รีวิว Honda WR-V รถ mini SUV ที่ขับดี แต่ถูกลืม!

ทั้งที่ขับดี แต่กลับกลายเป็น SUV ที่ถูกลืม มาอ่าน รีวิว Honda WR-V ไปกับเรา แล้วคุณจะรู้ว่าทำไมมันถึงไม่ฮิต แล้วเมื่อกลายเป็นมือสอง เราควรซื้อหรือไม่?

ทำความรู้จักกับ Honda WR-V

Honda WR-V เป็นรถ SUV ที่เล็กที่สุดตั้งแต่ที่ Honda เคยจำหน่ายมาในไทย ถึงแม้ว่าหน้าตาของเขาจะเหมือนกับนำรถ B-Segment อย่าง Honda City หรือ Honda Jazz มายกสูงเป็นรถ Crossover แต่ทาง Honda บอกว่านี่เป็นรถ SUV โดยแท้จริง เพียงแต่เป็น SUV ไซซ์มินิที่คล่องตัวสูง

Honda WR-V เปิดตัวครั้งแรกในโลกช่วงปลายปี 2022 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ก่อนที่จะนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการช่วงเดือนมีนาคม 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันเราจะเห็นตามท้องถนนได้ยากมาก และแน่นอนว่าในตลาดมือสองก็มีน้อยเช่นกัน

เรียกได้ว่าจะกลายเป็นรถแรร์อยู่แล้ว เพราะคนไม่ซื้อ… ทำไมคนถึงไม่ยอมซื้อกันทั้งๆ ที่ตัวรถก็ออกจะดีแท้ๆ เรื่องนี้มีหลายเหตุผล เดี๋ยวเรามาอ่านไปพร้อมๆ กันครับ

Honda WR-V ราคาเท่าไหร่?

ราคาของ Honda WR-V ที่นำเข้าจากอินโดมาขายไทยต้องบอกว่าแพงจนคนต้องรอช้อนซื้อมือสองเลยถ้าอยากได้จริงๆ อีกทั้งราคายังอยู่ในตำแหน่งที่ต้องบอกว่าไม่ต้องเเข่งกับใครหรอก แข่งกันในค่ายตัวเองยังเหนื่อยเลย โดยราคา Honda WR-V จะอยู่ที่

• รุ่น SV CVT ราคา 799,000 บาท
• รุ่น RS CVT ราคา 869,000 บาท

หลายคนอาจจะมองว่าเห้ย Crossover SUV ไซซ์เท่านี้ หล่อๆ เท่ๆ คล่องตัวสูงแบบนี้ แพงตรงไหน ราคาไม่แตะ 9 แสนเลยนะตัวท็อป ถ้างั้นเราลองมาดูราคาที่เทียบกับรุ่นยอดฮิตของ Honda กัน

ราคาของ Honda City e:HEV

• รุ่น e:HEV SV ราคา 729,000 บาท
• รุ่น RS e:HEV 799,000 บาท

ราคาของ Honda WR-V

• รุ่น SV ราคา 799,000 บาท
• รุ่น RS ราคา 869,000 บาท

ราคาของ Honda HR-V

• รุ่น e:HEV E ราคา 979,000 บาท
• รุ่น e:HEV EL ราคา 1,079,000 บาท
• รุ่น e:HEV RS ราคา 1,179,000 บาท

เมื่อลองดูที่ราคาของ Honda WR-V ก็จะเห็นได้ว่าถ้าซื้อรุ่นเริ่มต้น 799,000 บาท ถ้าไม่ได้ต้องการรถยกสูงจริงๆ ราคานี้เราได้ City e:HEV รถ Hybrid เทพๆ ตัวท็อปเลยนะ ออปชันก็ดีกว่าอีกต่างหาก

ถ้าจะซื้อ WR-V ตัวท็อป RS ก็คิดหนักอีก เพราะถ้าเราเพิ่มเงินอีกสองแสนกว่าๆ ก็อัปไซซ์ได้ HR-V e:HEV ตัวกลางแล้ว ได้รถใหญ่กว่านั่งสบายกว่า ได้เครื่อง Hybrid ด้วย บอกแล้วราคานี้เเข่งกับตัวเองยังเหนื่อย

ยิ่งมาเทียบกับ City e:HEV มือสอง และ HR-V e:HEV มือสอง ในตลาดด้วยแล้วก็ยิ่งปวดใจไปกันใหญ่เลย เพราะรถสองรุ่นที่กล่าวมายังถือว่าเป็นรถมือสองปีไม่ลึกอยู่ ไม่ต่างกับ WR-V มือหนึ่งนั่นแหละแค่เป็นมือสองเท่านั้นเอง

ถ้าเราซื้อ WR-V มือหนึ่ง รุ่นท็อป RS ในราคา 869,000 บาท ราคานี้เราเลือกซื้อ Honda HR-V RS e:HEV ปีใหม่ๆ สภาพสวยๆ ได้เลย มีตัวเลือกเยอะมากในตลาดมือสอง เพราะราคา HR-V e:HEV มือสองมันเริ่มต้นแค่ 759,000 บาท เท่านั้นเอง

ยิ่ง Honda City e:HEV มือสอง ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะเริ่มต้นแค่ 557,000 บาท เท่านั้นเอง ถ้าซื้อ WR-V มือหนึ่งรุ่นเริ่มต้นในราคา 799,000 บาท คือถ้ามีงบ 799,000 บาท แล้วไม่ได้อยากได้รถยกสูงนะ หันไปซื้อ City e:HEV มือสอง เซฟเงินในกระเป๋าไปเยอะ ได้เครื่อง Hybrid ประหยัดเงินอีก ออปชันเต็ม ได้ชุดแต่ง RS ติดมาอีก บอกเลยเกิดเป็น Honda WR-V มันเหนื่อย…

ขุมพลังของ Honda WR-V

ถ้าอยากจะวัดกันที่ขุมพลัง Honda WR-V ก็เหนื่อยอีก เพราะเขาใช้เครื่องยนต์ NA ไร้ระบบอัดอากาศ ก็คือไม่มี Turbo และไม่ใช่ Hybrid ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยให้ประหยัดน้ำมันด้วย โดยเครื่องยนต์ที่เขาใช้คือ

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1.5 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิกส์ PGM-FI พร้อมระบบแปรผันวาล์ว i-VTEC กำลังสูงสุด 121 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 145 นิวตันเมตร ที่ 4,300 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า FWD เกียร์อัตโนมัติ CVT มาพร้อมระบบ Upshift Control of Cornering Gravity & G Design Shift

อ่านเพิ่มเติม : ซื้อรถมือสอง 1 คัน ควรเลือกขนาดเครื่องยนต์เท่าไหร่ดี?

เทียบเครื่องยนต์กับราคาดูแล้วจะซื้อมือหนึ่งก็ค่อนข้างลำบากใจจริงๆ อย่างที่บอกว่าเครื่องยนต์ของเขาไม่ใช่ Hybrid แต่กลับเป็น 1.5 ลิตร NA ราคานี้อย่างน้อยก็คงอยากได้รถ Hybrid จังนะในสมัยนี้ แต่เอาจริงเครื่องยนต์ NA แบบนี้ก็มีข้อดีในหลายๆ ด้าน

แต่ข้อดีของเขาที่มีนั้นกลับกลายเป็นข้อดีที่สนับสนุนให้ซื้อแบบมือสองถึงจะคุ้มกว่า เพราะถ้าด้วยราคามือหนึ่ง เราขยับมาเล่นรถที่ใช้เครื่อง e:HEV ของ Honda มันได้การประหยัดที่ดีกว่าเยอะ และสมัยนี้กระแสรถยนต์ Hybrid ก็กำลังมาด้วยไง

ทำไมซื้อ WR-V มือสอง ถึงคุ้มกว่า?

เอาจริงๆ ไม่ว่าจะซื้อมือสองรุ่นไหน ถ้าปีใหม่แล้วราคาดีมันก็ดีกว่าอยู่แล้วถูกต้องไหม แต่กับ Honda WR-V มือสอง ที่ราคารุ่น RS ที่ราคาเริ่มต้นแค่ 639,000 บาท และเป็นรถที่ใช้มาได้แค่ปีเดียวเพราะเขาวางขายในไทยเมื่อปี 2023 คือราคามันหายจากมือหนึ่งไป 230,000 บาท มันทำให้เราได้รถที่เหมือนมือหนึ่งในราคาที่คุ้มมาก เรียกได้ว่าเป็นมือสองที่ใหม่กว่า HR-V และ City แน่นอน การเสื่อมสภาพไม่มีแน่ๆ ยังไงก็คุ้ม

