หน้าแรก บทความ เรื่องเด่น ประกันรถยนต์ แต่ละชั้นต่างกันอย่างไร เราควรเลือกชั้นไหน ประกันรถยนต์ แต่ละชั้นต่างกันอย่างไร เราควรเลือกชั้นไหน เรื่องเด่น Wongsupat | 02 April 2567 16:38 รถยนต์ของเราควรเลือกประกันรถยนต์ชั้นไหน แต่ละชั้นคุ้มครองต่างกันอย่างไร แล้วควรซื้อประกันรถที่ไหนดี ดูได้ในบทความนี้เลย ประกันรถยนต์ชั้น 1, 2+, 2, 3+ และ 3 แตกต่างกันอย่างไร แต่ละชั้นคุ้มครองอะไรบ้าง การทำประกันภัยรถยนต์จะมีทั้งประกันภัยภาคบังคับที่เรียกว่า พ.ร.บ. ซึ่งมาจากพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถที่กฎหมายบังคับให้รถทุกคันต้องทำ หากไม่ทำจะได้รับโทษ อีกอย่างหนึ่ง คือ ประกันภัยภาคสมัครใจที่กฎหมายไม่ได้บังคับ เจ้าของรถทำเพิ่มเติมได้ มีทั้งหมด 5 ประเภท ได้แก่ ประกันรถยนต์ชั้น 1, ชั้น 2+, ชั้น 2, ชั้น 3+ และชั้น 3 แต่ละชั้นแตกต่างกันอย่างไร คุ้มครองอะไรบ้าง one2car จะอธิบายให้ฟัง ประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง ประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองมากที่สุด นิยมทำกันมากที่สุด แม้จะต้องจ่ายเงินค่าประกันรายปีสูงสุดก็ตาม คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็น ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวรถ รวมถึงอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ ทั้งที่มีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี คุ้มครองทรัพย์สิน ร่างกาย และชีวิตของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ทั้งผู้ทำประกัน คู่กรณี หรือบุคคลภายนอก คุ้มครองรถยนต์สูญหาย ถูกโจรกรรม ไฟไหม้ หรือจากภัยธรรมชาติ เช่น ความเสียหายจากน้ำท่วม ประกันรถยนต์ชั้น 1 ไม่คุ้มครอง ดื่มแล้วขับ ใช้รถในทางที่ผิดกฎหมาย แข่งขันความเร็ว ใช้รถยนต์ผิดประเภท เช่น นำรถยนต์ส่วนบุคคลไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ดัดแปลงตัวรถโดยไม่แจ้งบริษัทประกันภัย ทั้งความสวยงาม ความเร็ว และติดแก๊ส ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ไหนดี คลิกที่ >>> เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 1 เปรียบเทียบเบี้ยรวดเร็ว ซื้อง่าย ผ่อน 0% ได้ พร้อมข้อเสนอพิเศษสุดคุ้มจากบริษัทประกันกว่า 18 บริษัท ประกันชั้น 2+ คุ้มครองรถด้านใดบ้าง ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถเมื่อชนกับรถยนต์คันอื่นที่ระบุตัวตนได้ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รถพ่วง รถไฟหรือรถราง และยังคุ้มครองรถไฟไหม้ สูญหาย ถูกโจรกรรม น้ำท่วม รวมทั้งทรัพย์สินและการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของบุคคลภายนอกเมื่อผู้ขับขี่เป็นฝ่ายผิด ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ไม่คุ้มครอง ความเสียหายของรถยนต์เมื่อเกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี ความเสียหายของกระจกรถ ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ที่ไหนดี คลิกที่ >>> เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 2+ ประกันชั้น 2 คุ้มครองเรื่องอะไรบ้าง ประกันรถยนต์ชั้น 2 คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถคันเอาประกันจากการถูกไฟไหม้ สูญหาย การโจรกรรม