รถยนต์ 5 ประตู 2023 ยี่ห้อไหนน่าใช้

เมื่อพูดถึงรถยนต์ที่สามารถใช้งานได้อย่างครอบคลุมที่สุดไม่ว่าจะเป็นไซส์เล็กหรือใหญ่ ทุกคนก็ต้องมองไปที่ รถยนต์ 5 ประตู Hatchback กันแน่นอน เพราะว่าการออกแบบรถยนต์ในโฉม 5 ประตูจะได้เรื่องของความโปร่งโล่งสบายและห้องเก็บสัมภาระด้านหลังที่จุใจกว่า วันนี้เราจะพาทุกคนมาเลือกรถยนต์ 5 ประตูไปพร้อมๆ กัน มาดูกันว่าในปี 2023 นี้ มีรุ่นไหนน่าใช้บ้าง

1.Honda City Hatchback

Honda City Hatchback เป็น Honda City รุ่นแรกมาพร้อมดีไซน์ตัวถังแบบ Hatchback ซึ่งมีความโดดเด่นในเรื่องการออกแบบที่มีความสปอร์ตหรูหราทั้งภายนอกและภายใน และยิ่งไปกว่านั้นคือมีรุ่น RS และ e:HEV RS ที่ได้ชุดแต่ง RS รอบคันจาก Honda ทำให้ Honda City Hatchback เดิมๆ ที่สวยอยู่แล้วกลับสวยมากขึ้นไปอีกจนแทบไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติมเลย

ขุมกำลังในตัวเริ่มต้น Honda City Hathback จะมาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.0 ลิตร VTEC TURBO 122 แรงม้า ที่มีความทรงพลังและให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม โดยอัตราการสิ้นเปลืองอยู่ที่ 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร นอกจากจะแรงแล้วยังประหยัดอีก คุ้มค่ากับราคาแน่นอน

ห้องโดยสารออกแบบได้อย่างกว้างขวางเรียบหรูดูสบายตา มาพร้อมกับเบาะนั่งอัลตราซีทที่สามารถปรับพับได้ สามารถเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยภายในรถได้หลากหลายแบบ ไม่ว่าจะขนของเยอะๆ หรือ ไปเที่ยวกับครอบครัว ก็สามารถทำได้อย่างครอบคลุม อีกทั้งรถยนต์รุ่นนี้ยังครบครันไปด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยที่ล้ำสมัยมากๆ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใชชีวิต ขับสนุกเร้าใจและเป็น Honda City ที่ดีที่สุดเท่านที่ Honda เคยผลิตออกมาแล้ว ณ ตอนนี้

2.Suzuki Swift

Suzuki Swift เป็นรถยนต์ 5 ประตู Hatchback ที่เกิดมาเพื่อเป็นรถยนต์คันแรกของทุกคนอย่างแท้จริง มีการออกแบบที่โดดเด่นด้วยความสปอร์ตหรูหราที่มากับฟังก์ชันการใช้งานที่คุ้มค่า เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ เป็นรถยนต์ที่ขับสนุก เกาะถนนดี และสมรรถนะเกินค่าตัวไปมาก รถดีๆ ไม่จำเป็นต้องแพงมีอยู่จริง

ขุมกำลังของ Suzuki Swift เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ รหัส K12M ขนาด 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 83 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 108 นิวตันเมตร มาพร้อมเทคโนโลยีหัวฉีดคู่หรือ DUALJET ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้น้ำมันเชื้อเพลิงทำให้รถมีกำลังและอัตราเร่งดี แต่ก็ยังมีความประหยัดน้ำมันอยู่เช่นกัน โดยมีอัตราการสิ้นเปลืองอยู่ที่ 23 กิโลเมตรต่อลิตร ทำให้ผู้ขับขี่ที่สนุกสนานและหมดกังวลเรื่องอัตราการกินน้ำมันไปเลย

การออกแบบภายนอกมีการเพิ่มความสปอร์ตที่กระจังหน้าให้มากขึ้นกว่าตัวก่อนๆ ตกแต่งด้วยโครเมี่ยมแบบใหม่และมาพร้อมล้ออะลูมิเนียมอัลลอยปัดเงาใหม่ขนาด 16 นิ้ว ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ พร้อมไฟหน้า LED Projector และไฟท้าย LED 

ส่วนภายในมีการออกแบบให้มีความสปอร์ตมากขึ้นด้วยห้องโดยสารสีดำที่ตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน การจัดวางห้องโดยสารที่ดีทำให้ภายในกว้างขวางนั่งสบายและรองรับการใช้งานได้หลากหลาย มีเบาะนั่งทรงสปอร์ตโอบกระชับสรีระ รองรับทุกไลฟ์สไตล์ชีวิตด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระขนาด 265 ลิตร ปรับพับเบาะหลังได้แบบ 60:40 ด้วย

3.Nissan Kick e-Power

Nissan Kick e-Power เป็นรถยนต์ที่เหมาะกับคนที่อยากจะก้าวเข้าสู่วงการรถยนต์ไฟฟ้าแต่ยังไม่มั่นใจเรื่องการชาร์จหรือสถานีชาร์จไฟ อีกทั้งรถยน์คันนี้ยังให้ความสะดวกสบายที่ครบครัน ใช้งานได้หลากหลาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในทุกด้าน และ แตกต่างจากรถยนต์รุ่นอื่นๆ ที่ Nissan เคยมีมาอย่างชัดเจน

