หน้าแรก บทความ ข่าววงการรถยนต์ จบทุกปัญหา ยางอ่อน ยางรั่ว! เลือกเกจ์วัดลมยางแบบไหนดีนะ ? จบทุกปัญหา ยางอ่อน ยางรั่ว! เลือกเกจ์วัดลมยางแบบไหนดีนะ ? ข่าววงการรถยนต์ Tadsaneeya | 15 December 2563 20:31 เรื่องลมยางนั้น เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ใครมีรถก็ไม่ควรมองข้าม และทุกวันนี้ การวัดลมยาง หรือการซื้อเครื่องวัดลมยางไว้ติดรถยนต์ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก หรือแพงเกินเอื้อมเหมือนสมัยก่อนแล้ว ว่าแต่จำเป็นจริงๆ หรือที่เราต้องซื้อติดรถไว้ แล้วเลือกที่วัดลมยางยังไงดี มาดูกันดีกว่า จบทุกปัญหา ยางอ่อน ยางรั่ว! ด้วยเกจ์วัดลมยางทำไมเราต้องมีเครื่องวัดลมยางติดไว้กับรถ ยางรถยนต์ นับได้ว่าเป็นส่วนสำคัญไม่แพ้ส่วนอื่นๆ เลย เพราะหากคุณปล่อยปละละเลย นอกจากจะต้องเสียเงินจำนวนมากเวลาที่ต้องเปลี่ยนยางแบบฉุกเฉินแล้ว ยางที่เสื่อมสภาพ ลมยางอ่อน ยังอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย ดังนั้น การดูแลรักษายางรถยนต์ จึงเป็นเรื่องที่ห้ามมองข้ามโดยทั่วไปแล้วปัญหาที่เกิดกับยางรถยนต์ มักจะเป็นเรื่อง ยางลมอ่อน หรือยางรั่ว โดยที่เราไม่ทันได้รู้ตัว ยิ่งถ้าเป็นรถยนต์รุ่นเก่าๆ ที่ไม่ได้มีเซ็นเซอร์คอยตรวจจับลมยางด้วยแล้ว เรายิ่งต้องระมัดระวัง และตรวจสอบอยู่อย่างสม่ำเสมออย่างน้อยๆ ควรทำเป็นประจำเดือนละ 2 ครั้ง รวมไปถึงเช็กก่อนออกการเดินทางไกล หรือในกรณีที่ต้องการขับรถที่จอดทิ้งเอาไว้เฉยๆ และการเช็กลมยางนั้น มีเป้าหมายหลักๆ อยู่ 3 อย่าง ได้แก่ เพิ่มประสิทธิภาพขณะขับขี่ ด้วยการปรับแรงดันในล้อให้เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการยึดเกาะผิวถนน และระยะเบรก ซึ่งจะส่งผลถึงเรื่องความปลอดภัยขณะขับขี่ของคุณ ชะลอการสึกหรอที่จะเกิดขึ้นกับยาง เช่น ยางแตก ยางรั่ว โดยการเติมลมยางที่พอเหมาะไม่มากไป น้อยไป จึงจะดีต่อการขับขี่ ทำให้ยางไม่สึกหรอไวช่วยลดการกินน้ำมันของรถโดยไม่จำเป็น เพราะแรงดันในยางที่ไม่เหมาะสม จะส่งผลต่อประสิทธิภาพการเร่งความเร็วของรถด้วย ส่วนการเช็กลมยาวนั้น ในสมัยนี้ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะสามารถทำได้ด้วยอุปกรณ์ไม่กี่ชิ้น เช่น เกจ์วัดลมยางที่ได้มาตรฐาน และเครื่องปั๊มลมลากจูง หรืออุปกรณ์สำหรับเติมลมขนาดเล็ก เป็นต้น และสิ่งของเหล่านี้ คุณสามารถใช้งานได้ฟรีตามปั๊มน้ำมันใหญ่ๆแต่สิ่งที่ควรพึงระลึกไว้ก็คือ เกจ์วัดลมยาง หากถูกใช้งานมามาก อาจเกิดความคาดเคลื่อนในค่าที่วัดได้ ใครรักรถ ต้องเตินทางบ่อย และรถยนต์บางรุ่นไม่มีเซ็นเซอร์คอยตรวจจับลมยาง การซื้อเครื่องวัดลมยางติดรถเอาไว้ใช้เองสักอัน ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวทีเดียวเลือกเครื่องวัดล้อลมรถยนต์แบบไหนดี ?มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า นอกจากตัวเซนเซอร์ตรวจจับความผิดปกติในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ แล้ว แน่นอนว่าถ้ารถยนต์ของคุณไม่มีเทคโนโลยีนี่ ก็สามารถเลือกซื้อเครื่องวัดล้อลมรถยนต์แบบพกพา นับเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ช่วยให้คุณตรวจเช็กลมยางได้ตลอดเวลา โดยเราแบ่งได้ ดังนี้แบบแท่ง คล้ายกับปากกา เวลาวัดลมกดที่หัวกับจุ๊บลมแล้วเข็มวัดด้านท้ายจะยื่นออกมาจะเป็นขีดๆ บอกแบบมาตรเข็ม ทรงกลม เวลาวัดลมกดที่หัวจุ๊บลมแล้วเข็มวัดด้านใน จะมองง่ายกว่าแบบตัวเลขดิจิตอล เมื่อเสียบวัดแล้ว จะขึ้นเป็นตัวเลขแรงดันลมยาง ส่วน ที่วัดลมยางแบบไร้สาย นั้น คือ การเสียบปุ่มส่งสัณญาณเข้าที่ขั้วเติมลมยางของแต่ละล้อ จากนั้นเสียบหน้าจอเข้าที่จุดบุหรี่ เพียงเท่านี้ ก็สามารถตรวจสอบสถานะยางรถยยนต์ได้ทันที จะมีทั้งรุ่นที่ติดตั้งภายนอก จะติดตั้งง่าย ติดไว้แถวๆ จุ๊กล้อ ราคาถูก แต่ความแม่นยำจะต่ำ หายง่าย มีโอกาสพังสูง และลมยางอาจรั่วซึมออกได้ง่ายรุ่นที่ติดตั้งภายใน แม้จะติดตั้งยาก เพราะต้องถอดล้อติดตั้ง ราคาแพง แต่จะหายได้ยาก ค่อนข้างแม่นยำ มีอายุการใช้งานที่นนานกว่า ไม่มีปัญหารั่วซึม จะเห็นได้ว่า มีอยู่หลากหลายราคา ซึ่งรูปแบบของการวัดก็จะแตกต่างกันออกไป แต่ที่นิยมใช้กันจริงๆ จะเป็นเครื่องวัดความดันลม แบบมาตรเข็ม และแบบดิจิตอล ซึ่งแบบดิจิตอลจะมีราคาที่แพงกว่าเล็กน้อย แต่ให้ผลที่เที่ยงตรงมากกว่าส่วนการเช็กลมยาง คุณก็สามารถทำได้เองง่ายๆ แค่หมุนจุกยางล้อออก และเสียบเกจ์วัดลมยางเข้าไป ค้างไว้เพียงครู่เดียวก็จะสามารถอ่านค่าแรงดันยางจากหน้าปัดแสดงผลได้เลย ส่วนใหญ่จะมีแรงดันยางอยู่ที่ 28-32 psi (ปอนด์/ตร.นิ้ว) อาจมากหรือน้อยกว่านี้ ตามชนิดของรถ และประเภทการใช้งาน โดยคุณสามารถอ้างอิงตัวเลขที่เหมาะสมกับรถของคุณ ได้จากตารางแรงดันลมที่อยู่ในคู่มือการใช้รถของคุณเป็นหลักซึ่งการวัดลมยางนั้นเราแนะนำว่า ควรวัดซ้ำ 2 ครั้ง เพื่อให้ได้ค่าที่แน่นอนเสมอ หลังจากทราบค่าแรงดันลมยางแน่นอนแล้ว คราวนี้ก็สามารถทำการเติมลมเพื่อเพิ่มความดันที่เหมาะสมได้เลย!แล้วแบบนี้ ต้องเติมลมยางยังไง ถึงจะพอดี ?