รวมถึงคุ้มครองบุคคลภายในรถยนต์กรณีเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงทรัพย์สินและการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของบุคคลภายนอกเมื่อผู้ขับขี่เป็นฝ่ายผิด อีกทั้งยังคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล การประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล และการประกันตัวของผู้ขับขี่ ประกันรถยนต์ชั้น 2 ไม่คุ้มครอง กรณีที่เกิดอุบัติเหตุอย่างชนฟุตบาท ต้นไม้ หรือชนกับรถ ประกันชั้น 2 จะไม่ซ่อมให้เรา แต่จะซ่อมให้คู่กรณีที่เราไปสร้างความเสียหายให้ ประกันชั้น 3+ คุ้มครองรถยนต์ด้านใดบ้าง ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถคันเอาประกันจากการชนกับรถยนต์คันอื่นที่ระบุตัวตนได้ รวมทั้งทรัพย์สินและการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของบุคคลภายนอกเมื่อผู้ขับขี่เป็นฝ่ายผิด ประกันรถยนต์ชั้น 3+ ไม่คุ้มครอง ความเสียหายของรถยนต์เมื่อเกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี ความเสียหายของกระจก รถถูกโจรกรรม ไฟไหม้ ภัยทางธรรมชาติ และน้ำท่วม ประกันรถยนต์ชั้น 3+ ที่ไหนดี คลิกที่ >>> เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 3+ ประกันชั้น 3 คุ้มครองอะไรบ้าง ประกันรถยนต์ชั้น 3 เป็นประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจขั้นพื้นฐาน คุ้มครองความเสียหายเฉพาะทรัพย์สินและการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของบุคคลภายนอกเท่านั้น เมื่อผู้ขับรถคันเอาประกันเป็นฝ่ายต้องรับผิด ยังคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล การประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล และการประกันตัวของผู้ขับขี่ ประกันรถยนต์ชั้น 3 ไม่คุ้มครอง ความเสียหายของรถเราเมื่อเกิดอุบัติเหตุ (ต้องจ่ายค่าซ่อมเอง) การชนฟุตพาท เสา รั้วบ้าน ต้นไม้ หรือหินกระเด็น รถไฟไหม้ โดนโจรกรรม เสียหายจากภัยพิบัติ ประกันรถยนต์ชั้น 3 ที่ไหนดี คลิกที่ >>> เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 3 ประกันชั้น 1 กับประกันชั้น 2+ แตกต่างกันอย่างไร ประกันรถยนต์ชั้น 1 แตกต่างจากประกันรถยนต์ชั้น 2+ ตรงที่เมื่อเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีคู่กรณี ประกันชั้น 1 จะคุ้มครองทั้งหมด ในขณะที่ประกันชั้น 2+ จะคุ้มครองค่าเสียหายกรณีที่รถชนกับรถเท่านั้น หากไม่มีคู่กรณีจะไม่คุ้มครอง ประกันชั้น 2 กับประกันชั้น 2+ แตกต่างกันยังไง ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ต่างจากประกันชั้น 2 ตรงที่จะให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถของเรา จากทั้งการชนกับบุคคลภายนอก (ต้องมีคู่กรณี) การโจรกรรม ไฟไหม้รถยนต์ หรือความเสียหายจากน้ำท่วม ส่วนประกันชั้น 2 จำกัดการคุ้มครองรถรถหายและรถไฟไหม้เท่านั้น ไม่คุ้มครองความเสียหายจากน้ำท่วม หากชนกับคู่กรณีประกันจะจ่ายค่าซ่อมให้เขา แต่รถของเราจะต้องออกค่าซ่อมเอง ประกันชั้น 3 และประกันชั้น 3+ ต่างกันที่ตรงไหนบ้าง ประกันรถยนต์ชั้น 3+ จะให้ความคุ้มครองรถยนต์ของเราจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อมีคู่กรณี ในขณะที่ประกันรถยนต์ชั้น 3 จะคุ้มครองเฉพาะความเสียหายต่อรถยนต์และรับผิดต่อการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของบุคคลภายนอกเท่านั้น หากรถเราเสียหายต้องจ่ายค่าซ่อมเอง นอกจากนี้ ประกันรถยนต์ชั้น 