เรื่องที่สองคือ เมื่อราคามือสองมันลดลงมาขนาดนี้แล้วเราแทบจะไม่ต้องซีเรียสเรื่องเครื่องยนต์ว่าจะเป็น e:HEV เลย เพราะ WR-V ก็ประหยัดน้ำมันอยู่ที่ 16.7 กม./ล. รองรับพลังงานทางเลือก E20 ก็ถือว่าทำได้ดีแล้วสำหรับเครื่องยนต์ 1.5 NA อีกทั้งการเป็นเครื่อง NA ก็ปัญหาน้อยกว่าเครื่อง Hybrid และ เครื่อง Turbo อยู่แล้วในระยะยาว

เรื่องที่สามคือ เมื่อบอดี้ของตัวรถ Honda WR-V มันเล็กกระทัดรัด แต่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.5 NA แน่นอนว่ารถเบาที่เครื่องขนาดกลางๆ แบบนี้ การขับขี่มันสนุกและคล่องตัวมากกว่ารถใหญ่ๆ แต่เครื่อง 1.5 NA อยู่แล้ว อีกทั้งตัวรถยังเป็นแบบยกสูง ทำให้การขับขี่ดีกว่ามากในประเทศที่ถนนหนทางเหมือนดาวอังคารและมีน้ำท่วมบ่อย เรียกได้ว่าไซซ์ Eco Car แต่สูงขึ้นกว่า Eco Car ชีวิตก็ดีขึ้นเยอะ

เรื่องที่สี่คือ เรื่องของความอเนกประสงค์ มันไม่ได้ด้อยไปกว่า City Hatchback และ HR-V มากนัก แค่บอดี้เขาเล็กแค่นั้นเอง เรื่องการยกสูงขับบนทางลูกรังได้ดีกว่า City แต่ไม่เท่า HR-V ความอเนกประสงค์ที่เก็บของก็ดูจะเยอะกว่า City แต่ไม่เท่า HR-V ออปชันโดยรวมด้อยกว่า HR-V และ City ตัวท็อป แต่เรื่องการปรับเบาะก็ยังได้แบบ 60:40 ด้อยกว่าเพียงเรื่องเอาเบาะนั่งหลังขึ้นเพื่อเก็บของที่มีความสูงไม่ได้เท่านั้นเอง

เรื่องสุดท้ายคือ เมื่อเป็นราคามือสองที่เริ่มต้น 6 แสนกว่าๆ มันทำให้ราคาเหมาะสมกับออปชันที่ถูกกั๊กใน Honda WR-V คือความเป็นจริงแล้วถ้าเราดูเรื่องของการแข่งขันในตลาดรถยนต์ของไทย การที่ WR-V เปิดราคามือหนึ่งมาขนาดนี้ทำให้คนท้อเพราะออปชันไม่ได้โดดเด่นมากนัก แต่เมื่อมือสองราคาเท่านี้และเป็นรถปีใหม่มากๆ ก็ทำให้ราคามันอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นและไม่ต้องคิดมากถ้าจะซื้อมาใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน เพราะรถมันใหม่

Honda WR-V ขับดี แต่ไม่ครอบคลุม

ถึง Honda จะบอกว่าเขาเป็น มินิ SUV หรือเป็น SUV ไซซ์เล็ก แต่ยังไงเราก็รู้อยู่ดีว่ามันคือรถ Crossover ซึ่งแน่นอนว่ารถยนต์ประเภทนี้หาได้น้อยมากที่จะมาพร้อมกับช่วงล่างอิสระทั้ง 4 ล้อ ที่นึกออกในตลาดก็มีแค่ Subaru XV กับ Toyota CH-R เท่านั้นแหละที่มีข่วงล่างอิสระ 4 ล้อ

Honda WR-V เองมาพร้อมกับช่วงล่างแบบเดียวกับรุ่นพี่เขา คือ ด้านหน้าแบบอิสระ MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบกึ่งอิสระ Torsion Beam แบบ H-shape พวงมาลัยเป็นแบบ Rack & Pinion พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า เบรกด้านหน้าดิสก์เบรกมีครีบระบายความร้อน ด้านหลังเป็นดรัมเบรก คือมันเกือบจะดีแล้ว ติดตรงหลังเป็นดรัมเบรกนี่แหละ

