หน้าแรก บทความ ข่าววงการรถยนต์ Ferrari 812 GTS สปอร์ตคาร์เปิดประทุนที่ทรงพลังที่สุด เครื่องยนต์ 800 แรงม้า Ferrari 812 GTS สปอร์ตคาร์เปิดประทุนที่ทรงพลังที่สุด เครื่องยนต์ 800 แรงม้า ข่าววงการรถยนต์ Wongsupat | 20 September 2562 18:00 เป็นเวลา 50 ปี นับจากที่เฟอร์รารี่ เปิดตัวสปอร์ตคาร์เครื่องยนต์ V12 วางด้านหน้าเป็นครั้งแรก วันนี้ 812 GTS หวนคืนบัลลังก์เพื่อประกาศก้องถึงความยิ่งใหญ่ของหนึ่งในยนตรกรรมที่มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของเฟอร์รารี่ ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มก่อตั้งแบรนด์จนถึงปัจจุบัน ให้โลกได้รับรู้อีกครั้ง ตำนานแห่งยนตรกรรมเปิดประทุนเครื่องยนต์ V12 ของ Ferrari นั้น เต็มไปด้วยรถยนต์ที่โดดเด่นหลากหลายรุ่น เริ่มต้นในปี 1948 จากรุ่น 166 MM สายพันธุ์แท้แห่งรถแข่ง GT ผู้คว้าชัยในการแข่งขันเอนดูรานซ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก ในปี 1949 ทั้งสองรายการ นั่นคือ Mille Miglia และ 24 Hours of Le Mans365 GTS4 คือคันสุดท้ายของสายเลือดที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน ในปี 1969 รถรุ่นนี้เป็นที่รู้จักในนาม “Daytona Spider” สืบเนื่องจากการคว้าชัยของ Ferrari ในการแข่งขัน 24 Hours of Daytona เมื่อสองประสานจากม้าลำพอง 330 P4s และ 412 P รับธงหมากรุกเคียงข้างกัน ครองอันดับ Top 3 ได้สำเร็จหลังจากรุ่น 365 GTS4 ตัวถังสำหรับรองรับเครื่องยนต์ V12 วางหน้า ของ Ferrari ไม่เคยถูกนำมาใช้กับรถเปิดประทุนรุ่นโปรดักชั่น (ออกจำหน่ายแบบไม่จำกัดจำนวน) อีกเลย นั่นหมายถึง มีเพียงรถซึ่งผลิตขึ้นพิเศษในจำนวนจำกัดอีกเพียง 4 รุ่น เท่านั้น ที่เปิดตัวไปหลังจากนั้น นั่นคือ 550 Barchetta Pininfarina ในปี 2000, Superamerica ปี 2005, SA Aperta ปี 2010 และคันล่าสุดคือ F60 America ในปี 2014 ที่สร้างขึ้นเพียง 10 คัน เพื่อฉลองวาระครบรอบ 60 ปี ในการจำหน่ายรถเฟอร์รารี่ในสหรัฐอเมริกาเช่นเดียวกับสายพันธุ์ม้าลำพองในตำนาน 812 GTS สร้างมาตรฐานใหม่ในด้านของสมรรถนะและความพิเศษเหนือระดับ ดุดันด้วยขุมพลัง 800 แรงม้า V12 อันเกรียงไกรของ Ferrari ไม่เพียงแค่การเป็นสปอร์ตคาร์เปิดประทุนที่ทรงพลังที่สุดในคลาสเท่านั้น แต่ยังเป็นรถที่ใช้งานได้เอนกประสงค์ จากความยอดเยี่ยมของหลังคาแข็งแบบพับเก็บได้ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ส่งให้มีพื้นที่ความจุในห้องเก็บสัมภาระท้ายรถมากยิ่งขึ้นหลังคาแข็งแบบพับเก็บได้ (RHT – Retractable Hard Top) ใช้เวลาเพียง 14 วินาทีในการเก็บเข้าที่ และทำงานได้ขณะรถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 45 กม./ชม. ทั้งยังไม่กินพื้นที่ภายในห้องโดยสารอีกด้วย กระจกหลังควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้า จะทำหน้าที่เป็นแผ่นบังลม ช่วยคงความสุนทรีย์ในการขับขี่แม้จะเปิดหลังคาอยู่ก็ตาม หรือในกรณีที่ปิดหลังคา ก็ยังคงเปิดโอกาสให้ได้ดื่มด่ำเสียงคำรามของเครื่องยนต์ V12 อย่างชัดเจนเช่นกัน เครื่องยนต์ (ENGINE)812 GTS คือเวอร์ชั่นเปิดประทุนของรุ่น 812 Superfast ซึ่งมีทั้งคุณสมบัติและเพอร์ฟอร์มานซ์ในระดับเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของเครื่องยนต์ขนาด 800 แรงม้า ที่ 8,500 รอบ/นาที ซึ่งนับว่าทรงพลังที่สุดเมื่อเทียบกับรถในคลาสเดียวกัน แรงบิดที่มากถึง 718 นิวตันเมตร ช่วยยืนยันได้ว่ารถจะมีอัตราเร่งอันน่าทึ่งเช่นเดียวกับ 812 Superfast ทั้งยังรับประกันความสนุกในการขับขี่ด้วยรอบเครื่องยนต์ที่ทำได้สูงสุดถึง 8,900 รอบ/นาทีเช่นเดียวกับใน 812 Superfast ขีดขั้นแห่งสมรรถนะอันยอดเยี่ยมเกิดขึ้นจากการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเครื่องยนต์และการนำนวัตกรรมต่างๆ มาใช้ ตัวอย่างเช่น ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection ที่มีแรงดันสูงถึง 350 บาร์ และระบบควบคุมขนาดของท่อร่วมไอดีแบบแปรผัน ซึ่งพัฒนามาจากเครื่องยนต์แบบไม่มีระบบอัดอากาศของรถแข่ง F1 ระบบเหล่านี้ช่วยให้สามารถเพิ่มความจุกระบอกสูบจาก 6.2 เป็น 6.5 ลิตร เพื่อให้มีพละกำลังมากขึ้น แม้ในขณะใช้รอบเครื่องยนต์ต่ำๆ ก็ตามนอกจากนั้น ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยแรงดันสูง ยังทำให้เชื้อเพลิงที่ฉีดพ่นออกมา เป็นฝอยละอองขนาดเล็ก มากขึ้น จึงลดมลพิษได้เป็นอย่างดีในระหว่างที่ตัวกรองไอเสียยังไม่ถึงอุณหภูมิทำงาน ขณะที่ตัวกรองอนุภาคน้ำมันเบนซิน (GPF - Gasoline Particulate Filter) รวมถึงระบบ Stop&Start On the Move ซึ่งจะหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ขณะรถจอด