภายในเดือนกันยายน 2565 นี้ รถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ทั้งหมด จะมีระบบเบรกอัตโนมัติกันทุกคัน

cr.- unseencar.com

FORD RANGER WILDTRAK 3.2L เอาใจคนชอบรถกระบะ ที่ทางค่ายได้เพิ่มความปลอดภัยเข้ามา ด้วยระบบเบรกอัตโนมัติเพื่อให้ผู้ขับขี่ใช้งานอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย

ระบบ Collision warning system, Forward Collision Warning

ระบบนี้จะแตกต่างจากการเบรกอัตโนมัติหน่อย เพราะตัวระบบนี้จะเน้นไปที่การแจ้งเตือนการชนด้านหน้า โดยใช้เรดาร์, เซ็นเซอร์, LIDAR หรือกล้องในการตรวจจับวัตถุด้านหน้าว่าอยู่ใกล้และมีโอกาสในการที่รถเราจะไปชนมากขนาดไหน จากนั้นจะคำนวณความเร็วและระยะที่มีโอกาสชน ก่อนที่ระบบจะทำการเตือนบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเตือนด้วยสัญญาณไฟ เสียง หรือการสั่นที่พวงมาลัย เพื่อเตือนให้ผู้ขับขี่เหยียบเบรกก่อนที่จะชนวัตถุด้านหน้า

ระบบ Collision warning system และ Forward Collision Warning จะทำงานเมื่อรถวิ่งด้วยระดับความเร็วที่ทางผู้ผลิตรถยนต์กำหนดไว้

Cr.-www.thairath.co.th

ระบบ BSM (Blind spot monitoring)

เชื่อว่าหลายคน เมื่อจ้องมองกระจกมองข้างจะมีจุดหนึ่งที่อับสายตา และมักจะมองไม่เห็นเสมอ โดยเราเรียกว่ามุมบอด ซึ่งระบบ BSM (Blind spot monitoring) ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่เตือนมุมบอดนั่นเอง หลักๆ แล้ว ระบบการทำงานก็ไม่ซับซ้อนอะไร เพียงใช้การตรวจจับวัตถุผ่านเซ็นเซอร์หรือเรดาร์ ว่ามีวัตถุใด ๆ อยู่ข้างรถเราหรือไม่ 

ถ้ามีวัตถุในบริเวณดังกล่าว ระบบก็จะมีการเตือนขึ้นที่หน้าจอหรือบนกระจกมองข้าง ในรถยนต์บางรุ่นอาจจะมีเสียงเตือนเพิ่มด้วย เพื่อบอกว่าให้ระวังก่อนคิดจะเปลี่ยนเลน หรือขับแซงคันข้างหน้า ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้คุณขับขี่ปลอดภัยมากขึ้น แถมยังลดอุบัติเหตุได้อย่างเห็นผลเลยนะ

Cr.- f.ptcdn.info

All-new Toyota Majesty 2020 รถแวนหรูระดับพรีเมียมรุ่นล่าสุด พร้อมขุมพลังดีเซล GD 2.8 ลิตร พร้อมระบบ BSM ช่วยให้ขับขี่ปลอดภัยขึ้น ด้วยขนาดรถที่ค่อนข้างใหญ่ อาจจะมีมุมบอดที่ผู้ขับขี่มองไม่เห็น หรือพลาดวัตถุบางอย่างไป ระบบ BSM จะช่วยให้การขับขี่นั้นมีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งกว่าเดิม

ระบบ Tracking GPS

ระบบนี้อาจไม่ช่วยให้การขับขี่ของคุณปลอดภัยขึ้นสักเท่าไหร่ แต่จะเป็นประโยชน์อย่างมากในกรณีที่รถสูญหาย อย่าลืมว่า บางครั้งอันตรายของคนใช้รถยนต์ ไม่ได้เกิดขึ้นบนท้องถนนเสมอไป เพราะบางครั้งการจอดรถไว้ในที่เปลี่ยวก็ถือว่ามีความอันตรายไม่แพ้กัน ระบบ Tracking GPS จะช่วยแจ้งเตือนคุณทันทีที่มีการสตาร์ทรถ การขับรถเร็วเกินกว่ากำหนด รวมถึงสามารถตรวจเช็กประวัติการใช้งานรถได้อีกด้วย

ระบบ Tracking GPSอาจจะไม่ได้มีติดมากับรถยนต์ทุกรุ่น ทุกคัน และเป็นระบบที่คุณจะต้องติดเพิ่มเติมเอง แต่นี้จะช่วยให้คุณอุ่นใจ ปลอดภัย และหมดห่วงจากการโจรกรรม

ระบบรถยนต์ไร้คนขับที่อัจฉริยะมากขึ้น

นี่อาจจะยังไม่ใช่ระบบที่มีกันทุกคัน และคุณอาจจะเคยได้ยินมาบ้าง กับระบบรถยนต์ไร้คนขับ (Driverless) แน่นอนว่าระบบดังกล่าวยังอยู่ในช่วงทดลอง แต่ล่าสุดก็มีหลายค่ายพยายามติดตั้งเป็นระบบความปลอดภัยที่ช่วยให้ระบบรถยนต์ไร้คนขับนั้นทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ระบบแจ้งเตือนการเปลี่ยนเลน ระบบตรวจจับวัตถุที่เข้ามาใกล้ เป็นต้น 

ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์อย่าง Magna International ก็กำลังพัฒนาระบบที่ชื่อว่า “Icon Radar” ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์อัจฉริยะ ช่วยให้ระบบสามารถจำแนกแยกแยะวัตถุ 2 สิ่งที่มีความเหมือนกัน แต่มีความรายละเอียดที่แตกต่างกันได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น คนกำลังเดินข้ามถนน กับ คนที่กำลังยืนรอรถอยู่ริมถนน เป็นต้น

หากรถยนต์ทุกรุ่นติดตั้งเทคโนโลยีนี้ เชื่อว่าจะได้รับความสนใจอย่างมาก ยิ่งคนที่ขับขี่รถในเมืองหลวงเป็นประจำก็คงอยากหาตัวช่วยในการเดินทาง จริงไหมล่ะ?