อยู่มา 8 ปี ถึงเวลาเปลี่ยนได้แล้ว…

8 ปีแล้วนะ ทำไมยังไม่เปลี่ยนอีก รถที่เก่าอาจทำให้มีปัญหาเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ช่วงล่าง และอื่นๆ การที่เราเก็บรถคันเดิมไว้เป็นระยะเวลานานๆ ใช่ที่มันอาจทำให้เราประหยัดเงิน แต่จริงๆแล้วถ้าหากรวมค่าซ่อมแล้ว พอกับการออกรถใหม่เลย วันนี้มาแนะนำรถหลายคันเลยมาดูๆ

1. 2014 Suzuki Swift เปลี่ยนเป็น 2020-2022 Mazda 2

Suzuki Swift ถือว่าเป็นรถที่อยู่คู่คนไทยมานานเนื่องด้วยเป็นรถที่วัยรุ่นชอบเพราะด้วยราคาและรูปทรงที่โฉบเฉี่ยว ด้วยราคาน่ารักสุดๆ Suzuki Swift เลยเป็นรถที่วัยรุ่นนำไปแต่งหล่อๆกันเยอะมาก แต่จริงๆแล้วเจ้า Swift ก็ถือว่าอยู่กับคนไทยมาค่อนข้างนาน ถ้าจะเปลี่ยนทั้งที เราแนะนำเป็นรถ Mazda 2 Hybrid

Mazda 2 มีล้อให้เลือกทั้งขนาด 15 และ 16 นิ้ว ภายในกว้างขวางรองรับผู้โดยสารผู้ใหญ่ 4 คน และมีพื้นที่บรรทุกสัมภาระ 286 ลิตร อันเป็นผลมาจากระยะฐานล้อ 2,560 มิลลิเมตร ส่วนขุมพลังเป็น เครื่องยนต์เบนซิน แบบ 3 สูบ ขนาด 1,490 ซีซี กำลังสูงสุด 93 แรงม้า พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 80 แรงม้า รวมทั้งระบบมีกำลังสูงสุด 116 แรงม้า ราคาเริ่มต้น 474,000.- ด้วยระบบเกียร์: อัตโนมัติและอัตราการสิ้นเปลือง: 26.3 กิโลเมตร/ ลิตร คุ้มสุดๆ

ดูรถ Mazda 2 ได้ที่นี้

2. 2014 Honda Accord เปลี่ยนเป็น 2020-2022 Toyota Camry

รถ Honda Accord เป็นรถที่ผู้บริหารส่วนใหญ่ชื่ชอบ เพราะด้วยฟีเจอร์ที่หลากหลายและรูปร่างที่เหมาะกับคำว่า Luxury สุดๆ แต่ด้วยกาลเวลาที่เปลี่ยนทำให้รถคันนี้ดูเก่าและอาจไม่เหมาะกับมาดผู้บริหารสมัยนี้ เราเลยอยากจะมาแนะนำรถที่เหมาะกับยุคสมันใหม่ นั่นก็คือ Toyota Camry 

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ รหัส A25A-FKB ขนาด 2.5 ลิตร 2,487 ซีซี. ติดตั้งวาล์วแปรผันอัจฉริยะไฟฟ้า VVT-iE  ให้กำลังสูงสุด 209 แรงม้า (PS) ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 5,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ รองรับน้ำมัน E85 โตโยต้า คัมรี รุ่น 2.5 Premium และรุ่น 2.5 Sport มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 15.6 กิโลเมตร/ ลิตรราคาเริ่มต้น 1,099,000.-

ดูรถ Toyota Camry ไดเที่นี้

3. 2014 Isuzu MU-X เปลี่ยนเป็น 2020-2022 Toyota Fortuner

Isuzu MU-X นับว่าเป็นรถครอบครัวที่ครบและจบในคันเดียว นอกจากจะขับสบายแล้ว ยังสามารถจุของได้เต็มที่ ไม่ว่าจะขับในเมืองหรือต่างจังหวัดก็หมดห่วงได้เลย แตปัญหาหลักๆของรถคันนี้เมื่ออยู่นาน คือเรื่องการกินน้ำมัน ดังนั้นรถที่อยากจะแนะนำคันต่อไปคือ Toyota Fortuner

