วิธีแก้รถแบตหมด ทำยังไง พร้อมวิธีจั๊มแบตฉุกเฉิน

เมื่อใช้รถไปนานๆ หลายท่านก็คงจะลืมเช็คสภาพเเบตเตอรีรถยนต์ของตัวเอง แบตหนึ่งลูกอาจมีอายุการใช้งานที่ยาวนานจนวางใจได้ก็จริง แต่ในกรณีฉุกเฉินถ้ารถแบตหมดกลางทาง ต้องทำยังไงดี บทความนี้มีคำตอบ

แบตรถยนต์ทำหน้าที่อะไร

แบตเตอรี่เปรียบเสมือนหัวใจของรถยนต์ โดยหน้าที่หลักๆ ของ แบตรถยนต์ คือ การเป็นแหล่งเก็บกระแสไฟฟ้าและเป็นแหล่งพลังงานจ่ายไฟให้สตาร์ทเตอร์และระบบจุดระเบิดเครื่องยนต์ในตอนสตาร์ทเครื่อง ทำให้รถยนต์ของเราสตาร์ทติดนั่นเอง

นอกจากนี้แล้วก็ยังมีหน้าที่ในการเป็นแหล่งไฟฟ้าสำหรับการใช้งานของรถด้วย เช่น ในกรณีที่อุปกรณ์ผลิตกระแสไฟฟ้าผลิตไฟฟ้าได้ไม่ทัน อย่างตอนกลางคืนที่ใช้ไฟเยอะกว่าปกติ ระบบรถจะทำการดึงไฟจากแบตเตอรี่มาใช้งาน

เป็นตัวจ่ายไฟให้อุปกรณ์ไฟฟ้าภายในรถยนต์ในขณะที่ดับเครื่องได้ด้วย เช่น เปิดไฟในรถตอนดับเครื่อง แบตเตอรีจะทำหน้าที่จ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์ และยังสามารถจ่ายไฟให้อุปกรณ์อื่นๆ ตอนดับเครื่องได้อีก เช่น ไฟหน้ารถ ไฟหลังรถ แอร์ วิทยุ เป็นต้น

แบตรถยนต์ใช้ได้กี่ปี

แบตเตอรีรถยนต์จะมีอายุการใช้งานแตกต่างกันออกไปตามประเภทของแบตเตอรี เช่น แบตเตอรีแบบน้ำ ก็จะมีอายุการใช้งาน 1-2 ปี สูงสุดไม่เกิน 3 ปี แบตเตอรีแบบกึ่งแห้ง จะมีอายุการใช้งาน 2 ปี สูงสุดไม่เกิน 3 ปี และ แบตเตอรีแห้ง จะมีอายุการใช้งานที่ 5 ปี 

ทั้งนี้เรื่องอายุการใช้งานของแบตเตอรีรถยนต์ก็จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น เทคโนโลยีของแบตยี่ห้อนั้นๆ ขับรถบ่อยหรือไม่ ระบบไฟและอุปกรณ์ที่ต้องใช้ไฟฟ้าภายในรถยนต์มีเยอะหรือเปล่า เป็นต้น

อาการของแบตรถที่ใกล้หมด

เนื่องจากว่าแบตเตอรีเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับรถยนต์ วิธีการสังเกตอาการของแบตเตอรีที่ใกล้จะหมดจึงเป็นเรื่องที่ง่ายดายมากๆ โดยเราจะสังเกตได้จากอาการเหล่านี้

1. รถสตาร์ทติดยากในตอนเช้า
2. รถสตาร์ทติดยากในตอนที่จอดรถทิ้งไว้ชั่วคราว
3. รถสตาร์ทติดยากเมื่อจอดรถทิ้งไว้ประมาณ 3-5 วัน แต่อาการนี้อาจมีเรื่องของไฟรั่วเข้ามาเกี่ยวข้องได้
4. สัญญาณไฟเตือนบางระบบขึ้นแจ้งเตือน เช่น สัญญาณไฟรูปเครื่องยนต์ เป็นต้น

หากพบเจอกับอาการเหล่านี้ สิ่งแรกที่คุณต้องรู้ไว้เลยก็คือ แบตรถใกล้หมด หรือไม่ก็แบตเสื่อมแน่ๆ ให้รีบเปลี่ยนตรวจเช็คแบตเตอรีที่ศูนย์บริการรถใกล้บ้านด่วน มิฉะนั้นอาจเกิดกรณีรถดับหรือสตาร์ทไม่ติดได้

แบตรถยนต์หมด ทำยังไง

เมื่อแบตเตอรี่รถยนต์หมดไม่ว่าคุณจะตกอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตามสิ่งแรกที่เราควรต้องมีอย่างแรก คือ “สติ” แบตเตอรีหมดไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ทุกคนสามารถแก้ไขได้ง่ายๆ โดยการ “พ่วงแบต” ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้

1. ขอความช่วยเหลือจากเพื่อร่วมทาง เพื่อให้มาพ่วงแบตเตอรี่ให้กับรถเรา โดยจอดรถหันฝากระโปรงหน้าให้ใกล้กันมากที่สุด และทำการดับเครื่องยนต์รถยนต์ที่มาพ่วงแบตกับเรา
2. หนีบสายพ่วงแบตขั้วบวก (สีแดง) เข้ากับขั้วบวกของรถคันที่แบตรถหมด จากนั้นนำสายอีกฝั่งไปหนีบที่ขั้วบวกของรถคันที่มาช่วยพ่วงแบต
3. หนีบสายพ่วงแบตขั้วลบ (สีดำ) เข้ากับแบตขั้วลบที่รถคันที่มาช่วยเรา และนำสายขั้วลบอีกฝั่งไปหนีบที่โลหะแถวๆ เครื่องของรถยนต์ที่แบตหมด
4. สตาร์ทรถคันที่มาช่วยพ่วงแบตทิ้งไว้ 2-3 นาที ระหว่างนี้ให้เร่งเครื่องเป็นระยะเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของประจุไฟฟ้า
5. เสร็จแล้วให้ลองสตาร์ทเครื่องรถยนต์เพื่อดูว่ารถของเราสตาร์ทติดหรือไม่ หากสตาร์ทติดแล้วให้ถอดสายพ่วงแบตออก โดยเริ่มถอดจากคันที่แบตหมดก่อน
6. สตาร์ทรถทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง จากนั้นจะสามารถขับรถได้ตามปกติ แต่อย่าเพิ่งใช้ระบบไฟต่างๆ มากเกินไป หรือหากต้องการความอุ่นใจก็ให้นำรถเข้าศูนย์บริารรถเพื่อเช็คสภาพแบตและเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่เลยจะดีกว่า

แบตรถยนต์เป็นหัวใจสำคัญของรถทุกคัน เพราะฉะนั้นเมื่อใช้งานรถยนต์ไปได้สักระยะหนึ่งเราควรนำรถยนต์เข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์อื่นๆ และ ตรวจเช็คสภาพแบตเตอรีอยู่เป็นระยะๆ อย่างน้อยก็ควรต้องเช็ครถยนต์ก่อนเดินทางไกลเสมอเพื่อความอุ่นใจในการใช้รถยนต์

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com