3+ บริษัทประกันภัยรถยนต์ส่วนใหญ่ จะให้บริการยกรถตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถเพิ่มค่าเสียหายส่วนแรกได้ ซึ่งตัวเลือกเหล่านี้จะไม่มีในประกันรถยนต์ชั้น 3 อย่างไรก็ตาม ประกันชั้น 3+ และ 3 จะไม่คุ้มครองความเสียหายของกระจก รถถูกโจรกรรม ไฟไหม้ หรือเสียหายจากภัยทางธรรมชาติ และน้ำท่วม ประกันชั้น 2+ และประกันชั้น 3+ ต่างกันอย่างไร ประกันรถยนต์ชั้น 2+ จะให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมสำหรับการโจรกรรม ไฟไหม้รถยนต์ หรือความเสียหายจากภัยธรรมชาติและน้ำท่วม ซึ่งประกันชั้น 3+ จะไม่คุ้มครองความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว แต่จะยังคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์เรา (หากมีคู่กรณี) และรับผิดชอบต่อการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของบุคคลภายนอก ประกันชั้น 2 และประกันชั้น 3 แตกต่างกันยังไง? ประกันรถยนต์ชั้น 2 รับผิดต่อทรัพย์สินและการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของบุคคลภายนอก รวมถึงความคุ้มครองรถหายจากการโจรกรรม ไฟไหม้ ต่างจากประกันรถยนต์ชั้น 3 ที่ไม่คุ้มครองการโจรกรรม สูญหาย และไฟไหม้รถยนต์ ประกันแต่ละชั้นเหมาะกับรถยนต์แบบใด ประกันชั้นที่ 1 เหมาะกับรถป้ายแดงที่เพิ่งออกมา หรือผู้ที่ต้องการการคุ้มครองดูแลที่ครอบคลุม และอยากให้รถดูใหม่เหมือนเพิ่งออกมาจากศูนย์ เพราะประกันภัยชั้น 1 รถที่มีอายุไม่เกิน 7 ปี ผู้ที่ยังขับรถไม่ค่อยแข็ง เพราะอาจจะเฉี่ยวชนได้ง่ายกว่า แบบทั้งมีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี ผู้ที่ชอบขับรถเร็ว มีโอกาสเฉี่ยวชนรถ ฟุตบาท เสา หรือสิ่งของต่างๆ ผู้ที่ต้องใช้รถบ่อยๆ รถที่ต้องขับทางไกล ออกต่างจังหวัดบ่อยๆ เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุมากขึ้นแม้ว่าจะขับรถแข็ง และชำนาญทางแล้วก็ตาม ผู้ที่ต้องการการคุ้มครองกรณีรถหาย ไฟไหม้ หรือภัยธรรมชาติ ประกับชั้น 2+ และ 3+ เหมาะกับรถที่ไม่ค่อยได้ใช้งานมาก และต้องการประหยัดค่าเบี้ย หากต้องจอดในที่ๆ ไม่ได้มีการรักษาความปลอดภัยมากนัก ขอแนะนำให้ทำประกันชั้น 2+ ถ้าที่จอดรถของคุณมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี รถไม่เสี่ยงไฟไหม้ ก็ทำแค่ 3+ ก็ได้ รถมีอายุเกิน 7 ปี ประกันชั้น 2 และ 3 ธรรมดา เหมาะกับคนที่ขับรถชำนาญ มีประสบการณ์ขับรถเยอะแล้ว และเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุขับรถไปชนคนอื่นน้อย อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่จะไม่หนัก รถมีอายุเกิน 7 ปี อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ทั้ง รถบ้านเจ้าของขายเอง หรือรถจากทางเต็นท์ที่เชื่อถือได้ ✕ ใช้การติดต่อผ่านไลน์ เราปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณตาม PDPA ฉันยอมรับ ข้อกำหนดการใช้งาน และ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของ One2car.com ฉันยินยอมให้ One2car.com และผู้ขายรายการประกาศติดต่อทางไลน์ ตรวจสอบข้อเสนอรถที่ดีที่สุด! Prev Next ข้อเสนอพิเศษ - โทรในขณะนี้! วัน ชม ราคาเฉลี่ย ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด I ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด แท็กที่เกี่ยวข้อง ประกันรถยนต์ ประกันรถยนต์แต่ละชั้นต่างกันอย่างไร