และติดเครื่องโดยอัตโนมัติอีกครั้งเมื่อรถต้องเคลื่อนที่ ก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยให้รถคายมลพิษต่ำตามมาตรฐานข้อกำหนดมีการปรับปรุงการทำงานของโหมดต่างๆ ในระบบ Manettino อย่างพิถีถันเป็นพิเศษ เพื่อเพิ่มศักยภาพของเครื่องยนต์ และรับมือกับพละกำลังมหาศาลที่ถูกปลดปล่อยออกมา นั่นหมายความว่า ผู้ขับขี่สามารถควบคุมแรงบิดมหาศาลผ่านคันเร่งได้อย่างง่ายดายและมั่นใจ ด้วยพลังที่ส่งผ่านออกมาอย่างราบรื่นในทุกรอบเครื่องเส้นโค้งของกราฟแรงบิด เผยให้เห็นว่าแรงบิดไม่ได้สูญหายไปกับการเพิ่มพลังเครื่องยนต์ โดย 80 เปอร์เซ็นต์ของแรงบิด มีให้ใช้งานที่รอบต่ำเพียง 3,500 รอบ/นาที ช่วยให้รถมีสมรรถนะที่ดีแม้อยูในความเร็วต่ำขณะที่เส้นกราฟของแรงม้านั้น จะยกสูงขึ้นเต็มพิกัดไปจนถึง 8,500 รอบ/นาที และเกิดขึ้นอย่างฉับพลันทันใจตามความเร็วรอบเครื่องยนต์ ผลจากการมีแรงเสียดทานต่ำส่งให้ผู้ขับสามารถสัมผัสได้ถึงอัตราเร่งอย่างไร้ขีดจำกัด การเพิ่มพลังเครื่องยนต์โดยรวม ตลอดจนการปรับพละกำลังให้อยู่ในช่วง 6,500-8,900 รอบ/นาที ช่วยเรียกแรงม้าส่วนใหญ่ออกมาใช้งานได้อย่างต่อเนื่องเมื่อขับขี่ในสนาม หากคงรอบเครื่องยนต์ไว้ในระดับค่อนข้างสูงตลอดเวลาเกียร์แบบคลัตช์คู่ช่วยเพิ่มความสปอร์ตให้กับการขับขี่ เมื่อปรับสวิตช์ Manettino เข้าสู่โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต ระยะเวลาในการเปลี่ยนเกียร์ ขึ้น-ลง จะถูกปรับให้รวดเร็วขึ้น เพื่อให้การส่งกำลังเป็นไปอย่างฉับไว มอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจยิ่งขึ้นแก่ผู้ขับขี่ นอกจากนั้น ยังมีการปรับอัตราทดเกียร์ให้ชิดกว่าเดิมจนผู้ขับสามารถสัมผัสถึงการตอบสนองคันเร่งอันว่องไวได้อย่างชัดเจนรูปแบบของระบบระบายไอเสียได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มและปรับสมดุลของเสียงเครื่องยนต์และเสียงที่ดังออกมาจากปลายท่อ โดยเป้าหมายก็คือ การสร้างสรรค์เสียงคำรามที่ดุดันสไตล์สปอร์ตแม้ในขณะขับขี่โดยปิดหลังคาก็ตามมีการปรับแต่งท่อไอเสียช่วงกลางเพื่อให้ได้มาซึ่งเสียงที่ไพเราะยิ่งขึ้น ทุกท่อของท่อร่วมไอเสียแบบ 6-1 (6 ท่อ รวมเข้ามาเป็น 1 ท่อ)ก่อนต่อมายังตัวกรองไอเสีย มีความยาวเท่ากันทุกท่อ ช่วยให้เสียงที่ได้มีความโดดเด่นกว่าเดิม ผลลัพธ์คือเสียงคำรามหนักแน่นของขุมพลัง V12 ที่สามารถดื่มด่ำได้จากภายในห้องโดยสาร และจะยิ่งชัดเจนมากขึ้นไปอีกเมื่อขับขี่โดยเปิดหลังคา การออกแบบ (DESIGN)ออกแบบโดย Ferrari Styling Centre ด้วยการใช้พื้นฐานจาก 812 Superfast… 812 GTS สะท้อนการออกแบบและสัดส่วนอันงดงามแห่งยนตรกรรมเครื่องยนต์ V12 วางด้านหน้า ของเฟอร์รารี่ ออกมาได้โดยไม่ต้องแก้ไขมิติตัวถังหรือส่งผลกระทบใดๆ ต่อพื้นที่และความสะดวกสบายในห้องโดยสาร ถ่ายทอดความสมบูรณ์แบบที่ผสมผสานได้อย่างลงตัวระหว่างความโฉบเฉี่ยวและความหรูหราสูงค่า ตัวถังด้านข้างของ 812 GTS แฝงความเท่ในแบบฉบับของรถท้ายลาด (Fastback) ดีไซน์แบบ 2-box และส่วนท้ายรถที่ยกสูง ชวนให้รำลึกถึงความยิ่งใหญ่ของ 365 GTB4 (Daytona) ปี 1968 ได้เป็นอย่างดีเมื่อมองจากด้านข้าง ส่วนท้ายของรถดีไซน์ให้พับเว้าเพื่อให้ท้ายรถดูสั้นลง เพิ่มเส้นสายคมคายในส่วนลาดเอียงของตัวถัง พร้อมด้วยซุ้มล้อขนาดใหญ่สะท้อนให้เห็นความกำยำและดุดัน สง่างามตามแบบฉบับของสปอร์ตคาร์ขุมพลัง V12ด้วยความที่เป็นเวอร์ชั่นเปิดประทุนของรุ่น 812 Superfast ส่วนท้ายของรถ ไม่ว่าจะเป็นหลังคา, ฝาท้าย ไปจนถึงห้องเก็บสัมภาระ จึงได้รับการออกแบบใหม่ โดยมีเป้าหมายให้เกิดเป็นยนตรกรรมที่หลอมรวมความงดงามและดุลยภาพเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน เสาหลังคาซึ่งภายในติดตั้งกลไกของชุดพับหลังคาเอาไว้ ได้รับการออกแบบให้แสดงถึงการขับเคลื่อนที่พุ่งไปด้านหน้า ทั้งยังส่งให้กระจกข้างของรุ่นเปิดประทุน ดูแตกต่างออกไปจากรุ่นหลังคาแข็งได้อย่างชัดเจน และเมื่อเปิดหลังคา ชิ้นส่วนของหลังคาก็จะถูกพับเก็บไว้ใต้ฝาครอบดังกล่าวด้วยความแตกต่างของตัวถัง จึงไม่มีช่องระบายอากาศบริเวณด้านบนหลังซุ้มล้อหลัง (ใกล้กับไฟท้าย) อันเป็นเอกลักษณ์ของ 812 Superfast แต่ก็ถูกทดแทนด้วยดิฟฟิวเซอร์ใต้กันชนหลังที่มีแผ่นบังคับลมเพิ่มขึ้นนอกจากนั้น 812 GTS ใหม่ ยังมาพร้อมกับล้อฟอร์จน้ำหนักเบาที่ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษสำหรับรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ โดยมีให้เลือก 3 สี คือ Diamond-Finish, Liquid Silver และ Grigio Scuroอากาศพลศาสตร์ (AERODYNAMICS)812 GTS สร้างความท้าทายให้กับเหล่าดีไซเนอร์ของเฟอร์รารี่ถึง 2 ประการด้วยกัน คือ จะมั่นใจได้อย่างไรว่ารถจะมีเพอร์ฟอร์มานซ์เฉกเช่นเวอร์ชั่นคูเป้ในขณะขับขี่โดยปิดหลังคา และยังคงมอบสุนทรียภาพให้แก่ทุกคนในห้องโดยสารได้เช่นเดิม เมื่อเปิดหลังคาในด้านของประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ ด้วยหลังคาและอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องต่างๆ ของกลไกในการพับเก็บ จึงจำเป็นต้องแก้ไขส่วนท้ายของรถให้เหมาะสม ด้วยการเปลี่ยนรูปทรงของฝาครอบใหม่ และที่สำคัญที่สุดก็คือ ปีกทั้ง 3 ชิ้นที่อยู่บนดิฟฟิวเซอร์กลางกันชนหลัง ซึ่งช่วยสร้างแรงดูด (ให้เกิดเป็นดาวน์ฟอร์ซ) จากใต้ท้องรถ ช่วยทดแทนดาวน์ฟอร์ซที่สูญเสียไปจากการไม่มีช่องระบายอากาศของซุ้มล้อหลังเหมือนกับใน 812 Superfastในอีกด้านหนึ่ง แรงต้านถูกลดทอนลงจากการใช้ช่องระบายอากาศซึ่งอยู่ที่ส่วนท้ายของด้านข้างตัวถัง (เหนือซุ้มล้อหลัง) เพื่อระบายแรงดันที่เกิดขึ้นจากล้อหลังออกไปความพิถีพิถันในทุกรายละเอียดทำให้มั่นใจได้ถึงมาตรฐานความสะดวกสบายแม้ขณะขับขี่โดยเปิดหลังคา มีการใส่ใจอย่างยิ่งทั้งในเรื่องของการลดลมหมุนวนภายในห้องโดยสารและเสียงของอากาศ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้โดยสารสามารถสนทนาระหว่างกันได้โดยไม่ถูกรบกวนแม้ในความเร็วสูงเช่นเดียวกับใน LaFerrari Aperta แผ่นขนาดเล็กทรงตัว L ซึ่งติดตั้งอยู่มุมด้านบนของกระจกหน้าทั้งสองฝั่ง ทำให้เกิดลมหมุน (Vortex) อย่างต่อเนื่องไปจนถึงบริเวณเหนือกระจกหลัง ช่วยลดแรงดันอากาศด้านหลังเบาะนั่งได้เป็นอย่างดี พื้นที่ตรงส่วนนี้ นักอากาศพลศาสตร์สร้างสรรค์ทางผ่านของอากาศขึ้นบริเวณส่วนหน้าของเสาหลังคาทั้งสองฝั่ง และเสริมด้วยครีบปรับทิศทางอากาศ ซึ่งจะแบ่งแยกการไหลของอากาศ ให้ออกไปยังฝากระโปรงท้าย ช่วยเสริมให้การระบายแรงดันออกจากห้องโดยสารทำได้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยไล่อากาศไม่ให้หยุดนิ่ง ซึ่งเป็นผลดีอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพทางแอโรไดนามิกส์และการไหลของอากาศที่ราบรื่นพลศาสตร์ยานยนต์ (VEHICLE DYNAMICS)จุดประสงค์ในการพัฒนา 812 GTS คือการคงไว้ซึ่งความรู้สึกอันตราตรึงใจของความเร็ว และสัมผัสถึงพลังที่ปลดปล่อยออกมาได้เช่นเดียวกับใน 812 Superfast ทั้งเรื่องของอัตราเร่ง, การตอบสนองที่ฉับไว ตลอดจนความคล่องตัวในการขับขี่ 812 GTS มีอุปกรณ์และระบบควบคุมเจเนอเรชั่นใหม่เช่นเดียวกับ 812 Superfast และนั่นรวมถึงแฮนด์ลิ่งที่ยอดเยี่ยมด้วย ระบบบังคับเลี้ยวแบบสปอร์ตควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS – Electric Power Steering) ซึ่งมีอยู่ในรถทุกรุ่นของ Ferrari ถูกนำมาใช้เพื่อดึงเอาศักยภาพของรถในด้านเพอร์ฟอร์มานซ์ออกมาได้อย่างเต็มที่ โดยทำงานร่วมกับระบบควบคุมไดนามิกส์ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ รวมถึงระบบ SCC เวอร์ชั่น 5.0 สิทธิบัตรของเฟอร์รารี่ ด้วย นอกจากนั้นยังมีระบบ Virtual Short Wheelbase 2.0 (PCV) ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นโดยใช้พื้นฐานมาจากประสบการณ์ที่สั่งสมมานาน นับตั้งแต่ที่นำมาใช้ครั้งแรกกับ F12tdfนอกจากนั้น ยังมีระบบช่วยเหลือประสิทธิภาพสูงอีกมากมายสำหรับผู้ขับขี่ ประกอบด้วย;- Ferrari Peak Performance (FPP): ในขณะกำลังเข้าโค้ง แรงหน่วงจากพวงมาลัยจะช่วยให้ผู้ขับขี่ทราบว่ารถกำลังเข้าใกล้ขีดจำกัดของการยึดเกาะถนน ช่วยให้ระบบควบคุมเสถียรภาพต่างๆ เริ่มทำงาน- Ferrari Power Oversteer (FPO) - ในกรณีที่เกิดอาการท้ายปัด (Oversteer) ซึ่งมักจะเกิดขึ้นเมื่อเร่งออกจากโค้ง พวงมาลัยจะหน่วงกลับไปยังทิศทางที่ถูกต้องสอดคล้องกับทิศทางของรถ- การปรับแต่งการหน่วงนำของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในช็อคอับใหม่ ช่วยให้รถมีประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนเช่นเดียวกับเวอร์ชั่นหลังคาแข็ง แม้ตัวถังจะได้รับการเสริมความแข็งแกร่งจนมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีก 75 กิโลกรัมก็ตาม ด้วยเหตุนี้ สมรรถนะโดยรวมของรถจึงใกล้เคียงกับรุ่นหลังคาแข็ง ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ต่ำกว่า 3 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 8.3 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดของ Ferrari 812 GTS ก็เทียบเท่ากับรุ่นหลังคาแข็งที่ 340 กม./ชม. บริการดูแลรักษา 7 ปี (7 YEARS MAINTENANCE)มาตรฐานคุณภาพที่เหนือชั้นของเฟอร์รารี่ และการมุ่งเน้นที่การให้บริการลูกค้าเป็นหัวใจหลัก เฟอร์รารี่จึงมีโปรแกรมการบำรุงรักษาที่เพิ่มขึ้นเป็น 7 ปี ให้กับผู้เป็นเจ้าของ Ferrari 812 GTS โปรแกรมนี้ครอบคลุมการบำรุงรักษาตามปกติทั้งหมดในช่วง 7 ปีแรกของรถเฟอร์รารี่ทุกรุ่น การบำรุงรักษาตามกำหนดเวลานี้เป็นบริการพิเศษที่ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่ารถจะมีประสิทธิภาพสูงสุดและมีความปลอดภัยอยู่เสมอ บริการพิเศษนี้มีให้สำหรับผู้ที่ซื้อเฟอร์รารี่มือสองด้วยเช่นกันการบำรุงรักษาปกติ (ตามระยะทาง 20,000 กม. หรือปีละครั้ง) อะไหล่แท้และการตรวจสอบอย่างพิถีพิถันโดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรมโดยตรงที่ศูนย์ฝึกอบรมเฟอร์รารี่ในเมืองมาราเนลโล โดยใช้เครื่องมือวินิจฉัยที่ทันสมัยที่สุด ซึ่งบริการนี้มีให้สำหรับตัวแทนจำหน่ายเฟอร์รารี่อย่างเป็นทางการทั่วโลกนอกจากนี้ เฟอร์รารี่ยังมีโปรแกรม Genuine Maintenance ซึ่งจะขยายขอบเขตของบริการหลังการขายที่เสนอโดย เฟอร์รารี่ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่ต้องการรักษาประสิทธิภาพและความเป็นเลิศ อันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ทุกคันที่สร้างขึ้นจากโรงงานในมาราเนลโล ด้วยเทคโนโลยีอันก้าวล้ำ FERRARI 812 GTSข้อมูลจำเพาะทางเทคนิคเครื่องยนต์ประเภท V12 - 65°ปริมาตรความจุ 6496 ccกระบอกสูบxช่วงชัก 94x78 mmแรงม้าสูงสุด* 588 kW (800 cv) at 8500 rpmแรงบิดสูงสุด* 718 Nm at 7000 rpmอัตราส่วนแรงม้าต่อลิตร 123 cv/lรอบเครื่องยนต์สูงสุด 8900 rpmอัตราส่วนกำลังอัด 13.6:1มิติและน้ำหนักความยาว 4693 mmความกว้าง 1971 mmความสูง 1276 mmความยาวฐานล้อ 2720 mmความกว้างฐานล้อหน้า 1672 mmความกว้างฐานล้อหลัง 1645 mmน้ำหนักรถเปล่า** 1600 kgอัตราส่วนการกระจายน้ำหนัก 47% ant - 53% postความจุห้องเก็บสัมภาระ 210 lความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 92 lขนาดยางและล้อหน้า 275/35 ZR 20” 10” Jหลัง 315/35 ZR 20” 11.5” Jระบบเบรกหน้า 398x223x38 mmหลัง 360x233x32 mmระบบส่งกำลัง 7-speed dual-clutch gearboxระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ EPS, PCV 2.0, E-Diff3, F1-Trac, ABS/EBDprestazionale con Ferrari Pre-Fill, FrS SCM-E,SSC 5.0สมรรถนะ0-100 km/h <3.0 sec0-200 km/h 8.3 secMax. speed over 340 km/h เช็คราคารถใหม่ และโปรโมชั่น ได้ที่นี่ ที่นี่ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่มาร่วมแชร์ความเห็นของคุณบนเวบบอร์ด Autospinn คลิกที่นี่ ✕ ใช้การติดต่อผ่านไลน์ เราปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณตาม PDPA ฉันยอมรับ ข้อกำหนดการใช้งาน และ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของ One2car.com ฉันยินยอมให้ One2car.com และผู้ขายรายการประกาศติดต่อทางไลน์ ตรวจสอบข้อเสนอรถที่ดีที่สุด! Prev Next ข้อเสนอพิเศษ - โทรในขณะนี้! วัน ชม ราคาเฉลี่ย ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด I ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด แท็กที่เกี่ยวข้อง 800 แรงม้า Ferrari Ferrari 812 GTS super car เปิดประทุน เฟอรารี่ พิมพ์ Wongsupat Senior Content Writer นักข่าวมากประสบการณ์จากสื่อสิ่งพิมพ์ สายกระทรวง วงการคมนาคมและเศรษฐกิจ การันตีด้วยผลงานข่าวดีเด่นรางวัลอิศรา อมันตกุล ก่อนเข้ามาคลุกคลีวงการยานยนต์ สั่งสมประสบการณ์ เพิ่มความเชี่ยวชาญด้านข้อมูลรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ และข้อมูลความรู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อผู้อ่านทุกท่าน ข่าวฟีเจอร์ แนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า ‘ยังไงก็รอด’ ปี 2567 ต้นทุนแบตถูกลง 50% เรื่องเด่น Chuenkamon Phasuk | 27 March 2567 เจาะแนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า EV จะกลายเป็นรถยนต์แห่งอนาคตจริงหรือไม่ ? ปฏิวัติการขนส่งได้อย่างไร เคลียร์ความสงสัยได้ในบทความนี้ผ่าแนวโน้มอนาคตยานยนต์ไฟฟ้า ... เผยสาเหตุ! ทำไมรถมือสองราคาร่วงแรงกว่าที่ผ่านมา เรื่องเด่น Suttinun Poomkung | 21 March 2567 อะไรทำให้รถมือสองราคาตกขนาดนี้ มีแค่กระแสรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียวหรือไม่ ... ในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า รถสันดาปมือสองจะตายจากเราไปหรือไม่? เรื่องเด่น Pakkawat Unchalee | 21 March 2567 เมื่อรถยนต์ไฟฟ้ากำลังกลายเป็นกระแสหลักในประเทศไทย ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายพร้อมออปชั่นล้นๆ ก็ทำให้เกิดคำถามว่า ... ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ตามวันเกิด พร้อมเวลาล้อหมุน เรื่องเด่น Chuenkamon Phasuk | 21 March 2567 มาแล้ว! ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ใครยังไม่มีฤกษ์รับรถ รีบเข้ามา! ซินแสดูให้จริง อยากรู้เกิดวันนี้ควรออกรถวันเวลาไหนก็ย่อมได้ฤกษ์รับรถเดือนเมษายน ... เเสดงความคิดเห็น
Ferrari 812 GTS สปอร์ตคาร์เปิดประทุนที่ทรงพลังที่สุด เครื่องยนต์ 800 แรงม้า ข่าววงการรถยนต์ Wongsupat | 20 September 2562 18:00 เป็นเวลา 50 ปี นับจากที่เฟอร์รารี่ เปิดตัวสปอร์ตคาร์เครื่องยนต์ V12 วางด้านหน้าเป็นครั้งแรก วันนี้ 812 GTS หวนคืนบัลลังก์เพื่อประกาศก้องถึงความยิ่งใหญ่ของหนึ่งในยนตรกรรมที่มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของเฟอร์รารี่ ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มก่อตั้งแบรนด์จนถึงปัจจุบัน ให้โลกได้รับรู้อีกครั้ง ตำนานแห่งยนตรกรรมเปิดประทุนเครื่องยนต์ V12 ของ Ferrari นั้น เต็มไปด้วยรถยนต์ที่โดดเด่นหลากหลายรุ่น เริ่มต้นในปี 1948 จากรุ่น 166 MM สายพันธุ์แท้แห่งรถแข่ง GT ผู้คว้าชัยในการแข่งขันเอนดูรานซ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก ในปี 1949 ทั้งสองรายการ นั่นคือ Mille Miglia และ 24 Hours of Le Mans365 GTS4 คือคันสุดท้ายของสายเลือดที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน ในปี 1969 รถรุ่นนี้เป็นที่รู้จักในนาม “Daytona Spider” สืบเนื่องจากการคว้าชัยของ Ferrari ในการแข่งขัน 24 Hours of Daytona เมื่อสองประสานจากม้าลำพอง 330 P4s และ 412 P รับธงหมากรุกเคียงข้างกัน ครองอันดับ Top 3 ได้สำเร็จหลังจากรุ่น 365 GTS4 ตัวถังสำหรับรองรับเครื่องยนต์ V12 วางหน้า ของ Ferrari ไม่เคยถูกนำมาใช้กับรถเปิดประทุนรุ่นโปรดักชั่น (ออกจำหน่ายแบบไม่จำกัดจำนวน) อีกเลย นั่นหมายถึง มีเพียงรถซึ่งผลิตขึ้นพิเศษในจำนวนจำกัดอีกเพียง 4 รุ่น เท่านั้น ที่เปิดตัวไปหลังจากนั้น นั่นคือ 550 Barchetta Pininfarina ในปี 2000, Superamerica ปี 2005, SA Aperta ปี 2010 และคันล่าสุดคือ F60 America ในปี 2014 ที่สร้างขึ้นเพียง 10 คัน เพื่อฉลองวาระครบรอบ 60 ปี ในการจำหน่ายรถเฟอร์รารี่ในสหรัฐอเมริกาเช่นเดียวกับสายพันธุ์ม้าลำพองในตำนาน 812 GTS สร้างมาตรฐานใหม่ในด้านของสมรรถนะและความพิเศษเหนือระดับ ดุดันด้วยขุมพลัง 800 แรงม้า V12 อันเกรียงไกรของ Ferrari ไม่เพียงแค่การเป็นสปอร์ตคาร์เปิดประทุนที่ทรงพลังที่สุดในคลาสเท่านั้น แต่ยังเป็นรถที่ใช้งานได้เอนกประสงค์ จากความยอดเยี่ยมของหลังคาแข็งแบบพับเก็บได้ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ส่งให้มีพื้นที่ความจุในห้องเก็บสัมภาระท้ายรถมากยิ่งขึ้นหลังคาแข็งแบบพับเก็บได้ (RHT – Retractable Hard Top) ใช้เวลาเพียง 14 วินาทีในการเก็บเข้าที่ และทำงานได้ขณะรถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 45 กม./ชม. ทั้งยังไม่กินพื้นที่ภายในห้องโดยสารอีกด้วย กระจกหลังควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้า จะทำหน้าที่เป็นแผ่นบังลม ช่วยคงความสุนทรีย์ในการขับขี่แม้จะเปิดหลังคาอยู่ก็ตาม หรือในกรณีที่ปิดหลังคา ก็ยังคงเปิดโอกาสให้ได้ดื่มด่ำเสียงคำรามของเครื่องยนต์ V12 อย่างชัดเจนเช่นกัน เครื่องยนต์ (ENGINE)812 GTS คือเวอร์ชั่นเปิดประทุนของรุ่น 812 Superfast ซึ่งมีทั้งคุณสมบัติและเพอร์ฟอร์มานซ์ในระดับเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของเครื่องยนต์ขนาด 800 แรงม้า ที่ 8,500 รอบ/นาที ซึ่งนับว่าทรงพลังที่สุดเมื่อเทียบกับรถในคลาสเดียวกัน แรงบิดที่มากถึง 718 นิวตันเมตร ช่วยยืนยันได้ว่ารถจะมีอัตราเร่งอันน่าทึ่งเช่นเดียวกับ 812 Superfast ทั้งยังรับประกันความสนุกในการขับขี่ด้วยรอบเครื่องยนต์ที่ทำได้สูงสุดถึง 8,900 รอบ/นาทีเช่นเดียวกับใน 812 Superfast ขีดขั้นแห่งสมรรถนะอันยอดเยี่ยมเกิดขึ้นจากการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเครื่องยนต์และการนำนวัตกรรมต่างๆ มาใช้ ตัวอย่างเช่น ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection ที่มีแรงดันสูงถึง 350 บาร์ และระบบควบคุมขนาดของท่อร่วมไอดีแบบแปรผัน ซึ่งพัฒนามาจากเครื่องยนต์แบบไม่มีระบบอัดอากาศของรถแข่ง F1 ระบบเหล่านี้ช่วยให้สามารถเพิ่มความจุกระบอกสูบจาก 6.2 เป็น 6.5 ลิตร เพื่อให้มีพละกำลังมากขึ้น แม้ในขณะใช้รอบเครื่องยนต์ต่ำๆ ก็ตามนอกจากนั้น ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยแรงดันสูง ยังทำให้เชื้อเพลิงที่ฉีดพ่นออกมา เป็นฝอยละอองขนาดเล็ก มากขึ้น จึงลดมลพิษได้เป็นอย่างดีในระหว่างที่ตัวกรองไอเสียยังไม่ถึงอุณหภูมิทำงาน ขณะที่ตัวกรองอนุภาคน้ำมันเบนซิน (GPF - Gasoline Particulate Filter) รวมถึงระบบ Stop&Start On the Move ซึ่งจะหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ขณะรถจอด และติดเครื่องโดยอัตโนมัติอีกครั้งเมื่อรถต้องเคลื่อนที่ ก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยให้รถคายมลพิษต่ำตามมาตรฐานข้อกำหนดมีการปรับปรุงการทำงานของโหมดต่างๆ ในระบบ Manettino อย่างพิถีถันเป็นพิเศษ เพื่อเพิ่มศักยภาพของเครื่องยนต์ และรับมือกับพละกำลังมหาศาลที่ถูกปลดปล่อยออกมา นั่นหมายความว่า ผู้ขับขี่สามารถควบคุมแรงบิดมหาศาลผ่านคันเร่งได้อย่างง่ายดายและมั่นใจ ด้วยพลังที่ส่งผ่านออกมาอย่างราบรื่นในทุกรอบเครื่องเส้นโค้งของกราฟแรงบิด เผยให้เห็นว่าแรงบิดไม่ได้สูญหายไปกับการเพิ่มพลังเครื่องยนต์ โดย 80 เปอร์เซ็นต์ของแรงบิด มีให้ใช้งานที่รอบต่ำเพียง 3,500 รอบ/นาที ช่วยให้รถมีสมรรถนะที่ดีแม้อยูในความเร็วต่ำขณะที่เส้นกราฟของแรงม้านั้น จะยกสูงขึ้นเต็มพิกัดไปจนถึง 8,500 รอบ/นาที และเกิดขึ้นอย่างฉับพลันทันใจตามความเร็วรอบเครื่องยนต์ ผลจากการมีแรงเสียดทานต่ำส่งให้ผู้ขับสามารถสัมผัสได้ถึงอัตราเร่งอย่างไร้ขีดจำกัด การเพิ่มพลังเครื่องยนต์โดยรวม ตลอดจนการปรับพละกำลังให้อยู่ในช่วง 6,500-8,900 รอบ/นาที ช่วยเรียกแรงม้าส่วนใหญ่ออกมาใช้งานได้อย่างต่อเนื่องเมื่อขับขี่ในสนาม หากคงรอบเครื่องยนต์ไว้ในระดับค่อนข้างสูงตลอดเวลาเกียร์แบบคลัตช์คู่ช่วยเพิ่มความสปอร์ตให้กับการขับขี่ เมื่อปรับสวิตช์ Manettino เข้าสู่โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต ระยะเวลาในการเปลี่ยนเกียร์ ขึ้น-ลง จะถูกปรับให้รวดเร็วขึ้น เพื่อให้การส่งกำลังเป็นไปอย่างฉับไว มอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจยิ่งขึ้นแก่ผู้ขับขี่ นอกจากนั้น ยังมีการปรับอัตราทดเกียร์ให้ชิดกว่าเดิมจนผู้ขับสามารถสัมผัสถึงการตอบสนองคันเร่งอันว่องไวได้อย่างชัดเจนรูปแบบของระบบระบายไอเสียได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มและปรับสมดุลของเสียงเครื่องยนต์และเสียงที่ดังออกมาจากปลายท่อ โดยเป้าหมายก็คือ การสร้างสรรค์เสียงคำรามที่ดุดันสไตล์สปอร์ตแม้ในขณะขับขี่โดยปิดหลังคาก็ตามมีการปรับแต่งท่อไอเสียช่วงกลางเพื่อให้ได้มาซึ่งเสียงที่ไพเราะยิ่งขึ้น ทุกท่อของท่อร่วมไอเสียแบบ 6-1 (6 ท่อ รวมเข้ามาเป็น 1 ท่อ)ก่อนต่อมายังตัวกรองไอเสีย มีความยาวเท่ากันทุกท่อ ช่วยให้เสียงที่ได้มีความโดดเด่นกว่าเดิม ผลลัพธ์คือเสียงคำรามหนักแน่นของขุมพลัง V12 ที่สามารถดื่มด่ำได้จากภายในห้องโดยสาร และจะยิ่งชัดเจนมากขึ้นไปอีกเมื่อขับขี่โดยเปิดหลังคา การออกแบบ (DESIGN)ออกแบบโดย Ferrari Styling Centre ด้วยการใช้พื้นฐานจาก 812 Superfast… 812 GTS สะท้อนการออกแบบและสัดส่วนอันงดงามแห่งยนตรกรรมเครื่องยนต์ V12 วางด้านหน้า ของเฟอร์รารี่ ออกมาได้โดยไม่ต้องแก้ไขมิติตัวถังหรือส่งผลกระทบใดๆ ต่อพื้นที่และความสะดวกสบายในห้องโดยสาร ถ่ายทอดความสมบูรณ์แบบที่ผสมผสานได้อย่างลงตัวระหว่างความโฉบเฉี่ยวและความหรูหราสูงค่า ตัวถังด้านข้างของ 812 GTS แฝงความเท่ในแบบฉบับของรถท้ายลาด (Fastback) ดีไซน์แบบ 2-box และส่วนท้ายรถที่ยกสูง ชวนให้รำลึกถึงความยิ่งใหญ่ของ 365 GTB4 (Daytona) ปี 1968 ได้เป็นอย่างดีเมื่อมองจากด้านข้าง ส่วนท้ายของรถดีไซน์ให้พับเว้าเพื่อให้ท้ายรถดูสั้นลง เพิ่มเส้นสายคมคายในส่วนลาดเอียงของตัวถัง พร้อมด้วยซุ้มล้อขนาดใหญ่สะท้อนให้เห็นความกำยำและดุดัน สง่างามตามแบบฉบับของสปอร์ตคาร์ขุมพลัง V12ด้วยความที่เป็นเวอร์ชั่นเปิดประทุนของรุ่น 812 Superfast ส่วนท้ายของรถ ไม่ว่าจะเป็นหลังคา, ฝาท้าย ไปจนถึงห้องเก็บสัมภาระ จึงได้รับการออกแบบใหม่ โดยมีเป้าหมายให้เกิดเป็นยนตรกรรมที่หลอมรวมความงดงามและดุลยภาพเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน เสาหลังคาซึ่งภายในติดตั้งกลไกของชุดพับหลังคาเอาไว้ ได้รับการออกแบบให้แสดงถึงการขับเคลื่อนที่พุ่งไปด้านหน้า ทั้งยังส่งให้กระจกข้างของรุ่นเปิดประทุน ดูแตกต่างออกไปจากรุ่นหลังคาแข็งได้อย่างชัดเจน และเมื่อเปิดหลังคา ชิ้นส่วนของหลังคาก็จะถูกพับเก็บไว้ใต้ฝาครอบดังกล่าวด้วยความแตกต่างของตัวถัง จึงไม่มีช่องระบายอากาศบริเวณด้านบนหลังซุ้มล้อหลัง (ใกล้กับไฟท้าย) อันเป็นเอกลักษณ์ของ 812 Superfast แต่ก็ถูกทดแทนด้วยดิฟฟิวเซอร์ใต้กันชนหลังที่มีแผ่นบังคับลมเพิ่มขึ้นนอกจากนั้น 812 GTS ใหม่ ยังมาพร้อมกับล้อฟอร์จน้ำหนักเบาที่ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษสำหรับรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ โดยมีให้เลือก 3 สี คือ Diamond-Finish, Liquid Silver และ Grigio Scuroอากาศพลศาสตร์ (AERODYNAMICS)812 GTS สร้างความท้าทายให้กับเหล่าดีไซเนอร์ของเฟอร์รารี่ถึง 2 ประการด้วยกัน คือ จะมั่นใจได้อย่างไรว่ารถจะมีเพอร์ฟอร์มานซ์เฉกเช่นเวอร์ชั่นคูเป้ในขณะขับขี่โดยปิดหลังคา และยังคงมอบสุนทรียภาพให้แก่ทุกคนในห้องโดยสารได้เช่นเดิม เมื่อเปิดหลังคาในด้านของประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ ด้วยหลังคาและอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องต่างๆ ของกลไกในการพับเก็บ จึงจำเป็นต้องแก้ไขส่วนท้ายของรถให้เหมาะสม ด้วยการเปลี่ยนรูปทรงของฝาครอบใหม่ และที่สำคัญที่สุดก็คือ ปีกทั้ง 3 ชิ้นที่อยู่บนดิฟฟิวเซอร์กลางกันชนหลัง ซึ่งช่วยสร้างแรงดูด (ให้เกิดเป็นดาวน์ฟอร์ซ) จากใต้ท้องรถ ช่วยทดแทนดาวน์ฟอร์ซที่สูญเสียไปจากการไม่มีช่องระบายอากาศของซุ้มล้อหลังเหมือนกับใน 812 Superfastในอีกด้านหนึ่ง แรงต้านถูกลดทอนลงจากการใช้ช่องระบายอากาศซึ่งอยู่ที่ส่วนท้ายของด้านข้างตัวถัง (เหนือซุ้มล้อหลัง) เพื่อระบายแรงดันที่เกิดขึ้นจากล้อหลังออกไปความพิถีพิถันในทุกรายละเอียดทำให้มั่นใจได้ถึงมาตรฐานความสะดวกสบายแม้ขณะขับขี่โดยเปิดหลังคา มีการใส่ใจอย่างยิ่งทั้งในเรื่องของการลดลมหมุนวนภายในห้องโดยสารและเสียงของอากาศ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้โดยสารสามารถสนทนาระหว่างกันได้โดยไม่ถูกรบกวนแม้ในความเร็วสูงเช่นเดียวกับใน LaFerrari Aperta แผ่นขนาดเล็กทรงตัว L ซึ่งติดตั้งอยู่มุมด้านบนของกระจกหน้าทั้งสองฝั่ง ทำให้เกิดลมหมุน (Vortex) อย่างต่อเนื่องไปจนถึงบริเวณเหนือกระจกหลัง ช่วยลดแรงดันอากาศด้านหลังเบาะนั่งได้เป็นอย่างดี พื้นที่ตรงส่วนนี้ นักอากาศพลศาสตร์สร้างสรรค์ทางผ่านของอากาศขึ้นบริเวณส่วนหน้าของเสาหลังคาทั้งสองฝั่ง และเสริมด้วยครีบปรับทิศทางอากาศ ซึ่งจะแบ่งแยกการไหลของอากาศ ให้ออกไปยังฝากระโปรงท้าย ช่วยเสริมให้การระบายแรงดันออกจากห้องโดยสารทำได้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยไล่อากาศไม่ให้หยุดนิ่ง ซึ่งเป็นผลดีอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพทางแอโรไดนามิกส์และการไหลของอากาศที่ราบรื่นพลศาสตร์ยานยนต์ (VEHICLE DYNAMICS)จุดประสงค์ในการพัฒนา 812 GTS คือการคงไว้ซึ่งความรู้สึกอันตราตรึงใจของความเร็ว และสัมผัสถึงพลังที่ปลดปล่อยออกมาได้เช่นเดียวกับใน 812 Superfast ทั้งเรื่องของอัตราเร่ง, การตอบสนองที่ฉับไว ตลอดจนความคล่องตัวในการขับขี่ 812 GTS มีอุปกรณ์และระบบควบคุมเจเนอเรชั่นใหม่เช่นเดียวกับ 812 Superfast และนั่นรวมถึงแฮนด์ลิ่งที่ยอดเยี่ยมด้วย ระบบบังคับเลี้ยวแบบสปอร์ตควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS – Electric Power Steering) ซึ่งมีอยู่ในรถทุกรุ่นของ Ferrari ถูกนำมาใช้เพื่อดึงเอาศักยภาพของรถในด้านเพอร์ฟอร์มานซ์ออกมาได้อย่างเต็มที่ โดยทำงานร่วมกับระบบควบคุมไดนามิกส์ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ รวมถึงระบบ SCC เวอร์ชั่น 5.0 สิทธิบัตรของเฟอร์รารี่ ด้วย นอกจากนั้นยังมีระบบ Virtual Short Wheelbase 2.0 (PCV) ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นโดยใช้พื้นฐานมาจากประสบการณ์ที่สั่งสมมานาน นับตั้งแต่ที่นำมาใช้ครั้งแรกกับ F12tdfนอกจากนั้น ยังมีระบบช่วยเหลือประสิทธิภาพสูงอีกมากมายสำหรับผู้ขับขี่ ประกอบด้วย;- Ferrari Peak Performance (FPP): ในขณะกำลังเข้าโค้ง แรงหน่วงจากพวงมาลัยจะช่วยให้ผู้ขับขี่ทราบว่ารถกำลังเข้าใกล้ขีดจำกัดของการยึดเกาะถนน ช่วยให้ระบบควบคุมเสถียรภาพต่างๆ เริ่มทำงาน- Ferrari Power Oversteer (FPO) - ในกรณีที่เกิดอาการท้ายปัด (Oversteer) ซึ่งมักจะเกิดขึ้นเมื่อเร่งออกจากโค้ง พวงมาลัยจะหน่วงกลับไปยังทิศทางที่ถูกต้องสอดคล้องกับทิศทางของรถ- การปรับแต่งการหน่วงนำของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในช็อคอับใหม่ ช่วยให้รถมีประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนเช่นเดียวกับเวอร์ชั่นหลังคาแข็ง แม้ตัวถังจะได้รับการเสริมความแข็งแกร่งจนมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีก 75 กิโลกรัมก็ตาม ด้วยเหตุนี้ สมรรถนะโดยรวมของรถจึงใกล้เคียงกับรุ่นหลังคาแข็ง ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ต่ำกว่า 3 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 8.3 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดของ Ferrari 812 GTS ก็เทียบเท่ากับรุ่นหลังคาแข็งที่ 340 กม./ชม. บริการดูแลรักษา 7 ปี (7 YEARS MAINTENANCE)มาตรฐานคุณภาพที่เหนือชั้นของเฟอร์รารี่ และการมุ่งเน้นที่การให้บริการลูกค้าเป็นหัวใจหลัก เฟอร์รารี่จึงมีโปรแกรมการบำรุงรักษาที่เพิ่มขึ้นเป็น 7 ปี ให้กับผู้เป็นเจ้าของ Ferrari 812 GTS โปรแกรมนี้ครอบคลุมการบำรุงรักษาตามปกติทั้งหมดในช่วง 7 ปีแรกของรถเฟอร์รารี่ทุกรุ่น การบำรุงรักษาตามกำหนดเวลานี้เป็นบริการพิเศษที่ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่ารถจะมีประสิทธิภาพสูงสุดและมีความปลอดภัยอยู่เสมอ บริการพิเศษนี้มีให้สำหรับผู้ที่ซื้อเฟอร์รารี่มือสองด้วยเช่นกันการบำรุงรักษาปกติ (ตามระยะทาง 20,000 กม. หรือปีละครั้ง) อะไหล่แท้และการตรวจสอบอย่างพิถีพิถันโดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรมโดยตรงที่ศูนย์ฝึกอบรมเฟอร์รารี่ในเมืองมาราเนลโล โดยใช้เครื่องมือวินิจฉัยที่ทันสมัยที่สุด ซึ่งบริการนี้มีให้สำหรับตัวแทนจำหน่ายเฟอร์รารี่อย่างเป็นทางการทั่วโลกนอกจากนี้ เฟอร์รารี่ยังมีโปรแกรม Genuine Maintenance ซึ่งจะขยายขอบเขตของบริการหลังการขายที่เสนอโดย เฟอร์รารี่ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่ต้องการรักษาประสิทธิภาพและความเป็นเลิศ อันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ทุกคันที่สร้างขึ้นจากโรงงานในมาราเนลโล ด้วยเทคโนโลยีอันก้าวล้ำ FERRARI 812 GTSข้อมูลจำเพาะทางเทคนิคเครื่องยนต์ประเภท V12 - 65°ปริมาตรความจุ 6496 ccกระบอกสูบxช่วงชัก 94x78 mmแรงม้าสูงสุด* 588 kW (800 cv) at 8500 rpmแรงบิดสูงสุด* 718 Nm at 7000 rpmอัตราส่วนแรงม้าต่อลิตร 123 cv/lรอบเครื่องยนต์สูงสุด 8900 rpmอัตราส่วนกำลังอัด 13.6:1มิติและน้ำหนักความยาว 4693 mmความกว้าง 1971 mmความสูง 1276 mmความยาวฐานล้อ 2720 mmความกว้างฐานล้อหน้า 1672 mmความกว้างฐานล้อหลัง 1645 mmน้ำหนักรถเปล่า** 1600 kgอัตราส่วนการกระจายน้ำหนัก 47% ant - 53% postความจุห้องเก็บสัมภาระ 210 lความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 92 lขนาดยางและล้อหน้า 275/35 ZR 20” 10” Jหลัง 315/35 ZR 20” 11.5” Jระบบเบรกหน้า 398x223x38 mmหลัง 360x233x32 mmระบบส่งกำลัง 7-speed dual-clutch gearboxระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ EPS, PCV 2.0, E-Diff3, F1-Trac, ABS/EBDprestazionale con Ferrari Pre-Fill, FrS SCM-E,SSC 5.0สมรรถนะ0-100 km/h <3.0 sec0-200 km/h 8.3 secMax. speed over 340 km/h เช็คราคารถใหม่ และโปรโมชั่น ได้ที่นี่ ที่นี่ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่มาร่วมแชร์ความเห็นของคุณบนเวบบอร์ด Autospinn คลิกที่นี่ ✕ ใช้การติดต่อผ่านไลน์ เราปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณตาม PDPA ฉันยอมรับ ข้อกำหนดการใช้งาน และ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของ One2car.com ฉันยินยอมให้ One2car.com และผู้ขายรายการประกาศติดต่อทางไลน์ ตรวจสอบข้อเสนอรถที่ดีที่สุด! Prev Next ข้อเสนอพิเศษ - โทรในขณะนี้! วัน ชม ราคาเฉลี่ย ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด I ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด แท็กที่เกี่ยวข้อง 800 แรงม้า Ferrari Ferrari 812 GTS super car เปิดประทุน เฟอรารี่
ข้อเสนอพิเศษ - โทรในขณะนี้! วัน ชม ราคาเฉลี่ย ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด I ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด
แนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า ‘ยังไงก็รอด’ ปี 2567 ต้นทุนแบตถูกลง 50% เรื่องเด่น Chuenkamon Phasuk | 27 March 2567 เจาะแนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า EV จะกลายเป็นรถยนต์แห่งอนาคตจริงหรือไม่ ? ปฏิวัติการขนส่งได้อย่างไร เคลียร์ความสงสัยได้ในบทความนี้ผ่าแนวโน้มอนาคตยานยนต์ไฟฟ้า ...
เผยสาเหตุ! ทำไมรถมือสองราคาร่วงแรงกว่าที่ผ่านมา เรื่องเด่น Suttinun Poomkung | 21 March 2567 อะไรทำให้รถมือสองราคาตกขนาดนี้ มีแค่กระแสรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียวหรือไม่ ...
ในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า รถสันดาปมือสองจะตายจากเราไปหรือไม่? เรื่องเด่น Pakkawat Unchalee | 21 March 2567 เมื่อรถยนต์ไฟฟ้ากำลังกลายเป็นกระแสหลักในประเทศไทย ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายพร้อมออปชั่นล้นๆ ก็ทำให้เกิดคำถามว่า ...
ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ตามวันเกิด พร้อมเวลาล้อหมุน เรื่องเด่น Chuenkamon Phasuk | 21 March 2567 มาแล้ว! ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ใครยังไม่มีฤกษ์รับรถ รีบเข้ามา! ซินแสดูให้จริง อยากรู้เกิดวันนี้ควรออกรถวันเวลาไหนก็ย่อมได้ฤกษ์รับรถเดือนเมษายน ...