เครื่องยนต์ดีเซล แบบ 4 สูบ ขนาด 2.8 ลิตร เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,800 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ มีระบบขับเคลื่อนให้เลือกทั้งแบบ 2 ล้อหลัง และ 4 ล้อ ราคาเริ่มต้น 969,000.-  และอัตราการสิ้นเปลืองอยู่ที่ 13.2 กิโลเมตร/ ลิตร

ระบบความปลอดภัยใน Toyota Fortuner 2022 ทั้ง 3 รุ่นหลัก จะติดตั้งถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง, สัญญานเตือนกะระยะ 6 จุด, ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา, ระบบช่วยเตือนขณะถอย, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ระบบควบคุมการทรงตัว, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี, ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน และระบบควบคุมเฟืองท้าย (Auto Limited Slip Differential) ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ

ส่วนระบบ Toyota Safety Sense เช่น ระบบควบคุมความเร็วแปรผัน, ระบบความปลอดภัยก่อนการชน และระบบเตือนรถออกนอกเลน จะมีใน Toyota Fortuner Legender 2022 และ Toyota Fortuner GR Sport ทุกรุ่น

ดูรถ Toyota Fortuner ได้ที่นี้

4. 2014 Hilux Vigo เปลี่ยนเป็น 2020-2022 Ford Ranger

Hilux Vigo ถือว่าเป็นรถที่อยู่เคียงข้างคนไทยมายาวนาน ด้วยความอึด ทึก ทน สามารถทำให้คนหลายบ้านไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนรถเลยด้วยความเก๋าของรถคันนี้ แต่เนื่องด้วยรถที่เก่าไปแล้วทำให้อาจเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิด ดังนั้นรถที่อยากจะแนะนำกับสายลุยนั่นก็คือ Ford Ranger

ด้านขุมพลังของ Ranger 2.2 XLT Hi-Rider ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ความจุ 2.2 ลิตร เทอร์โบชาร์จเจอร์และอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 160 แรงม้า ที่ 3,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 385 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,600 รอบต่อนาที ส่งกำลังไปยังล้อคู่หลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ รองรับน้ำมัน B20 และผ่านค่ามาตรฐานไอเสียระดับ Euro 4 ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 479,000.ข ระบบเกียร์ที่มาพร้อมทั้ง ธรรมดาและอัตโนมัติ ด้วยอัตราการสิ้นเปลือง: 11.5 กิโลเมตร/ ลิตร

ดูรถ Ford Everest ได้ที่นี่

5. 2014 BMW X1 เปลี่ยนเป็น 2020-2022 Mercedes-Benz GLA 250d

BMW X1 เป็นรถที่ผู้บริหารชื่นชอบสุดๆ ด้วยความที่เป็นรถยุโรปประกอบไปด้วยฟีเจอร์สุดหรู ทำให้เจ้า BMW ที่หมายตาของหลายๆท่าน แต่ด้วยความเป็นรถยุโรป ถ้าว่ากันด้วยเรื่องซ่อมแซมหรือค่า Maintanance ละก็ รถญี่ปุ่นชนะขาดแน่ๆ แต่ทาง BMW มีสิ่งที่เรียกว่า BSI หรือ (BMW Service Inclusive) เป็นแพคเกจการบริการเซอร์วิส ของทางค่าย BMW เป็นการเซอร์วิสทั้งหมด หากทาง BSI ของคุณหมด บอกได้เลยว่าค่าซ่อมทะลุเพดานแน่นอน เพราะแบบนี้ทางเราเลยอยากจะแนะนำเป็นรถ Mercedes-Benz GLA 250d

เครื่องยนต์ใน GLA 250 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง ขนาดความจุ 1,991 ซีซี พ่วงระบบเทอร์โบชาร์จ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ DCT 7 สปีด มอบพละกำลังสูงสุด 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,200 - 4,000 รอบ/นาที โดยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ด้วยตำแหน่งเกียร์ D โหมดการขับขี่แบบ Sport ทำได้ที่ 8 วินาที และหากชิพเกียร์เอง จะใช้เวลาราวๆ 7 วินาทีเท่านั้น อัตราการสิ้นเปลือง: 17.5 กิโลเมตร/ ลิตร และ ราคาเริ่มต้น 1,499,000.-

ดูรถ Mercedes-Benz GLA 250d ได้ที่นี่