ประกันรถยนต์แต่ละชั้นต่างกันอย่างไร เราควรเลือกชั้นไหน? พิมพ์ Wongsupat Senior Content Writer นักข่าวมากประสบการณ์จากสื่อสิ่งพิมพ์ สายกระทรวง วงการคมนาคมและเศรษฐกิจ การันตีด้วยผลงานข่าวดีเด่นรางวัลอิศรา อมันตกุล ก่อนเข้ามาคลุกคลีวงการยานยนต์ สั่งสมประสบการณ์ เพิ่มความเชี่ยวชาญด้านข้อมูลรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ และข้อมูลความรู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อผู้อ่านทุกท่าน ข่าวฟีเจอร์ แนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า ‘ยังไงก็รอด’ ปี 2567 ต้นทุนแบตถูกลง 50% เรื่องเด่น Chuenkamon Phasuk | 27 March 2567 เจาะแนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า EV จะกลายเป็นรถยนต์แห่งอนาคตจริงหรือไม่ ? ปฏิวัติการขนส่งได้อย่างไร เคลียร์ความสงสัยได้ในบทความนี้ผ่าแนวโน้มอนาคตยานยนต์ไฟฟ้า ... เผยสาเหตุ! ทำไมรถมือสองราคาร่วงแรงกว่าที่ผ่านมา เรื่องเด่น Suttinun Poomkung | 21 March 2567 อะไรทำให้รถมือสองราคาตกขนาดนี้ มีแค่กระแสรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียวหรือไม่ ... ในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า รถสันดาปมือสองจะตายจากเราไปหรือไม่? เรื่องเด่น Pakkawat Unchalee | 21 March 2567 เมื่อรถยนต์ไฟฟ้ากำลังกลายเป็นกระแสหลักในประเทศไทย ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายพร้อมออปชั่นล้นๆ ก็ทำให้เกิดคำถามว่า ... ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ตามวันเกิด พร้อมเวลาล้อหมุน เรื่องเด่น Chuenkamon Phasuk | 21 March 2567 มาแล้ว! ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ใครยังไม่มีฤกษ์รับรถ รีบเข้ามา! ซินแสดูให้จริง อยากรู้เกิดวันนี้ควรออกรถวันเวลาไหนก็ย่อมได้ฤกษ์รับรถเดือนเมษายน ... เเสดงความคิดเห็น
ประกันรถยนต์ แต่ละชั้นต่างกันอย่างไร เราควรเลือกชั้นไหน เรื่องเด่น Wongsupat | 02 April 2567 16:38 รถยนต์ของเราควรเลือกประกันรถยนต์ชั้นไหน แต่ละชั้นคุ้มครองต่างกันอย่างไร แล้วควรซื้อประกันรถที่ไหนดี ดูได้ในบทความนี้เลย ประกันรถยนต์ชั้น 1, 2+, 2, 3+ และ 3 แตกต่างกันอย่างไร แต่ละชั้นคุ้มครองอะไรบ้าง การทำประกันภัยรถยนต์จะมีทั้งประกันภัยภาคบังคับที่เรียกว่า พ.ร.บ. ซึ่งมาจากพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถที่กฎหมายบังคับให้รถทุกคันต้องทำ หากไม่ทำจะได้รับโทษ อีกอย่างหนึ่ง คือ ประกันภัยภาคสมัครใจที่กฎหมายไม่ได้บังคับ เจ้าของรถทำเพิ่มเติมได้ มีทั้งหมด 5 ประเภท ได้แก่ ประกันรถยนต์ชั้น 1, ชั้น 2+, ชั้น 2, ชั้น 3+ และชั้น 3 แต่ละชั้นแตกต่างกันอย่างไร คุ้มครองอะไรบ้าง one2car จะอธิบายให้ฟัง ประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง ประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองมากที่สุด นิยมทำกันมากที่สุด แม้จะต้องจ่ายเงินค่าประกันรายปีสูงสุดก็ตาม คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็น ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวรถ รวมถึงอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ ทั้งที่มีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี คุ้มครองทรัพย์สิน ร่างกาย และชีวิตของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ทั้งผู้ทำประกัน