สำหรับมือใหม่ แนะนำให้อ้างอิงจากแรงดันสูงสุดของยางรถยนต์คุณ และเริ่มต้นด้วยการ ค่อยๆ เติมลมขยักขย่อนทีละน้อย หรือบางคนไม่มั่นใจในแรงความดันสูงสุดของยางรถ อาจจะเติมให้รู้สึกว่าเกินจุดพอดีไปสักนิด จากนั้นวัดแรงดันใหม่ แล้วค่อยปล่อยลมออก จนได้ค่าที่เหมาะสมแทนก็ได้ทั้งนี้ แรงดันที่เหมาะสมสำหรับยางล้อหน้า และล้อหลังอาจไม่เท่ากัน และล้อแต่ละล้อสามารถถอดมาสลับตำแหน่งกัน โดยปกติควรสลับทุกๆ 10,000 กิโลเมตร เพื่อให้ดอกยางสึกกร่อนสม่ำเสมอกันทุกล้อ ซึ่งการเปลี่ยนสลับตำแหน่งล้อคุณก็สามารถทำได้เองเช่นกันและหลังจากเติมลมเสร็จ อย่าลืมวัดความดันของล้อรถอีก 2 ครั้ง หากเห็นว่าพอดี และระบบเซ็นเซอร์ลมยางของรถ ไม่ได้ทำการแจ้งเตือนแล้ว ก็ถือว่าความดันนั้นเหมาะสมแล้ว แต่หากยังมีการแจ้งเตือนอีก อาจจะเป็นเพราะลมไม่พอ ให้เพิ่มเพิ่มเข้าไปอีก แล้วจึงทำการปิดฝาก้านวาล์วจนกว่าจะได้แรงดันที่เหมาะสมในกรณีที่ยางของคุณแบนมากๆ ทางที่ดีควรงดขับขี่ และปล่อยให้ช่างผู้เชี่ยวชาญมาจัดการอาจจะดีกว่านะจะเห็นได้ว่า ปัญหาเรื่องยางแข็งไป ยางรั่ว มองผิวเผินอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่มาก ทางที่ดี เราไม่ควรประมาท หมั่นดูแลรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ และในบางครั้ง อาจะต้องยอมเสียเงินค่าซ่อมบำรุงแพงๆ ดีกว่ารอให้เกิดเรื่อง ถึงค่อยมาซ่อม ซึ่งอาจจะใช้เงินกว่า และไม่คุ้มเสียและในชีวิต อะไรก็เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะเรื่องไม่คาดฝัน คลิกเลย กับ ประกันรถยนต์ จาก rabbit finance ที่มีให้คุณเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ และเบี้ยประกันที่อยากจะจ่าย พร้อมบริการเปรียบเทียบ และผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล ให้คำแนะนำติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinnแชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่ ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car ✕ ใช้การติดต่อผ่านไลน์ เราปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณตาม PDPA ฉันยอมรับ ข้อกำหนดการใช้งาน และ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของ One2car.com ฉันยินยอมให้ One2car.com และผู้ขายรายการประกาศติดต่อทางไลน์ ตรวจสอบข้อเสนอรถที่ดีที่สุด! Prev Next ข้อเสนอพิเศษ - โทรในขณะนี้! วัน ชม ราคาเฉลี่ย ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด I ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด แท็กที่เกี่ยวข้อง ยางรั่ว ยางอ่อน ลมยาง วิธีเลือกเกจ์วัดลมยาง พิมพ์ Tadsaneeya Content Developer Tadsaneeya สายติ่งเกาหลี สาระไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ จากนิตยสาร สู่ทีวี จนมาสู่ออนไลน์ เราทำงานสื่อมาแล้วเกือบครบทุกรูปแบบ บอกได้ว่าการสื่อสารได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจนบางคนอาจตามไม่ทัน อยากได้ความรวดเร็ว ฉับไว ตอนนี้ต้องสื่อออนไลน์ ข่าวฟีเจอร์ แนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า ‘ยังไงก็รอด’ ปี 2567 ต้นทุนแบตถูกลง 50% เรื่องเด่น Chuenkamon Phasuk | 2 วันที่ผ่านมา เจาะแนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า EV จะกลายเป็นรถยนต์แห่งอนาคตจริงหรือไม่ ? ปฏิวัติการขนส่งได้อย่างไร เคลียร์ความสงสัยได้ในบทความนี้ผ่าแนวโน้มอนาคตยานยนต์ไฟฟ้า ... เผยสาเหตุ! ทำไมรถมือสองราคาร่วงแรงกว่าที่ผ่านมา เรื่องเด่น Suttinun Poomkung | 21 March 2567 อะไรทำให้รถมือสองราคาตกขนาดนี้ มีแค่กระแสรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียวหรือไม่ ... ในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า รถสันดาปมือสองจะตายจากเราไปหรือไม่? เรื่องเด่น Pakkawat Unchalee | 21 March 2567 เมื่อรถยนต์ไฟฟ้ากำลังกลายเป็นกระแสหลักในประเทศไทย ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายพร้อมออปชั่นล้นๆ ก็ทำให้เกิดคำถามว่า ... ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ตามวันเกิด พร้อมเวลาล้อหมุน เรื่องเด่น Chuenkamon Phasuk | 21 March 2567 มาแล้ว! ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ใครยังไม่มีฤกษ์รับรถ รีบเข้ามา! ซินแสดูให้จริง อยากรู้เกิดวันนี้ควรออกรถวันเวลาไหนก็ย่อมได้ฤกษ์รับรถเดือนเมษายน ... เเสดงความคิดเห็น
จบทุกปัญหา ยางอ่อน ยางรั่ว! เลือกเกจ์วัดลมยางแบบไหนดีนะ ? ข่าววงการรถยนต์ Tadsaneeya | 15 December 2563 20:31 เรื่องลมยางนั้น เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ใครมีรถก็ไม่ควรมองข้าม และทุกวันนี้ การวัดลมยาง หรือการซื้อเครื่องวัดลมยางไว้ติดรถยนต์ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก หรือแพงเกินเอื้อมเหมือนสมัยก่อนแล้ว ว่าแต่จำเป็นจริงๆ หรือที่เราต้องซื้อติดรถไว้ แล้วเลือกที่วัดลมยางยังไงดี มาดูกันดีกว่า จบทุกปัญหา ยางอ่อน ยางรั่ว! ด้วยเกจ์วัดลมยางทำไมเราต้องมีเครื่องวัดลมยางติดไว้กับรถ ยางรถยนต์ นับได้ว่าเป็นส่วนสำคัญไม่แพ้ส่วนอื่นๆ เลย เพราะหากคุณปล่อยปละละเลย นอกจากจะต้องเสียเงินจำนวนมากเวลาที่ต้องเปลี่ยนยางแบบฉุกเฉินแล้ว ยางที่เสื่อมสภาพ ลมยางอ่อน ยังอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย ดังนั้น การดูแลรักษายางรถยนต์ จึงเป็นเรื่องที่ห้ามมองข้ามโดยทั่วไปแล้วปัญหาที่เกิดกับยางรถยนต์ มักจะเป็นเรื่อง ยางลมอ่อน หรือยางรั่ว โดยที่เราไม่ทันได้รู้ตัว ยิ่งถ้าเป็นรถยนต์รุ่นเก่าๆ ที่ไม่ได้มีเซ็นเซอร์คอยตรวจจับลมยางด้วยแล้ว เรายิ่งต้องระมัดระวัง และตรวจสอบอยู่อย่างสม่ำเสมออย่างน้อยๆ ควรทำเป็นประจำเดือนละ 2 ครั้ง รวมไปถึงเช็กก่อนออกการเดินทางไกล หรือในกรณีที่ต้องการขับรถที่จอดทิ้งเอาไว้เฉยๆ และการเช็กลมยางนั้น มีเป้าหมายหลักๆ อยู่ 3 อย่าง ได้แก่ เพิ่มประสิทธิภาพขณะขับขี่ ด้วยการปรับแรงดันในล้อให้เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการยึดเกาะผิวถนน และระยะเบรก ซึ่งจะส่งผลถึงเรื่องความปลอดภัยขณะขับขี่ของคุณ ชะลอการสึกหรอที่จะเกิดขึ้นกับยาง เช่น ยางแตก ยางรั่ว โดยการเติมลมยางที่พอเหมาะไม่มากไป น้อยไป จึงจะดีต่อการขับขี่ ทำให้ยางไม่สึกหรอไวช่วยลดการกินน้ำมันของรถโดยไม่จำเป็น เพราะแรงดันในยางที่ไม่เหมาะสม จะส่งผลต่อประสิทธิภาพการเร่งความเร็วของรถด้วย ส่วนการเช็กลมยาวนั้น ในสมัยนี้ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะสามารถทำได้ด้วยอุปกรณ์ไม่กี่ชิ้น เช่น เกจ์วัดลมยางที่ได้มาตรฐาน และเครื่องปั๊มลมลากจูง หรืออุปกรณ์สำหรับเติมลมขนาดเล็ก เป็นต้น และสิ่งของเหล่านี้ คุณสามารถใช้งานได้ฟรีตามปั๊มน้ำมันใหญ่ๆแต่สิ่งที่ควรพึงระลึกไว้ก็คือ เกจ์วัดลมยาง หากถูกใช้งานมามาก อาจเกิดความคาดเคลื่อนในค่าที่วัดได้ ใครรักรถ ต้องเตินทางบ่อย และรถยนต์บางรุ่นไม่มีเซ็นเซอร์คอยตรวจจับลมยาง การซื้อเครื่องวัดลมยางติดรถเอาไว้ใช้เองสักอัน ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวทีเดียวเลือกเครื่องวัดล้อลมรถยนต์แบบไหนดี ?มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า นอกจากตัวเซนเซอร์ตรวจจับความผิดปกติในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ แล้ว แน่นอนว่าถ้ารถยนต์ของคุณไม่มีเทคโนโลยีนี่ ก็สามารถเลือกซื้อเครื่องวัดล้อลมรถยนต์แบบพกพา นับเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ช่วยให้คุณตรวจเช็กลมยางได้ตลอดเวลา โดยเราแบ่งได้ ดังนี้แบบแท่ง คล้ายกับปากกา เวลาวัดลมกดที่หัวกับจุ๊บลมแล้วเข็มวัดด้านท้ายจะยื่นออกมาจะเป็นขีดๆ บอกแบบมาตรเข็ม ทรงกลม เวลาวัดลมกดที่หัวจุ๊บลมแล้วเข็มวัดด้านใน จะมองง่ายกว่าแบบตัวเลขดิจิตอล เมื่อเสียบวัดแล้ว จะขึ้นเป็นตัวเลขแรงดันลมยาง ส่วน ที่วัดลมยางแบบไร้สาย นั้น คือ การเสียบปุ่มส่งสัณญาณเข้าที่ขั้วเติมลมยางของแต่ละล้อ จากนั้นเสียบหน้าจอเข้าที่จุดบุหรี่ เพียงเท่านี้ ก็สามารถตรวจสอบสถานะยางรถยยนต์ได้ทันที จะมีทั้งรุ่นที่ติดตั้งภายนอก จะติดตั้งง่าย ติดไว้แถวๆ จุ๊กล้อ ราคาถูก แต่ความแม่นยำจะต่ำ หายง่าย มีโอกาสพังสูง และลมยางอาจรั่วซึมออกได้ง่ายรุ่นที่ติดตั้งภายใน แม้จะติดตั้งยาก