Nissan Kick e-Power ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ รหัส HR12DE ขนาด 1.2 ลิตร ทำหน้าที่ปั่นไฟไปเก็บไว้ที่แบตเตอรี เพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่จะทำการขับเคลื่อนตัวรถ ซึ่งตัวมอเตอร์จะให้กำลังสูงสุดที่ 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ใช้แบตเตอรี่ Lithium-ion 2.06 kWh 4 Modules 96 Cells

การออกแบบภายนอกของ Nissan Kicks e-Power มาในรูปแบบของรถยนต์ B-SUV ขนาดกลาง ดีไซน์สวยมีความสปอร์ตอวบอิ่มที่เป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของ Nissan มีไฟหน้าแบบ LED เต็มระบบ มีกล้องติดรถมากถึง 6 ตำแหน่งเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ ตัวรถค่อนข้างสูงทำให้ใช้งานได้อย่างครอบคลุมเลยทีเดียว อีกทั้งการออกแบบภายในยังทำได้อย่างดีถึงแม้จะเป็น SUV ไซส์ B แต่ก็ไม่ได้แคบหรืออึดอัด สามารถนั่งได้สบายๆ พื้นที่ใช้สอยเยอะ เทคโนโลยีและการใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ค่อนข้างครบครัน มีห้องเก็บสัมภาระด้านหลังที่กว้างขวางเลยทีเดียว

4.Toyota Corolla Cross

Toyota Corolla Cross เป็นรถยนต์ Crossover SUV ที่มมาพร้อมฟังก์ชันที่มีสามารถงานได้อย่างเหนือความคาดหมาย โดยการออกแบบรถยนต์คันนี้มาในคอนเสปต์ ความแข็งแกร่งสำหรับชีวิตในเมือง หรือ Urban Toughness ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนผ่านการออกแบบที่เรียบง่ายล้ำสมัย มีตัวรถที่ยกตัวสูงขึ้น ฐานล้อที่กว้าง ใช้งานได้อย่างครอบคลุม

Toyota Corolla Cross รุ่นเริ่มต้นเครื่องยนต์ 2ZR-FBE เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 ขนาด 1.8 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผัน Dual VVT-i กำลังสูงสุด 140 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 177 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า ความจุถังน้ำมัน 47 ลิตร รองรับน้ำมันสูงสุด E85 อัตราการสิ้นเปลืองที่ 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร

นอกจากภายนอกที่มีการออกแบบให้ดูเรียบง่ายแต่ล้ำสมัยแล้ว ภายในก็ไม่ต่างกัน เพราะเค้าออกแบบมาได้แบบเรียบแต่หรู และยังอัดแน่นมาด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายพร้อมกับพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง ทั้งห้องโดยสารและห้องเก็บของที่ด้านหลัง เหมาะกับการเป็นรถครอบครัวอย่างแท้จริง และถ้าถามว่านิยมแค่ไหนก็ตอบได้เลยว่าผู้คนต้องต่อคิวรอรับรถหลายเดือนเลยทีเดียว

5.Mazda CX-30

MAZDA CX-30 เป็นรถยนต์ Crossover SUV ที่เน้นความสปอร์ต ปราดเปรียว และ สะดวกสบาย ได้อย่างลงตัวทุกมิติ โดยถ้าสังเกตจากการออกแบบรถเราจะรู้ได้เลยว่ามีความหรูหราที่เหนือกว่าและต่างจากค่ายอื่น อีกทั้งช่วงล่างของ Mazda นั้น ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่มันรถยุโรปในคราบรถญี่ปุ่นชัดๆ และ CX-30 ถือรถอเนกประสงค์ที่มีอัตราเร่งดี ช่วงล่างหนึบ เป็นรถที่น่าขับมาในปี 2023 

Mazda CX-30 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 213 นิวตันเมตร รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E85 อัตราการสิ้นเปลืองอยู่ที่ 15-16 กิโลเมตรต่อลิตร ถึงเรื่องการกินน้ำมันจะสู้ค่ายอื่นไม่ได้ แต่เรื่องการออกแบบและฟังก์ชันการใช้งาน Mazda เขาให้มาอย่างเต็มที่

ห้องโดยสารของ Mazda ทุกรุ่นจะมีความสปอร์ตและหรูหรามากกว่ารถในระดับเดียวกันมาก มีการจัดวางที่นั่งให้รับกับสรีระและช่วยลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ ทำให้สามารถขับขี่ในระยะทางไกลๆ ได้สบายๆ ภายในของ Mazda CX-30 ถูกออกแบบมาอย่างดีเยี่ยมและทำให้สามารถเก็บเสียงได้อย่างดี มาพร้อมออปชันอำนวยความสะดวกที่หลากหลายและระบบความบันเทิงเต็มรูปแบบ แค่เข้าไปนั่งขับก็เหมือนกับว่าเราได้เข้ามาอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเองอย่างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว