หน้าแรก บทความ ลองขับ รีวิวขับทดสอบ โตโยต้า วิออส รุ่น E เกียร์ธรรมดา ขับสนุกกว่าออโต้ แต่สมรรถนะด้านอื่นยังดีเหมือนเดิม รีวิวขับทดสอบ โตโยต้า วิออส รุ่น E เกียร์ธรรมดา ขับสนุกกว่าออโต้ แต่สมรรถนะด้านอื่นยังดีเหมือนเดิม ลองขับ Satapana K | 30 May 2566 06:37 หลังจากที่ก่อนหน้าทางเราได้ รับเชิญให้ไปทดสอบ 2013 All New Toyota Vios Have it All กันมาเป็นที่เรียบร้อย เป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัติ รุ่นย่อย S และ G ซึ่งเราได้สรุปกันไปแล้วถึงส่วนที่มีการปรับปรุงพัฒนาขึ้น และจุดที่แตกต่างจาก Toyota Vios โมเดลเก่า แต่ด้วยความข้องใจ เราจึงได้ยืมรถทดสอบ Vios ใหม่มาอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ขอทดสอบเป็นรุ่นเกียร์ธรรมดา ดูบ้าง เพื่อจะได้ทดสอบสมรรถนะ อย่างแท้จริงว่า มันอืดจริงหรือไม่ และสมรรถนะการขับขี่เป็นเช่นไร ขออนุญาติไม่เกริ่นกันมาก ไปอ่านกันเลยสำหรับในการขับทดสอบ Toyota Vios ใหม่ในครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Toyota Motors ประเทศไทย สำหรับรถทดสอบคันนี้ รุ่น E/MT ระบบขับเคลื่อนเกียร์ธรรมดา สีแดง Red Mica Metallic สุดโดดเด่นคันนี้ สนนราคาที่ 614,000 บาทรูปลักษณ์ภายนอก ในรุ่น E นี้ ไฟหน้า จะเป็นมัลติรีเฟล็กเตอร์ ไม่ใช่ โคมโปรเจ็คเตอร์ กระจังหน้า, คิ้วฝากระโปรงท้าย, มือจับประตู จะเป็นสีเดียวกับตัวรถ ด้านกระจกมองข้างที่ไม่มีไฟเลี้ยวในตัว จึงมีไฟเลี้ยวมาแปะอยู่ที่แก้มข้าง เพื่อให้ครบ 6 จุด ตามกฏหมาย และในรุ่น E จะไม่มีในส่นไฟตัดหมอก ด้านดีไซน์ที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ ตามที่ได้กล่าวไปแล้วคือ หลังคา Catamaran และ ครีบเรียงอากาศที่กระจกมองข้าง และไฟท้าย ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยในเรื่อง Aerodynamics ซึ่งส่งผลต่อการเกาะถนนที่ดียิ่งขึ้นเมื่อความเร็วสูงจะมีแรงกดอากาศคอยช่วยกดตัวรถไว้ด้านมิติตัวรถ Vios ใหม่ ยาวตัวถัง 4,410 มม. กว้าง 1,700 มม. สูง 1,475 มม.ระยะฐานล้อ 2,550 มม. น้ำหนักตัว 1,035 กก. เทียบกับโมเดลก่อน ยาวขึ้นกว่าเดิม 110 มม. และสูงกว่าเดิม 15 มม. ส่วนความกว้างเท่าเดิม ห้องสัมภาระกว้างใหญ่สะใจ 476 ลิตร พร้อมด้วยล้ออะไหล่ ที่ซ่อนอยู่ด้านล่าง เป็นล้อกระทะ แต่บริเวณห้องสัมภาระท้าย ที่ผมไม่ชอบ คือ แผงที่ปิดกั้น กับเบาะโดยสารตอนหลัง ใช้วัสดุฟิวเจอร์บอร์ด ซึ่งดูแล้ว ไม่ค่อยจะเรียบร้อยสักเท่าใดนักห้องโดยสารภายใน ของุร่น E ออปชั่นถูกตัดทอนไปจาก รุ่น G พอสมควร ได้แก่ เครื่องปรับอากาศจะเป็น Manual ไม่ใช่ Auto ไม่มี Acoustic Glass ซึ่งจุดนี้ที่ความเร็วสูงเสียงก็จะมีลมปะทะ มากขึ้น พวงมาลัยเป็นยูรีเทนไม่มีสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียง กระจกแต่งหน้าตรงแผงบังแดด เหลือเพียงฝั่งคนขับ กระจกมองข้างเป็นแบบพับมือ สำหรับคันสีแดงรุ่น E นี้ ภายในเป็นโทนสีดำ ตกแต่งด้วย Trim สีเมทัลลิก ในส่วนมาตรวัด จะไม่มีจอ MID ที่แสดงผลข้อมูลการขับขี่ สำหรับไฟ Eco จะแสดงผลเฉพาะในรุ่นเกียร์ AT เท่านั้นสำหรับการนั่งใช้งานจริงในห้องโดยสาร พบว่าเบาะนั้นมีขนาดค่อนข้างเล็กไปนิด ถ้าคนตัวใหญ่มานั่งอาจจะ อึดอัดลำบากอยู่หน่อย สิ่งหนึ่งที่ไม่ชอบมาก คือ บริเวณคอนโซลกลางที่มีที่เท้าแขน และเป็นช่องเก็บ CD ด้านล่าง มีขนาดเล็ก และสั้นมาก จนไม่สามารถ เท้าข้อศอกได้จริง จนรู้สึกว่า ไม่มีน่าจะดีเสียกว่า และอีกจุดกับพวงมาลัย ที่ไม่สามารถ ปรับระดับ ยืด-หด ได้ รู้สึกว่า พวงมาลัยจะอยู่ติดแผงแดชบอร์ด เกินไป ซึ่งถ้าสามารถปรับยืด ออกมาอีกเล็กน้อยได้ น่าจะจับได้กระชับยิ่งขึ้นเครื่องยนต์ 1NZ-FE 4 สูบ DOHC พร้อมวาล์วแปรผัน VVT-I ความจุ 1,497cc ให้พลัง 109 แรงม้า ที่ 6,000 rpm แรงบิด 141Nm ที่ 4,200pm ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro 4 จากเดิม Euro 3 รองรับ E20 ได้มีการเสริมยางแท่นเครื่องเพื่อช่วยลดแรงสั่นสะเทือนลงจากเดิม การตอบสนองของคันเร่งดีขึ้นกว่า ที่ขับในรุ่น เกียร์ AT มาตามเท้ากด หากเหยียบคันเร่งลงไป และยกคลัชออกอย่างรวดเร็ว รถสามารถออกตัวเอี๊ยด ได้ตั้งแต่ เกียร์แรก ลากรอบไปจนถึงราว 6,500rpm สับขึ้นเกียร์ 2 ก่อนชน Redline ยังมีฟรีทิ้งเล็กๆ ในเกียร์ 2 การตอบสนองในด้านอัตราเร่ง ถือว่าทำได้ดี ไม่ขี้เหล่นัก สู้สมรรถนะกำลังเครื่อง C-Segment ได้อย่างแน่นอน ถ้าสับเกียร์ MT เป็น ถูกรอบเครื่องยนต์ ก่อนหน้านี้เราได้เคยเปิดเผยตัวเลข โดยการวิ่งเทสบน Dyno ในรุ่นเกียร์ AT ว่ามีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 11.4 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ 179km/h ซึ่งทางเราได้มาลองทดสอบจริง โดยวัดจาก OBD Bluetooth ในคันนี้รุ่นเกียร์ 5MT 0-100 กม./ชม. ทำได้ 11.3 วินาที และ Top Speed ที่โชว์จาก OBD Bluetooth ขึ้นที่ 182 กม./ชม. ขณะที่เรือนไมล์ เข็มค้างที่ 190 กม./ชม. ซึ่งถ้าไม่ติดรถคันหน้า อาจไหลต่อได้อีกนิด คาดว่า น่าไปได้ถึง 195 กม./ชม. 1/4 ไมล์ ทำได้ 18.2 วินาที ที่ความเร็ว 128 กม./ชม.หมายเหตุ ผู้ขับออกตัว Launch Control ที่ 3,000rpm และสับเกียร์ ที่ 6,500 rpm ก่อนเข้า Redline ทุกเกียร์ ระบบส่งกำลัง เกียร์ธรรมดา 5 Speed ซึ่งเป็นแบบเดียวกันลูกเดียวกัน และมีอัตราทดที่เหมือนกันเป๊ะ กับ Vios โฉมก่อนเกียร์ 1 3.545 เกียร์ 2 1.904 เกียร์ 3 1.310 เกียร์ 4 0.969 เกียร์ 5 0.815 เกียร์ R 3.250 โดยมีอัตราทดเฟืองท้าย 4.058 ลองดูความสัมพันธ์ความเร็วต่อรอบเครื่องยนต์ 3 ค่า ได้ดังนี้80 กม./ชม. = 2,200 rpm100 กม./ชม. = 2,750 rpm120 กม./ชม. = 3,400 rpmทางด้าน Shift Feeling ของคันเกียร์ เจ้า Vios นี้ หัวเกียร์แบบ Polyurethane ทรงกลม จับกระชับมือพอตัว การโยกเข้าเกียร์ นั้นยังกลับดูแข็งไปสักนิดหน่อย แต่ไม่ถึงกับแข็งถึงขั้นเวลาขับกระบะ คือ จังหวะสับเกียร์ เร็วๆ บางครั้งอาจมีพลาดไม่ลงล๊อคได้ ยังดูเข้าได้ลำบากกว่า Swift ซึ่งอันนั้น หัวเกียร์จับค่อนข้างกระชับ และโยกคันเกียร์เข้าได้แม่นนำกว่า แต่เมื่อเทียบกับ Attrage ล่าสุด ที่ได้ขับมา ซึ่งเป็น Short Shift พบว่า ความถนัดของเจ้า Vios นี้ ดูเข้าเกียร์ได้ ถนัดมือกว่า แต่ ความรวดเร็วและแม่นกว่า จะด้อยกว่าหน่อยแฮนด์ลิ่งพวงมาลัย เพาเวอร์แบบผ่อนแรงไฟฟ้า ซึ่งมีขนาดวงเลี้ยวเพิ่มขึ้น จาก 4.9 ม. เป็น 5.1 ม. เนื่องจากความยาวตัวถังที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งไม่ส่งผลต่อความคล่องตัวของเจ้า Vios ใหม่สักเท่าใด ยังคงโยกเล่นซ้าย-ขวา ได้อย่างคล่องตัวเช่นเคย ฟีลลิ่งยังคงให้ความรู้สึกในแบบพวงมาลัยไฟฟ้า คือไม่ค่อยเป็นไปตามธรรมชาติสักเท่าใด คือที่ความเร็วต่ำ ในการสาวพวงมาลัยออกแนว หนืดนิดๆ ไม่ได้เบาว๋อง เหมือนรถ B-Segment จากค่าย H แต่เมื่อขับมาถึงความเร็วสูง พวงมาลัย Vios นี้ ถือว่ามีน้ำหนักที่หนักแน่น ค่อนข้างมั่นคง ตั้งแต่ที่ความเร็วต่ำและปานกลาง ไปจนความเร็วสูง แต่เมื่อความเร็วสัก 140 กม./ชม. ขึ้นไปแล้ว เริ่มจะมีส่าย เล็กๆ ให้สัมผัส และพวงมาลัยนี้ได้มีการเซ็ตอัตราทดพวงมาลัยให้มากกว่าเดิม (ตัวเก่าอัตราทด 14.2:1 หมุนครบวงเลี้ยว 3.02 รอบ แต่ตัวใหม่เพิ่มอัตราทดเป็น 16.5:1 หมุนครบวงเลี้ยว 3.28 รอบ) ทำให้การสาวเพื่อให้ได้วงเลี้ยวที่เท่าเดิม จะต้องสาวมากขึ้น และหนืดมือขึ้น เช่นกัน เบรก แบบดิสก์ 4 ล้อ สำหรับรุ่น S และ G แต่กับคันนี้ รุ่น E ด้านหลังถูกลดสเป็กเป็นดรัมเบรก แต่ถึงแม้จะเป็นดรัม ก็ยังทำได้ยอดเยี่ยมกระเทียมเจียว เช่นเคย การตอบสนอง รวดเร็ว หนึบแน่น ไม่แตกต่างจากดิสก์ ซึ่งมีผลมาจากการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมในส่วน Brake Booster Vaccuum Ejector Control โดยมีสายต่อออกจากหม้อลมเบรก เพิ่มขึ้นสองเส้น ซึ่งจะช่วยควบคุมการเปิดของวาล์วที่รอบเครื่องสูง เมื่อรอบเครื่องสูง จะดูดแรงอัดสูญญากาศออก ทำให้หม้อลมเบรก สามารถกดลงน้ำหนักได้ จึงทำงานได้อย่างดี แม้ช่วงรอบเครื่องที่สูง เพราะมันสั่งการโดย ECU ประสานการทำงานกับระบบวาล์วแปรผัน VVT-I นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้แป้นเบรกไม่มีอาการทื่อ สามารถชะลอความเร็ว หรือหยุดรถ สามารถทำได้แบบไม่ยากเย็น ไม่ต้องกลัวอาการ เบรกแล้วไหล ไม่อยู่ เหมือน Toyota รุ่นอื่นๆ ที่มีมาอย่างแน่นอน สำหรับความรู้สึกของดรัมเบรก รุ่น E คันนี้ ไม่ค่อยจะรู้สึกแตกต่างจาก G และ S ที่เป็นดิสก์ 4 ล้อนัก เมื่อเบรกลงน้ำหนักแบบธรรมดาทั่วๆไป การตอบสนองยังรวดเร็วไม่แพ้กัน แต่เมื่อ เบรกหนักๆ จะรู้สึกหนืดๆ กว่าสักเล็กน้อย และจะสัมผัสได้ชัดเจนกว่า ในช่วงที่ผมได้ขับ นั้นมีฝนตก การตอบสนองต่อเบรก จะดูลดลง แย่กว่าแบบดิสก์เล็กน้อย ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการรีดน้ำที่แย่กว่าดิสก์อยู่หน่อย แต่โดยรวมก็ไม่ถือว่ายังทำได้ดีกว่า รถดิสก์เบรก 4 ล้อ หลากหลายรุ่นด้วยซ้ำ ช่วงล่าง ถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น และสัมผัสได้อย่างชัดเจน ด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตัรท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็น ทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลง ตรงตามรุ่นเดิมเป๊ะ แต่การปรับเปลี่ยนในเรื่องของโครงสร้างตัวถังใหม่ ในเรื่องของการซับแรงกระแทก ทำได้ดีขึ้น ทั้งการเสริมบาร์ในห้องสัมภาระท้ายเป็นเหมือนค้ำตัวถังด้านหลัง และตัวซับแรง ใต้ท้องรถ จึงทำให้การขับขี่ออกดีขึ้น แน่นขึ้น เฟิร์มขึ้น และนุ่มนวลขึ้นเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้ว ยังออกแนวแข็งสักเล็กน้อย การทรงตัวเกาะถนนถือว่าทำได้ดีขึ้น รถเริ่มรู้สึกย้วยไปนิดที่ความเร็วสูง เมื่อพ้น 140 กม./ชม. ไปแล้ว ด้านการเกาะถนนในโค้งยังรู้สึกเช่นเดิมกับที่ได้กล่าวไป คือ ค่อนข้างมีอาการ Understeer (หน้าดื้อ) เยอะอยู่ ซึ่งถ้าเข้าเร็วๆ แรงๆ ต้องระวังให้ดี มีสิทธิไถลออก หลุดข้างทางได้สำหรับอีกจุดที่เปลี่ยนแปลงคือ ยาง Dunlop SP Sport 2030 185/60/15 ซึ่งแตกต่างจาก รุ่น G ที่เป็น Yokohama db ซึ่งจะรู้สึกได้ถึงการเกาะถนนที่ดี มี Grip ที่สูงกว่าในรุ่น G ไม่ค่อยพบอาการ Slide ไถลออกของล้อ มากนัก แม้จะลองกลับรถในช่วงที่ถนนลื่น สรุป 2013 All New Toyota Vios รุ่น E/MT คันนี้ ขับสนุกขึ้นกว่ารุ่นเกียร์อัตโนมัติเยอะ สามารถขับขี่เรียกสมรรถนะออกมาได้ดี ในด้านสมรรถนะอื่นๆ ก็ทำได้ดีไม่แพ้รุ่น G และ S และราคา 6 แสนกลางๆ สำหรับ City Car โฉมใหม่นี้ ก็ถือว่าพอรับได้ กับสิ่งที่ได้รับ ทั้งของที่ให้และ สมรรถนะ ก็ถือว่ารถบ้านแบบ Compact ที่ขับได้ค่อนข้างลงตัว กับการใช้งานทั่วๆไป ในเมือง ซึ่งสามารถขับเดินทางไกลได้แบบไม่น่าเกลียด แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ในรุ่น S ท๊อปไลน์ น่าจะมีการจับชนเกียร์ MT นี้สำหรับ ผู้ที่รักการขับขี่แบบสปอร์ต จริงๆ ไม่ใช่เพียงแต่รูปลักษณ์เท่านั้น ถ้าทาง Toyota ทำรุ่น S เกียร์ธรรมดา เชื่อว่า น่าจะตอบโจทย์ ผู้ที่รักการขับสนุกหลายๆ คน ✕ ใช้การติดต่อผ่านไลน์ เราปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณตาม PDPA ฉันยอมรับ ข้อกำหนดการใช้งาน และ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของ One2car.com ฉันยินยอมให้ One2car.com และผู้ขายรายการประกาศติดต่อทางไลน์ ตรวจสอบข้อเสนอรถที่ดีที่สุด! Prev Next ข้อเสนอพิเศษ - โทรในขณะนี้! วัน ชม ราคาเฉลี่ย ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด I ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด แท็กที่เกี่ยวข้อง Toyota Toyota Vios Toyota-cms vios โตโยต้า โตโยต้า วิออส พิมพ์ ข่าวฟีเจอร์ แนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า ‘ยังไงก็รอด’ ปี 2567 ต้นทุนแบตถูกลง 50% เรื่องเด่น Chuenkamon Phasuk | 2 วันที่ผ่านมา เจาะแนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า EV จะกลายเป็นรถยนต์แห่งอนาคตจริงหรือไม่ ? ปฏิวัติการขนส่งได้อย่างไร เคลียร์ความสงสัยได้ในบทความนี้ผ่าแนวโน้มอนาคตยานยนต์ไฟฟ้า ... เผยสาเหตุ! ทำไมรถมือสองราคาร่วงแรงกว่าที่ผ่านมา เรื่องเด่น Suttinun Poomkung | 21 March 2567 อะไรทำให้รถมือสองราคาตกขนาดนี้ มีแค่กระแสรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียวหรือไม่ ... ในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า รถสันดาปมือสองจะตายจากเราไปหรือไม่? เรื่องเด่น Pakkawat Unchalee | 21 March 2567 เมื่อรถยนต์ไฟฟ้ากำลังกลายเป็นกระแสหลักในประเทศไทย ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายพร้อมออปชั่นล้นๆ ก็ทำให้เกิดคำถามว่า ... ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ตามวันเกิด พร้อมเวลาล้อหมุน เรื่องเด่น Chuenkamon Phasuk | 21 March 2567 มาแล้ว! ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ใครยังไม่มีฤกษ์รับรถ รีบเข้ามา! ซินแสดูให้จริง อยากรู้เกิดวันนี้ควรออกรถวันเวลาไหนก็ย่อมได้ฤกษ์รับรถเดือนเมษายน ... เเสดงความคิดเห็น
รีวิวขับทดสอบ โตโยต้า วิออส รุ่น E เกียร์ธรรมดา ขับสนุกกว่าออโต้ แต่สมรรถนะด้านอื่นยังดีเหมือนเดิม ลองขับ Satapana K | 30 May 2566 06:37 หลังจากที่ก่อนหน้าทางเราได้ รับเชิญให้ไปทดสอบ 2013 All New Toyota Vios Have it All กันมาเป็นที่เรียบร้อย เป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัติ รุ่นย่อย S และ G ซึ่งเราได้สรุปกันไปแล้วถึงส่วนที่มีการปรับปรุงพัฒนาขึ้น และจุดที่แตกต่างจาก Toyota Vios โมเดลเก่า แต่ด้วยความข้องใจ เราจึงได้ยืมรถทดสอบ Vios ใหม่มาอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ขอทดสอบเป็นรุ่นเกียร์ธรรมดา ดูบ้าง เพื่อจะได้ทดสอบสมรรถนะ อย่างแท้จริงว่า มันอืดจริงหรือไม่ และสมรรถนะการขับขี่เป็นเช่นไร ขออนุญาติไม่เกริ่นกันมาก ไปอ่านกันเลยสำหรับในการขับทดสอบ Toyota Vios ใหม่ในครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Toyota Motors ประเทศไทย สำหรับรถทดสอบคันนี้ รุ่น E/MT ระบบขับเคลื่อนเกียร์ธรรมดา สีแดง Red Mica Metallic สุดโดดเด่นคันนี้ สนนราคาที่ 614,000 บาทรูปลักษณ์ภายนอก ในรุ่น E นี้ ไฟหน้า จะเป็นมัลติรีเฟล็กเตอร์ ไม่ใช่ โคมโปรเจ็คเตอร์ กระจังหน้า, คิ้วฝากระโปรงท้าย, มือจับประตู จะเป็นสีเดียวกับตัวรถ ด้านกระจกมองข้างที่ไม่มีไฟเลี้ยวในตัว จึงมีไฟเลี้ยวมาแปะอยู่ที่แก้มข้าง เพื่อให้ครบ 6 จุด ตามกฏหมาย และในรุ่น E จะไม่มีในส่นไฟตัดหมอก ด้านดีไซน์ที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ ตามที่ได้กล่าวไปแล้วคือ หลังคา Catamaran และ ครีบเรียงอากาศที่กระจกมองข้าง และไฟท้าย ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยในเรื่อง Aerodynamics ซึ่งส่งผลต่อการเกาะถนนที่ดียิ่งขึ้นเมื่อความเร็วสูงจะมีแรงกดอากาศคอยช่วยกดตัวรถไว้ด้านมิติตัวรถ Vios ใหม่ ยาวตัวถัง 4,410 มม. กว้าง 1,700 มม. สูง 1,475 มม.ระยะฐานล้อ 2,550 มม. น้ำหนักตัว 1,035 กก. เทียบกับโมเดลก่อน ยาวขึ้นกว่าเดิม 110 มม. และสูงกว่าเดิม 15 มม. ส่วนความกว้างเท่าเดิม ห้องสัมภาระกว้างใหญ่สะใจ 476 ลิตร พร้อมด้วยล้ออะไหล่ ที่ซ่อนอยู่ด้านล่าง เป็นล้อกระทะ แต่บริเวณห้องสัมภาระท้าย ที่ผมไม่ชอบ คือ แผงที่ปิดกั้น กับเบาะโดยสารตอนหลัง ใช้วัสดุฟิวเจอร์บอร์ด ซึ่งดูแล้ว ไม่ค่อยจะเรียบร้อยสักเท่าใดนักห้องโดยสารภายใน ของุร่น E ออปชั่นถูกตัดทอนไปจาก รุ่น G พอสมควร ได้แก่ เครื่องปรับอากาศจะเป็น Manual ไม่ใช่ Auto ไม่มี Acoustic Glass ซึ่งจุดนี้ที่ความเร็วสูงเสียงก็จะมีลมปะทะ มากขึ้น พวงมาลัยเป็นยูรีเทนไม่มีสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียง กระจกแต่งหน้าตรงแผงบังแดด เหลือเพียงฝั่งคนขับ กระจกมองข้างเป็นแบบพับมือ สำหรับคันสีแดงรุ่น E นี้ ภายในเป็นโทนสีดำ ตกแต่งด้วย Trim สีเมทัลลิก ในส่วนมาตรวัด จะไม่มีจอ MID ที่แสดงผลข้อมูลการขับขี่ สำหรับไฟ Eco จะแสดงผลเฉพาะในรุ่นเกียร์ AT เท่านั้นสำหรับการนั่งใช้งานจริงในห้องโดยสาร พบว่าเบาะนั้นมีขนาดค่อนข้างเล็กไปนิด ถ้าคนตัวใหญ่มานั่งอาจจะ อึดอัดลำบากอยู่หน่อย สิ่งหนึ่งที่ไม่ชอบมาก คือ บริเวณคอนโซลกลางที่มีที่เท้าแขน และเป็นช่องเก็บ CD ด้านล่าง มีขนาดเล็ก และสั้นมาก จนไม่สามารถ เท้าข้อศอกได้จริง จนรู้สึกว่า ไม่มีน่าจะดีเสียกว่า และอีกจุดกับพวงมาลัย ที่ไม่สามารถ ปรับระดับ ยืด-หด ได้ รู้สึกว่า พวงมาลัยจะอยู่ติดแผงแดชบอร์ด เกินไป ซึ่งถ้าสามารถปรับยืด ออกมาอีกเล็กน้อยได้ น่าจะจับได้กระชับยิ่งขึ้นเครื่องยนต์ 1NZ-FE 4 สูบ DOHC พร้อมวาล์วแปรผัน VVT-I ความจุ 1,497cc ให้พลัง 109 แรงม้า ที่ 6,000 rpm แรงบิด 141Nm ที่ 4,200pm ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro 4 จากเดิม Euro 3 รองรับ E20 ได้มีการเสริมยางแท่นเครื่องเพื่อช่วยลดแรงสั่นสะเทือนลงจากเดิม การตอบสนองของคันเร่งดีขึ้นกว่า ที่ขับในรุ่น เกียร์ AT มาตามเท้ากด หากเหยียบคันเร่งลงไป และยกคลัชออกอย่างรวดเร็ว รถสามารถออกตัวเอี๊ยด ได้ตั้งแต่ เกียร์แรก ลากรอบไปจนถึงราว 6,500rpm สับขึ้นเกียร์ 2 ก่อนชน Redline ยังมีฟรีทิ้งเล็กๆ ในเกียร์ 2 การตอบสนองในด้านอัตราเร่ง ถือว่าทำได้ดี ไม่ขี้เหล่นัก สู้สมรรถนะกำลังเครื่อง C-Segment ได้อย่างแน่นอน ถ้าสับเกียร์ MT เป็น ถูกรอบเครื่องยนต์ ก่อนหน้านี้เราได้เคยเปิดเผยตัวเลข โดยการวิ่งเทสบน Dyno ในรุ่นเกียร์ AT ว่ามีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 11.4 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ 179km/h ซึ่งทางเราได้มาลองทดสอบจริง โดยวัดจาก OBD Bluetooth ในคันนี้รุ่นเกียร์ 5MT 0-100 กม./ชม. ทำได้ 11.3 วินาที และ Top Speed ที่โชว์จาก OBD Bluetooth ขึ้นที่ 182 กม./ชม. ขณะที่เรือนไมล์ เข็มค้างที่ 190 กม./ชม. ซึ่งถ้าไม่ติดรถคันหน้า อาจไหลต่อได้อีกนิด คาดว่า น่าไปได้ถึง 195 กม./ชม. 1/4 ไมล์ ทำได้ 18.2 วินาที ที่ความเร็ว 128 กม./ชม.หมายเหตุ ผู้ขับออกตัว Launch Control ที่ 3,000rpm และสับเกียร์ ที่ 6,500 rpm ก่อนเข้า Redline ทุกเกียร์ ระบบส่งกำลัง เกียร์ธรรมดา 5 Speed ซึ่งเป็นแบบเดียวกันลูกเดียวกัน และมีอัตราทดที่เหมือนกันเป๊ะ กับ Vios โฉมก่อนเกียร์ 1 3.545 เกียร์ 2 1.904 เกียร์ 3 1.310 เกียร์ 4 0.969 เกียร์ 5 0.815 เกียร์ R 3.250 โดยมีอัตราทดเฟืองท้าย 4.058 ลองดูความสัมพันธ์ความเร็วต่อรอบเครื่องยนต์ 3 ค่า ได้ดังนี้80 กม./ชม. = 2,200 rpm100 กม./ชม. = 2,750 rpm120 กม./ชม. = 3,400 rpmทางด้าน Shift Feeling ของคันเกียร์ เจ้า Vios นี้ หัวเกียร์แบบ Polyurethane ทรงกลม จับกระชับมือพอตัว การโยกเข้าเกียร์ นั้นยังกลับดูแข็งไปสักนิดหน่อย แต่ไม่ถึงกับแข็งถึงขั้นเวลาขับกระบะ คือ จังหวะสับเกียร์ เร็วๆ บางครั้งอาจมีพลาดไม่ลงล๊อคได้ ยังดูเข้าได้ลำบากกว่า Swift ซึ่งอันนั้น หัวเกียร์จับค่อนข้างกระชับ และโยกคันเกียร์เข้าได้แม่นนำกว่า แต่เมื่อเทียบกับ Attrage ล่าสุด ที่ได้ขับมา ซึ่งเป็น Short Shift พบว่า ความถนัดของเจ้า Vios นี้ ดูเข้าเกียร์ได้ ถนัดมือกว่า แต่ ความรวดเร็วและแม่นกว่า จะด้อยกว่าหน่อยแฮนด์ลิ่งพวงมาลัย เพาเวอร์แบบผ่อนแรงไฟฟ้า ซึ่งมีขนาดวงเลี้ยวเพิ่มขึ้น จาก 4.9 ม. เป็น 5.1 ม. เนื่องจากความยาวตัวถังที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งไม่ส่งผลต่อความคล่องตัวของเจ้า Vios ใหม่สักเท่าใด ยังคงโยกเล่นซ้าย-ขวา ได้อย่างคล่องตัวเช่นเคย ฟีลลิ่งยังคงให้ความรู้สึกในแบบพวงมาลัยไฟฟ้า คือไม่ค่อยเป็นไปตามธรรมชาติสักเท่าใด คือที่ความเร็วต่ำ ในการสาวพวงมาลัยออกแนว หนืดนิดๆ ไม่ได้เบาว๋อง เหมือนรถ B-Segment จากค่าย H แต่เมื่อขับมาถึงความเร็วสูง พวงมาลัย Vios นี้ ถือว่ามีน้ำหนักที่หนักแน่น ค่อนข้างมั่นคง ตั้งแต่ที่ความเร็วต่ำและปานกลาง ไปจนความเร็วสูง แต่เมื่อความเร็วสัก 140 กม./ชม. ขึ้นไปแล้ว เริ่มจะมีส่าย เล็กๆ ให้สัมผัส และพวงมาลัยนี้ได้มีการเซ็ตอัตราทดพวงมาลัยให้มากกว่าเดิม (ตัวเก่าอัตราทด 14.2:1 หมุนครบวงเลี้ยว 3.02 รอบ แต่ตัวใหม่เพิ่มอัตราทดเป็น 16.5:1 หมุนครบวงเลี้ยว 3.28 รอบ) ทำให้การสาวเพื่อให้ได้วงเลี้ยวที่เท่าเดิม จะต้องสาวมากขึ้น และหนืดมือขึ้น เช่นกัน เบรก แบบดิสก์ 4 ล้อ สำหรับรุ่น S และ G แต่กับคันนี้ รุ่น E ด้านหลังถูกลดสเป็กเป็นดรัมเบรก แต่ถึงแม้จะเป็นดรัม ก็ยังทำได้ยอดเยี่ยมกระเทียมเจียว เช่นเคย การตอบสนอง รวดเร็ว หนึบแน่น ไม่แตกต่างจากดิสก์ ซึ่งมีผลมาจากการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมในส่วน Brake Booster Vaccuum Ejector Control โดยมีสายต่อออกจากหม้อลมเบรก เพิ่มขึ้นสองเส้น ซึ่งจะช่วยควบคุมการเปิดของวาล์วที่รอบเครื่องสูง เมื่อรอบเครื่องสูง จะดูดแรงอัดสูญญากาศออก ทำให้หม้อลมเบรก สามารถกดลงน้ำหนักได้ จึงทำงานได้อย่างดี แม้ช่วงรอบเครื่องที่สูง เพราะมันสั่งการโดย ECU ประสานการทำงานกับระบบวาล์วแปรผัน VVT-I นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้แป้นเบรกไม่มีอาการทื่อ สามารถชะลอความเร็ว หรือหยุดรถ สามารถทำได้แบบไม่ยากเย็น ไม่ต้องกลัวอาการ เบรกแล้วไหล ไม่อยู่ เหมือน Toyota รุ่นอื่นๆ ที่มีมาอย่างแน่นอน สำหรับความรู้สึกของดรัมเบรก รุ่น E คันนี้ ไม่ค่อยจะรู้สึกแตกต่างจาก G และ S ที่เป็นดิสก์ 4 ล้อนัก เมื่อเบรกลงน้ำหนักแบบธรรมดาทั่วๆไป การตอบสนองยังรวดเร็วไม่แพ้กัน แต่เมื่อ เบรกหนักๆ จะรู้สึกหนืดๆ กว่าสักเล็กน้อย และจะสัมผัสได้ชัดเจนกว่า ในช่วงที่ผมได้ขับ นั้นมีฝนตก การตอบสนองต่อเบรก จะดูลดลง แย่กว่าแบบดิสก์เล็กน้อย ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการรีดน้ำที่แย่กว่าดิสก์อยู่หน่อย แต่โดยรวมก็ไม่ถือว่ายังทำได้ดีกว่า รถดิสก์เบรก 4 ล้อ หลากหลายรุ่นด้วยซ้ำ ช่วงล่าง ถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น และสัมผัสได้อย่างชัดเจน ด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตัรท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็น ทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลง ตรงตามรุ่นเดิมเป๊ะ แต่การปรับเปลี่ยนในเรื่องของโครงสร้างตัวถังใหม่ ในเรื่องของการซับแรงกระแทก ทำได้ดีขึ้น ทั้งการเสริมบาร์ในห้องสัมภาระท้ายเป็นเหมือนค้ำตัวถังด้านหลัง และตัวซับแรง ใต้ท้องรถ จึงทำให้การขับขี่ออกดีขึ้น แน่นขึ้น เฟิร์มขึ้น และนุ่มนวลขึ้นเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้ว ยังออกแนวแข็งสักเล็กน้อย การทรงตัวเกาะถนนถือว่าทำได้ดีขึ้น รถเริ่มรู้สึกย้วยไปนิดที่ความเร็วสูง เมื่อพ้น 140 กม./ชม. ไปแล้ว ด้านการเกาะถนนในโค้งยังรู้สึกเช่นเดิมกับที่ได้กล่าวไป คือ ค่อนข้างมีอาการ Understeer (หน้าดื้อ) เยอะอยู่ ซึ่งถ้าเข้าเร็วๆ แรงๆ ต้องระวังให้ดี มีสิทธิไถลออก หลุดข้างทางได้สำหรับอีกจุดที่เปลี่ยนแปลงคือ ยาง Dunlop SP Sport 2030 185/60/15 ซึ่งแตกต่างจาก รุ่น G ที่เป็น Yokohama db ซึ่งจะรู้สึกได้ถึงการเกาะถนนที่ดี มี Grip ที่สูงกว่าในรุ่น G ไม่ค่อยพบอาการ Slide ไถลออกของล้อ มากนัก แม้จะลองกลับรถในช่วงที่ถนนลื่น สรุป 2013 All New Toyota Vios รุ่น E/MT คันนี้ ขับสนุกขึ้นกว่ารุ่นเกียร์อัตโนมัติเยอะ สามารถขับขี่เรียกสมรรถนะออกมาได้ดี ในด้านสมรรถนะอื่นๆ ก็ทำได้ดีไม่แพ้รุ่น G และ S และราคา 6 แสนกลางๆ สำหรับ City Car โฉมใหม่นี้ ก็ถือว่าพอรับได้ กับสิ่งที่ได้รับ ทั้งของที่ให้และ สมรรถนะ ก็ถือว่ารถบ้านแบบ Compact ที่ขับได้ค่อนข้างลงตัว กับการใช้งานทั่วๆไป ในเมือง ซึ่งสามารถขับเดินทางไกลได้แบบไม่น่าเกลียด แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ในรุ่น S ท๊อปไลน์ น่าจะมีการจับชนเกียร์ MT นี้สำหรับ ผู้ที่รักการขับขี่แบบสปอร์ต จริงๆ ไม่ใช่เพียงแต่รูปลักษณ์เท่านั้น ถ้าทาง Toyota ทำรุ่น S เกียร์ธรรมดา เชื่อว่า น่าจะตอบโจทย์ ผู้ที่รักการขับสนุกหลายๆ คน ✕ ใช้การติดต่อผ่านไลน์ เราปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณตาม PDPA ฉันยอมรับ ข้อกำหนดการใช้งาน และ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของ One2car.com ฉันยินยอมให้ One2car.com และผู้ขายรายการประกาศติดต่อทางไลน์ ตรวจสอบข้อเสนอรถที่ดีที่สุด! Prev Next ข้อเสนอพิเศษ - โทรในขณะนี้! วัน ชม ราคาเฉลี่ย ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด I ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด แท็กที่เกี่ยวข้อง Toyota Toyota Vios Toyota-cms vios โตโยต้า โตโยต้า วิออส
ข้อเสนอพิเศษ - โทรในขณะนี้! วัน ชม ราคาเฉลี่ย ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด I ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด
แนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า ‘ยังไงก็รอด’ ปี 2567 ต้นทุนแบตถูกลง 50% เรื่องเด่น Chuenkamon Phasuk | 2 วันที่ผ่านมา เจาะแนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า EV จะกลายเป็นรถยนต์แห่งอนาคตจริงหรือไม่ ? ปฏิวัติการขนส่งได้อย่างไร เคลียร์ความสงสัยได้ในบทความนี้ผ่าแนวโน้มอนาคตยานยนต์ไฟฟ้า ...
เผยสาเหตุ! ทำไมรถมือสองราคาร่วงแรงกว่าที่ผ่านมา เรื่องเด่น Suttinun Poomkung | 21 March 2567 อะไรทำให้รถมือสองราคาตกขนาดนี้ มีแค่กระแสรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียวหรือไม่ ...
ในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า รถสันดาปมือสองจะตายจากเราไปหรือไม่? เรื่องเด่น Pakkawat Unchalee | 21 March 2567 เมื่อรถยนต์ไฟฟ้ากำลังกลายเป็นกระแสหลักในประเทศไทย ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายพร้อมออปชั่นล้นๆ ก็ทำให้เกิดคำถามว่า ...
ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ตามวันเกิด พร้อมเวลาล้อหมุน เรื่องเด่น Chuenkamon Phasuk | 21 March 2567 มาแล้ว! ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ใครยังไม่มีฤกษ์รับรถ รีบเข้ามา! ซินแสดูให้จริง อยากรู้เกิดวันนี้ควรออกรถวันเวลาไหนก็ย่อมได้ฤกษ์รับรถเดือนเมษายน ...