เพราะต้องถอดล้อติดตั้ง ราคาแพง แต่จะหายได้ยาก ค่อนข้างแม่นยำ มีอายุการใช้งานที่นนานกว่า ไม่มีปัญหารั่วซึม จะเห็นได้ว่า มีอยู่หลากหลายราคา ซึ่งรูปแบบของการวัดก็จะแตกต่างกันออกไป แต่ที่นิยมใช้กันจริงๆ จะเป็นเครื่องวัดความดันลม แบบมาตรเข็ม และแบบดิจิตอล ซึ่งแบบดิจิตอลจะมีราคาที่แพงกว่าเล็กน้อย แต่ให้ผลที่เที่ยงตรงมากกว่าส่วนการเช็กลมยาง คุณก็สามารถทำได้เองง่ายๆ แค่หมุนจุกยางล้อออก และเสียบเกจ์วัดลมยางเข้าไป ค้างไว้เพียงครู่เดียวก็จะสามารถอ่านค่าแรงดันยางจากหน้าปัดแสดงผลได้เลย ส่วนใหญ่จะมีแรงดันยางอยู่ที่ 28-32 psi (ปอนด์/ตร.นิ้ว) อาจมากหรือน้อยกว่านี้ ตามชนิดของรถ และประเภทการใช้งาน โดยคุณสามารถอ้างอิงตัวเลขที่เหมาะสมกับรถของคุณ ได้จากตารางแรงดันลมที่อยู่ในคู่มือการใช้รถของคุณเป็นหลักซึ่งการวัดลมยางนั้นเราแนะนำว่า ควรวัดซ้ำ 2 ครั้ง เพื่อให้ได้ค่าที่แน่นอนเสมอ หลังจากทราบค่าแรงดันลมยางแน่นอนแล้ว คราวนี้ก็สามารถทำการเติมลมเพื่อเพิ่มความดันที่เหมาะสมได้เลย!แล้วแบบนี้ ต้องเติมลมยางยังไง ถึงจะพอดี ?สำหรับมือใหม่ แนะนำให้อ้างอิงจากแรงดันสูงสุดของยางรถยนต์คุณ และเริ่มต้นด้วยการ ค่อยๆ เติมลมขยักขย่อนทีละน้อย หรือบางคนไม่มั่นใจในแรงความดันสูงสุดของยางรถ อาจจะเติมให้รู้สึกว่าเกินจุดพอดีไปสักนิด จากนั้นวัดแรงดันใหม่ แล้วค่อยปล่อยลมออก จนได้ค่าที่เหมาะสมแทนก็ได้ทั้งนี้ แรงดันที่เหมาะสมสำหรับยางล้อหน้า และล้อหลังอาจไม่เท่ากัน และล้อแต่ละล้อสามารถถอดมาสลับตำแหน่งกัน โดยปกติควรสลับทุกๆ 10,000 กิโลเมตร เพื่อให้ดอกยางสึกกร่อนสม่ำเสมอกันทุกล้อ ซึ่งการเปลี่ยนสลับตำแหน่งล้อคุณก็สามารถทำได้เองเช่นกันและหลังจากเติมลมเสร็จ อย่าลืมวัดความดันของล้อรถอีก 2 ครั้ง หากเห็นว่าพอดี และระบบเซ็นเซอร์ลมยางของรถ ไม่ได้ทำการแจ้งเตือนแล้ว ก็ถือว่าความดันนั้นเหมาะสมแล้ว แต่หากยังมีการแจ้งเตือนอีก อาจจะเป็นเพราะลมไม่พอ ให้เพิ่มเพิ่มเข้าไปอีก แล้วจึงทำการปิดฝาก้านวาล์วจนกว่าจะได้แรงดันที่เหมาะสมในกรณีที่ยางของคุณแบนมากๆ ทางที่ดีควรงดขับขี่ และปล่อยให้ช่างผู้เชี่ยวชาญมาจัดการอาจจะดีกว่านะจะเห็นได้ว่า ปัญหาเรื่องยางแข็งไป ยางรั่ว มองผิวเผินอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่มาก ทางที่ดี เราไม่ควรประมาท หมั่นดูแลรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ และในบางครั้ง อาจะต้องยอมเสียเงินค่าซ่อมบำรุงแพงๆ ดีกว่ารอให้เกิดเรื่อง ถึงค่อยมาซ่อม ซึ่งอาจจะใช้เงินกว่า และไม่คุ้มเสียและในชีวิต อะไรก็เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะเรื่องไม่คาดฝัน