คู่กรณี หรือบุคคลภายนอก คุ้มครองรถยนต์สูญหาย ถูกโจรกรรม ไฟไหม้ หรือจากภัยธรรมชาติ เช่น ความเสียหายจากน้ำท่วม ประกันรถยนต์ชั้น 1 ไม่คุ้มครอง ดื่มแล้วขับ ใช้รถในทางที่ผิดกฎหมาย แข่งขันความเร็ว ใช้รถยนต์ผิดประเภท เช่น นำรถยนต์ส่วนบุคคลไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ดัดแปลงตัวรถโดยไม่แจ้งบริษัทประกันภัย ทั้งความสวยงาม ความเร็ว และติดแก๊ส ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ไหนดี คลิกที่ >>> เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 1 เปรียบเทียบเบี้ยรวดเร็ว ซื้อง่าย ผ่อน 0% ได้ พร้อมข้อเสนอพิเศษสุดคุ้มจากบริษัทประกันกว่า 18 บริษัท ประกันชั้น 2+ คุ้มครองรถด้านใดบ้าง ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถเมื่อชนกับรถยนต์คันอื่นที่ระบุตัวตนได้ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รถพ่วง รถไฟหรือรถราง และยังคุ้มครองรถไฟไหม้ สูญหาย ถูกโจรกรรม น้ำท่วม รวมทั้งทรัพย์สินและการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของบุคคลภายนอกเมื่อผู้ขับขี่เป็นฝ่ายผิด ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ไม่คุ้มครอง ความเสียหายของรถยนต์เมื่อเกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี ความเสียหายของกระจกรถ ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ที่ไหนดี คลิกที่ >>> เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 2+ ประกันชั้น 2 คุ้มครองเรื่องอะไรบ้าง ประกันรถยนต์ชั้น 2 คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถคันเอาประกันจากการถูกไฟไหม้ สูญหาย การโจรกรรม รวมถึงคุ้มครองบุคคลภายในรถยนต์กรณีเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงทรัพย์สินและการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของบุคคลภายนอกเมื่อผู้ขับขี่เป็นฝ่ายผิด อีกทั้งยังคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล การประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล และการประกันตัวของผู้ขับขี่ ประกันรถยนต์ชั้น 2 ไม่คุ้มครอง กรณีที่เกิดอุบัติเหตุอย่างชนฟุตบาท ต้นไม้ หรือชนกับรถ ประกันชั้น 2 จะไม่ซ่อมให้เรา แต่จะซ่อมให้คู่กรณีที่เราไปสร้างความเสียหายให้ ประกันชั้น 3+ คุ้มครองรถยนต์ด้านใดบ้าง ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถคันเอาประกันจากการชนกับรถยนต์คันอื่นที่ระบุตัวตนได้ รวมทั้งทรัพย์สินและการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของบุคคลภายนอกเมื่อผู้ขับขี่เป็นฝ่ายผิด ประกันรถยนต์ชั้น 3+ ไม่คุ้มครอง ความเสียหายของรถยนต์เมื่อเกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี ความเสียหายของกระจก รถถูกโจรกรรม ไฟไหม้ ภัยทางธรรมชาติ และน้ำท่วม ประกันรถยนต์ชั้น 3+ ที่ไหนดี คลิกที่ >>> เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 3+ ประกันชั้น 3 คุ้มครองอะไรบ้าง ประกันรถยนต์ชั้น 3 เป็นประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจขั้นพื้นฐาน คุ้มครองความเสียหายเฉพาะทรัพย์สินและการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของบุคคลภายนอกเท่านั้น เมื่อผู้ขับรถคันเอาประกันเป็นฝ่ายต้องรับผิด ยังคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล การประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล และการประกันตัวของผู้ขับขี่ ประกันรถยนต์ชั้น 3 ไม่คุ้มครอง ความเสียหายของรถเราเมื่อเกิดอุบัติเหตุ (ต้องจ่ายค่าซ่อมเอง) การชนฟุตพาท เสา รั้วบ้าน ต้นไม้ หรือหินกระเด็น รถไฟไหม้ โดนโจรกรรม เสียหายจากภัยพิบัติ ประกันรถยนต์ชั้น 3 ที่ไหนดี คลิกที่ >>> เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 3 ประกันชั้น 1 กับประกันชั้น 2+ แตกต่างกันอย่างไร ประกันรถยนต์ชั้น 1 แตกต่างจากประกันรถยนต์ชั้น 2+ ตรงที่เมื่อเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีคู่กรณี ประกันชั้น 1 จะคุ้มครองทั้งหมด ในขณะที่ประกันชั้น 2+ จะคุ้มครองค่าเสียหายกรณีที่รถชนกับรถเท่านั้น หากไม่มีคู่กรณีจะไม่คุ้มครอง ประกันชั้น 2 กับประกันชั้น 2+ แตกต่างกันยังไง ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ต่างจากประกันชั้น 2 ตรงที่จะให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถของเรา จากทั้งการชนกับบุคคลภายนอก (ต้องมีคู่กรณี) การโจรกรรม ไฟไหม้รถยนต์ หรือความเสียหายจากน้ำท่วม ส่วนประกันชั้น 2 จำกัดการคุ้มครองรถรถหายและรถไฟไหม้เท่านั้น ไม่คุ้มครองความเสียหายจากน้ำท่วม หากชนกับคู่กรณีประกันจะจ่ายค่าซ่อมให้เขา แต่รถของเราจะต้องออกค่าซ่อมเอง ประกันชั้น 3 และประกันชั้น 3+ ต่างกันที่ตรงไหนบ้าง ประกันรถยนต์ชั้น 3+ จะให้ความคุ้มครองรถยนต์ของเราจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อมีคู่กรณี ในขณะที่ประกันรถยนต์ชั้น 3 จะคุ้มครองเฉพาะความเสียหายต่อรถยนต์และรับผิดต่อการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของบุคคลภายนอกเท่านั้น หากรถเราเสียหายต้องจ่ายค่าซ่อมเอง นอกจากนี้ ประกันรถยนต์ชั้น 3+ บริษัทประกันภัยรถยนต์ส่วนใหญ่ จะให้บริการยกรถตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถเพิ่มค่าเสียหายส่วนแรกได้ ซึ่งตัวเลือกเหล่านี้จะไม่มีในประกันรถยนต์ชั้น 3 อย่างไรก็ตาม ประกันชั้น 3+ และ 3 จะไม่คุ้มครองความเสียหายของกระจก รถถูกโจรกรรม ไฟไหม้ หรือเสียหายจากภัยทางธรรมชาติ และน้ำท่วม ประกันชั้น 2+ และประกันชั้น 3+ ต่างกันอย่างไร ประกันรถยนต์ชั้น 2+ จะให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมสำหรับการโจรกรรม ไฟไหม้รถยนต์ หรือความเสียหายจากภัยธรรมชาติและน้ำท่วม ซึ่งประกันชั้น 3+ จะไม่คุ้มครองความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว แต่จะยังคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์เรา (หากมีคู่กรณี) และรับผิดชอบต่อการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของบุคคลภายนอก ประกันชั้น 2 และประกันชั้น 3 แตกต่างกันยังไง? ประกันรถยนต์ชั้น 2 รับผิดต่อทรัพย์สินและการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของบุคคลภายนอก รวมถึงความคุ้มครองรถหายจากการโจรกรรม ไฟไหม้ ต่างจากประกันรถยนต์ชั้น 3 ที่ไม่คุ้มครองการโจรกรรม สูญหาย และไฟไหม้รถยนต์ ประกันแต่ละชั้นเหมาะกับรถยนต์แบบใด ประกันชั้นที่ 1 เหมาะกับรถป้ายแดงที่เพิ่งออกมา หรือผู้ที่ต้องการการคุ้มครองดูแลที่ครอบคลุม และอยากให้รถดูใหม่เหมือนเพิ่งออกมาจากศูนย์ เพราะประกันภัยชั้น 1 รถที่มีอายุไม่เกิน 7 ปี ผู้ที่ยังขับรถไม่ค่อยแข็ง เพราะอาจจะเฉี่ยวชนได้ง่ายกว่า