แต่ถามว่าขับดีไหม WR-V เป็นอีกรุ่นที่ถ้าเรามองข้ามออปชันกับราคาไป มันเป็นรถที่ขับดีมาก เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร NA ให้กำลังค่อนข้างดี ถึงเป็นเกียร์ CVT แต่ก็ไม่ได้รู้ว่าว่ามันตื้ออะไรเลย อาจเป็นเพราะด้วยน้ำหนักรถที่หนักแค่ 1,143 กก. ด้วยถึงทำให้ขับได้แบบคล่องตัวและสนุกสนาน ส่วนตัวคิดว่าขับสนุกกว่า HR-V ยิ่งถ้าคนที่ชอบรถที่ยกสูงมองเห็นทางชัดๆ ยิ่งจะชอบใจ

เรื่องการขับทางไกลเองก็ทำได้ดีไม่แพ้ขับขี่ในเมืองเลย แค่เติมคันเร่งสัมผัสได้ถึงความลื่นไหลของเครื่องยนต์ การตอบสนองของคันเร่งคือดีมาก พูดง่ายๆ เหยียบติดเท้า ทุกการเร่งแซงทำได้แบบไร้กังวล ไม่ต้องกลัวว่าจะเร่งแซงใครไม่ขึ้น ถ้าใช้คู่กับ Paddle Shift ที่อยู่หลังพวงมาลัยก็สนุกขึ้นไปอีก ช่วงล่างดีเลยเฟิร์มๆ เอาถนนอยู่ ขับดีเกินราคาและอุ่นใจได้เพราะมี Honda SENSING 6 ระบบ

แต่ความไม่ครอบคลุมก็ยังมีอยู่ แต่มีน้อย คือ ขนาดของตัวรถที่เล็กมาก โดยมีมิติตัวถังอยู่ที่

• ความยาว 4,060 มม.
• ความกว้าง 1,780 มม.
• ความสูง 1,608 มม.
• ความยาวฐานล้อ 2,485 มม.
• ระยะตำ่สุดถึงพื้น 220 มม.

WR-V น่าซื้อจริงหรือเปล่า?

ไซซ์ซิ่งที่เล็กแบบนี้มันมีข้อจำกัดในด้านการใช้งานนิดหน่อย อย่างเรื่องพื้นที่เก็บของที่ต้องบอกว่าเก็บได้น้อย แต่เก็บได้นะ ถ้าขับไปเที่ยวกับแฟนแค่ 2 คนแล้วพับเบาะเก็บของมันก็โอเคแหละ แต่ถ้านั่ง 5 คนนี่อึดอัดนะ ให้เต็มที่เลย 4 คนพอ เกือบสบายแล้ว ถ้าคนนั่งตัวไม่ใหญ่ก็สบาย ซึ่งจริงๆ แล้วรถขนาดเล็กทุกคันก็เป็นแบบนี้ ไม่ใช่แค่ WR-V หรอก

อีกเรื่องก็คือการตกแต่งมันเหมือนไม่สุดสักทาง มันเหมือนกับว่าจะได้ความพรีเมี่ยมที่คล้ายๆ กับ Honda HR-V โฉมเก่า แต่ก็ยังแอบมีกลิ่นสปอร์ตๆ แบบ Honda City แต่ก็แอบทำให้คิดถึง Jazz มันก็ผิดกับหน้าตาภายนอกที่ค่อนข้างดูทันสมัย คือภายในดันออกไปทางแก่นิดหน่อยเฉยเลยทั้งที่ตัวรถมันออกจะเหมาะกับวัยรุ่นวัยทำงานแท้ๆ (แอบคล้าย MG ZS อยู่ว่าไป ขอแซวหน่อย)

อีกทั้งการออกแบบภายในยังรู้สึกว่ามันอึดอัดนิดหน่อยด้วย ส่วนตัวเลยคิดว่าถ้าเป็นผู้หญิงที่ชอบรถที่ขับแล้วมีความสปอร์ตแต่การออกแบบภายในดูสุขุมๆ หน่อย มันจะตอบโจทย์มาก แต่ถ้าเป็นผู้ชายที่รักความสปอร์ตจ๋าทุกตารางนิ้วคืออาจจะไม่ชอบเท่าไหร่