คลิกเลย กับ ประกันรถยนต์ จาก rabbit finance ที่มีให้คุณเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ และเบี้ยประกันที่อยากจะจ่าย พร้อมบริการเปรียบเทียบ และผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล ให้คำแนะนำติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinnแชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่ ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car ✕ ใช้การติดต่อผ่านไลน์ เราปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณตาม PDPA ฉันยอมรับ ข้อกำหนดการใช้งาน และ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของ One2car.com ฉันยินยอมให้ One2car.com และผู้ขายรายการประกาศติดต่อทางไลน์ ตรวจสอบข้อเสนอรถที่ดีที่สุด! Prev Next ข้อเสนอพิเศษ - โทรในขณะนี้! วัน ชม ราคาเฉลี่ย ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด I ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด แท็กที่เกี่ยวข้อง ยางรั่ว ยางอ่อน ลมยาง วิธีเลือกเกจ์วัดลมยาง
ข้อเสนอพิเศษ - โทรในขณะนี้! วัน ชม ราคาเฉลี่ย ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด I ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด
แนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า ‘ยังไงก็รอด’ ปี 2567 ต้นทุนแบตถูกลง 50% เรื่องเด่น Chuenkamon Phasuk | 2 วันที่ผ่านมา เจาะแนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า EV จะกลายเป็นรถยนต์แห่งอนาคตจริงหรือไม่ ? ปฏิวัติการขนส่งได้อย่างไร เคลียร์ความสงสัยได้ในบทความนี้ผ่าแนวโน้มอนาคตยานยนต์ไฟฟ้า ...
เผยสาเหตุ! ทำไมรถมือสองราคาร่วงแรงกว่าที่ผ่านมา เรื่องเด่น Suttinun Poomkung | 21 March 2567 อะไรทำให้รถมือสองราคาตกขนาดนี้ มีแค่กระแสรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียวหรือไม่ ...
ในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า รถสันดาปมือสองจะตายจากเราไปหรือไม่? เรื่องเด่น Pakkawat Unchalee | 21 March 2567 เมื่อรถยนต์ไฟฟ้ากำลังกลายเป็นกระแสหลักในประเทศไทย ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายพร้อมออปชั่นล้นๆ ก็ทำให้เกิดคำถามว่า ...
ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ตามวันเกิด พร้อมเวลาล้อหมุน เรื่องเด่น Chuenkamon Phasuk | 21 March 2567 มาแล้ว! ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ใครยังไม่มีฤกษ์รับรถ รีบเข้ามา! ซินแสดูให้จริง อยากรู้เกิดวันนี้ควรออกรถวันเวลาไหนก็ย่อมได้ฤกษ์รับรถเดือนเมษายน ...