แบบทั้งมีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี ผู้ที่ชอบขับรถเร็ว มีโอกาสเฉี่ยวชนรถ ฟุตบาท เสา หรือสิ่งของต่างๆ ผู้ที่ต้องใช้รถบ่อยๆ รถที่ต้องขับทางไกล ออกต่างจังหวัดบ่อยๆ เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุมากขึ้นแม้ว่าจะขับรถแข็ง และชำนาญทางแล้วก็ตาม ผู้ที่ต้องการการคุ้มครองกรณีรถหาย ไฟไหม้ หรือภัยธรรมชาติ ประกับชั้น 2+ และ 3+ เหมาะกับรถที่ไม่ค่อยได้ใช้งานมาก และต้องการประหยัดค่าเบี้ย หากต้องจอดในที่ๆ ไม่ได้มีการรักษาความปลอดภัยมากนัก ขอแนะนำให้ทำประกันชั้น 2+ ถ้าที่จอดรถของคุณมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี รถไม่เสี่ยงไฟไหม้ ก็ทำแค่ 3+ ก็ได้ รถมีอายุเกิน 7 ปี ประกันชั้น 2 และ 3 ธรรมดา เหมาะกับคนที่ขับรถชำนาญ มีประสบการณ์ขับรถเยอะแล้ว และเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุขับรถไปชนคนอื่นน้อย อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่จะไม่หนัก รถมีอายุเกิน 7 ปี อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ทั้ง รถบ้านเจ้าของขายเอง หรือรถจากทางเต็นท์ที่เชื่อถือได้ ✕ ใช้การติดต่อผ่านไลน์ เราปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณตาม PDPA ฉันยอมรับ ข้อกำหนดการใช้งาน และ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของ One2car.com ฉันยินยอมให้ One2car.com และผู้ขายรายการประกาศติดต่อทางไลน์ ตรวจสอบข้อเสนอรถที่ดีที่สุด! Prev Next ข้อเสนอพิเศษ - โทรในขณะนี้! วัน ชม ราคาเฉลี่ย ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด I ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด แท็กที่เกี่ยวข้อง ประกันรถยนต์ ประกันรถยนต์แต่ละชั้นต่างกันอย่างไร ประกันรถยนต์แต่ละชั้นต่างกันอย่างไร เราควรเลือกชั้นไหน?
ข้อเสนอพิเศษ - โทรในขณะนี้! วัน ชม ราคาเฉลี่ย ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด I ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด
แนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า ‘ยังไงก็รอด’ ปี 2567 ต้นทุนแบตถูกลง 50% เรื่องเด่น Chuenkamon Phasuk | 27 March 2567 เจาะแนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า EV จะกลายเป็นรถยนต์แห่งอนาคตจริงหรือไม่ ? ปฏิวัติการขนส่งได้อย่างไร เคลียร์ความสงสัยได้ในบทความนี้ผ่าแนวโน้มอนาคตยานยนต์ไฟฟ้า ...
เผยสาเหตุ! ทำไมรถมือสองราคาร่วงแรงกว่าที่ผ่านมา เรื่องเด่น Suttinun Poomkung | 21 March 2567 อะไรทำให้รถมือสองราคาตกขนาดนี้ มีแค่กระแสรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียวหรือไม่ ...
ในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า รถสันดาปมือสองจะตายจากเราไปหรือไม่? เรื่องเด่น Pakkawat Unchalee | 21 March 2567 เมื่อรถยนต์ไฟฟ้ากำลังกลายเป็นกระแสหลักในประเทศไทย ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายพร้อมออปชั่นล้นๆ ก็ทำให้เกิดคำถามว่า ...
ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ตามวันเกิด พร้อมเวลาล้อหมุน เรื่องเด่น Chuenkamon Phasuk | 21 March 2567 มาแล้ว! ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ใครยังไม่มีฤกษ์รับรถ รีบเข้ามา! ซินแสดูให้จริง อยากรู้เกิดวันนี้ควรออกรถวันเวลาไหนก็ย่อมได้ฤกษ์รับรถเดือนเมษายน ...