ส่วนตัวคิดว่าเป็นรถยนต์ที่เหมาะกับผู้หญิงวัยรุ่นวัยทำงานยุคใหม่มากกว่า แต่ถ้าเป็นผู้ชายก็อาจจะต้องตัวเล็กนิดนึงเพราะนั่งหน้ามันก็ให้อารมณ์เหมือนนั่งใน Honda City มันรู้สึกแคบนิดๆ แบบนั้น แต่ถามว่าสบายไหม ก็นั่งได้โอเคดีตามสไตล์รถยนต์คันเล็ก และเป็นรถยนต์ที่ควรจะใช้งานไม่เกิน 4 คน หรืออาจจะใช้เพื่อขับขี่ไปทำงานหรือเที่ยวเล่นกับแฟน 2 คนอะไรแบบนั้น

แต่เอาจริงๆ นะ ราคามือสองคือคุ้มแล้วกับสิ่งที่ได้มาใน WR-V เป็นรถมือสองที่ปีใหม่ แทบไม่มีอะไรเสื่อมสภาพเลยก็ว่าได้ ซื้อไปก็เหมือนได้รถใหม่ที่มีส่วนลด 2 แสนกว่าบาท มาดูออปชันกันว่า WR-V เขาได้อะไรบ้างเราถึงบอกว่า WR-V มือสอง คุ้ม! น่าซื้อ!

ออปชันของ Honda WR-V

สำหรับ Honda WR-V รุ่นเริ่มต้น หรือรุ่น 1.5 SV ภายนอกจะมาพร้อมกับ

• ไฟหน้าแบบ LED
• ไฟ Daytime Running Light แบบ LED
• ไฟท้ายแบบ LED
• ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential
• ระบบเปิด – ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
• กระจังหน้าโครเมี่ยม
• มือจับประตูสีเดียวกับตัวรถ
• กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว
• กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า
• ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบหน่วงเวลา
• ระบบปัดน้ำฝนด้านหลัง
• เสาอากาศแบบครีบฉลาม
• ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว
• ยาง ขนาด 215/60 R16

มาพร้อมกับอุปกรณ์ภายใน

• ภายในสีดำ
• เบาะนั่งฝั่งคนขับปรับสูง-ต่ำได้
• เบานั่งวัสดุหนังและหนังสังเคราะห์ ด้ายสีน้ำเงิน
• วัสดุตกแต่งคอนโซลแบบ Piano Black
• มือจับประตูภายในสีเงิน
• พวงมาลัยหุ้มหนัง
• พวงมาลัยปรับสูง-ต่ำได้
• กุญแจรีโมท Honda Smart Key System
• ระบบ Push Start/Stop
• ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
• เบาะนั่งคนขับปรับระดับสูงต่ำ
• เบาะหลังพับได้ 60:40
• ช่องจ่ายไฟสำรอง 2 ตำแหน่ง
• กระจกมองหลังแบบตัดแสง
• ม่านบังแดดพร้อมกระจก เบาะนั่งคู่หน้า
• ช่องเก็บของหลังเบาะผู้โดยสารด้านหน้า
• พนักวางแขนด้านหน้า
• จำนวนที่วางแก้วน้ำ 6 ตำแหน่ง
• ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร 2 ตำแหน่ง
• ราวมือจับเหนือประตู 3 ตำแหน่ง
• หน้าจอสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว
• รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto
• รองรับการเชื่อมต่อ Smartphone
• รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri
• รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
• พวงมาลัย Multi-Function
• ช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่ง
• ลำโพง 4 ตำแหน่ง

WR-V มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยและช่วยเหลือการขับขี่ ดังนี้

• ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)
• กล้องมองภาพด้านหลัง
• ถุงลมนิรภัย
• ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
• ถุงลมนิรภัยด้านข้าง
• สัญญาณไฟฉุกเฉิน เมื่อเบรกกระทันหัน
• ระบบป้องกันล้อล็อก ABS
• ระบบกระจายแรงเบรก EBD
• ระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VSA
• ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA
• ระบบล็อกรถอัตโนมัติ เมื่อเดินห่างตัวรถ Walk Away Door-lock
• ระบบล็อกประตูอัตโนมัติตามความเร็วรถ
• ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยเบาะคู่หน้า
• เข็มขัดนิรภัย ELR 3 จุด ทุกตำแหน่ง
• ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมสัญญาณกันขโมย
• จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX
• ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED

แน่นอนว่าค่าย Honda ต้องมากพร้อมกับแพกเกจความปลอดภัย Honda SENSING ประกอบด้วย

• ระบบเตือนการชนรถ และ คนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก CMBS
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ LKAS
• ระบบเตือน และ ช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ RDM with LDM
• ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Auto High-Beam
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมปรับความเร็วตามคันหน้า Adaptive Cruise Control ACC
• ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ LCDN

ส่วนในรุ่นท็อป WR-V รุ่น RS ราคาเพิ่มจากรุ่น SV ที่ 70,000 บาท มีอุปกรณ์เพิ่มขึ้นดังนี้

• กระจังหน้าโครเมี่ยมแบบสปอร์ต
• ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED
• ล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว
• ยาง ขนาด 215/55 R17
• กระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติ
• ภายในสีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
• วัสดุตกแต่งภายในสีแดง
• ช่องจ่ายไฟสำรอง 3 ตำแหน่ง
• ไฟส่องสว่างและฝาปิดกระจก เบาะนั่งคู่หน้า
• พนักท้าวแขนผู้โดยสารตอนหลัง
• ราวมือจับบนหลังคา 4 ตำแหน่ง
• ลำโพง 6 ตำแหน่ง
• ระบบเชื่อมต่อ Honda Connect
• ระบบแสดงภาพมุมอับสายตา Honda Lanewatch
• ม่านถุงลมนิรภัย
• ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift

ต้องบอกว่าได้มาเท่านี้จริงๆ ก็ถือว่าโอเคแล้วแหละ แต่ในยุคที่การแข่งขันในตลาดรถยนต์มันสูงมากแบบนี้ การตั้งราคาที่สูงก็ทำให้ออปชันที่เราคิดว่ามันเหมือนจะพอดีและใช้งานได้อย่างครอบคลุมในชีวิตประจำวันแล้ว มันกลับกลายเป็นดูน้อยไปหน่อย เพราะรถจีนราคาดีและให้เยอะกว่า แต่เมื่อกลายเป็น WR-V มือสอง แล้ว การที่รุ่นท็อปได้ทุกอย่างมาประมาณนี้คือคุ้มมากแล้วถ้าเทียบกับการเป็นรถยนต์มือสองที่มีอายุแค่ปีเดียว

โหลดหรือยัง? แอป one2car - NEXT GEN! CAR APP

• Smart Search: หารถง่าย ฟังก์ชันครบ ข้อมูลชัด!
• Qualified Car: รถคุณภาพ ตรวจสภาพแล้ว พร้อมรายงานรถ
• Most Trusted Seller: คัดผู้ขายให้แล้ว ไม่ต้องกลัวมิจฉาชีพ
• Hot Deals: พบกับ Big Sale ลดแรงทุกเดือน!
• My Garage: ระบบผู้จัดการส่วนตัวให้รถคุณ ทุกเรื่องรถ จบในที่เดียว
• Car Tax Renawal: ต่อภาษีรถยนต์สะดวกกว่าที่เคย ไม่ต้องกลัวลืม
• Car Price: อยากขายรถแต่ไม่รู้ราคา เช็กเลย! รู้ผลใน 1 นาที ต้องการขายก็ทำได้เลย
• Car Financing: สินเชื่อรถมือสอง จัดไฟแนนซ์ง่ายกับ Partner ของเรา พร้อมข้อเสนอพิเศษ
• Car Insurance: เปรียบเทียบเบี้ย ต่อประกันรถยนต์ พร้อมดีลสุดพิเศษจากบริษัทชั้นนำ
• Extended Warranty: ประกันอะไหล่รถ หมดห่วงเรื่องอะไหล่รถมือสอง
• one2car Story: คลิปรีวิวรถจากคนขาย คอนเทนต์เกี่ยวกับยานยนต์

Apple Store : https://bit.ly/o2c_apple_store

Google Play Store : https://bit.ly/o2c_Google_Play_Store

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง one2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com