รู้หรือไม่? รถยนต์ไฟฟ้า ไม่ใช่ทางเลือกเดียวในการประหยัดน้ำมัน

ในยุคนี้ถ้าเราพูดถึงรถประหยัดน้ำมันทุกคนก็จะเชียร์ให้ข้ามไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้ากันหมดแล้ว แต่ความเป็นจริงไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าได้ และแน่นอนว่ามันมีทางเลือกอื่นในการประหยัดด้วย

รถยนต์ไฟฟ้าคืออะไร?

รถยนต์ไฟฟ้า คือ รถยนต์ที่ใช้แหล่งพลังงานจากไฟฟ้า 100% ขับเคลื่อนด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าที่อยู่ภายในแบตเตอรี่ใต้ท้องรถยนต์มาเป็นแหล่งพลังงานเพื่อขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าแทนการใช้น้ำมันเพื่อเป็นกำลังขับเคลื่อนตัวรถยนต์

ซึ่งไฟฟ้าภายในเเบตเตอรีของรถยนต์ไฟฟ้าเองก็สามารถใช้และหมดไปได้เช่นกัน เมื่อหมดไปก็ต้องอาศัยการชาร์จไฟฟ้าจากจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าหรือโฮมชาร์จเจอร์ คล้ายๆ กับการจาร์จแบตสมาร์ทโฟนเมื่อแบตเตอรีหมดนั่นแหละ

ทำไมรถยนต์ไฟฟ้าถึงเป็นทางเลือกที่ดี

เหตุผลที่รถยนต์ไฟฟ้าเป็นทางเลือกในการประหยัดน้ำมันที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็เพราะมันใช้พลังงานไฟฟ้ามาแทนที่น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีราคาสูง เรียกได้ว่าช่วยเซฟค่าใช้จ่ายรายเดือนออกไปได้หลายเท่าตัวเลย อีกทั้งรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง ก็สามารถวิ่งได้ไกลสุดเทียบเท่ารถเครื่องสันดาปแล้ว ทำให้การเดินทางต่างจังหวัดเป็นเรื่องหมูๆ เลย เมื่อวิ่งได้ระยะทางเท่ากันแต่ค่าใช้จ่ายถูกกว่ามันก็ย่อมดีกว่า

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : คำนวณค่าไฟชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 1 ครั้ง เสียเงินกี่บาท

อีกข้อดีที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าช่วยให้ประหยัดได้มากขึ้นก็เพราะมีระบบ Regenerative Braking ซึ่งเป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อทำให้การเบรกของรถยนต์ไฟฟ้ามีการกักเก็บพลังงานจลน์บางส่วนไว้ให้แบตเตอรีและนำกลับมาใช้งานต่อได้ทุกครั้งที่เร่งความเร็วใหม่

ทำให้ขณะที่ขับรถยนต์ไฟฟ้าจะมีพลังงานบางส่วนไว้ใช้หมุนเวียนทดแทนพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ตลอดการเดินทาง ซึ่งหลักการทำงานจะคล้ายกับการชะลอความเร็วรถแบบใช้ Engine Brake แบ่งเป็น 2 แบบ คือ รถยนต์ไฟฟ้าที่มีระบบ One Pedal และ ไม่มีระบบ One Pedal ถ้าอธิบายให้เข้าใจกันแบบง่ายๆ ก็คือ

• ไม่มีระบบ One Pedal เมื่อต้องการชะลอความเร็วรถยนต์ไฟฟ้าเราจะยกเท้าออกจากแป้นคันเร่ง เมื่อนั้นจะเกิดเเรงเฉื่อยและจะมีการนำแรงตรงนั้นกลับไปเป็นพลังงานไฟฟ้าย้อนกลับไปสู่แบตเตอรี ในช่วงแรกการเหยียบเบรกจะเป็นการหน่วงจากมอเตอร์ก็จะเก็บพลังงานได้ แต่เมื่อเหยียบเบรกเต็มที่เบรกของรถยนต์ไฟฟ้าจึงจะทำงานเเบบเต็มที่ไปด้วย
• มีระบบ One Pedal ก็จะเป็นการเหยียบแป้นเพื่อเร่งความเร็วและเบรกในคันเร่งเดียวกัน ซึ่งเมื่อเรายกเท้าออกหรือแตะแป้นคันเร่งเบาๆ อาการก็จะคล้ายๆ กับการใช้ Engine Brake การแตะคันเร่งเบาๆ จะเป็นการใช้เบรกจากแรงหน่วงของมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้เมื่อรถค่อยๆ ชะลอตัวก็มีการชาร์จไฟกลับไปที่มอเตอร์ไฟฟ้าได้ด้วย

ในเรื่องของการชาร์จ ปัจจุบันสถานนีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเองก็มีโครงข่ายที่ครอบคลุมทุกจังหวัดและทุกๆ เส้นทางหลักเรียบร้อยแล้ว ทำให้การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้เป็นเรื่องที่ยุ่งยากเหมือนช่วงแรกๆ แต่ทั้งนี้ในเรื่องรายละเอียดยิบย่อยของสถานีชาร์จเองก็ยังคงมีสิ่งที่ทำให้ผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้ามีความกังวลอยู่เหมือนกัน

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : 10 ข้อดี-ข้อเสีย รถยนต์ไฟฟ้า อย่าเพิ่งซื้อถ้ายังไม่รู้สิ่งนี้

ทั้งนี้เเล้วเรื่องค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้าก็จะมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาน้อยกว่าด้วย เพราะไม่มีเครื่องยนต์และไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายของเหลวตามอายุการใช้งาน จึงทำให้การดูแลรักษาเป็นเรื่องที่ง่ายดายมากขึ้น และช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากเรื่องน้ำมันไปได้เยอะพอสมควร

แต่ทว่าก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าได้ง่ายๆ บางคนอาจจะมีความกังวลใจหลายๆ อย่างเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นราคาและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่บางกลุ่มเองก็อาจจะเข้าไม่ถึงแม้จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้ามือสองก็ตาม บางคนไม่กล้าเสี่ยงใช้รถยนต์ไฟฟ้ามือสองที่มีราคาถูกกว่ามือหนึ่งเยอะ หรือ อาจกังวลเรื่องความล้ำสมัยที่มากเกินไปจนใช้ไม่เป็น ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ และ เรื่องสถานีชาร์จช่วงเทศกาล เป็นต้น 

แน่นอนว่าถึงแม้รถยนต์ไฟฟ้าทั้งมือหนึ่งและรถยนต์ไฟฟ้ามือสองจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับช่วงเวลานี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารถยนต์ประเภทอื่นจะไม่ดีและไม่เป็นตัวเลือกในการประหยัดค่าใช้จ่ายและการประหยัดน้ำมัน สำหรับคนที่อยากได้รถยนต์มือสองสายประหยัดก็มีอีกหลายทางเลือกเลย

รถยนต์ประเภทไหนประหยัดน้ำมันบ้าง

ปัจจุบันรถยนต์ที่มีความประหยัดน้ำมันก็มีค่อนข้างหลากหลายประเภท ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละประเภทก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไปด้วยตามแต่ค่ายผู้ผลิตรถยนต์จะพัฒนา ซึ่งนอกเหนือจากรถยนต์ไฟฟ้าแล้วก็จะมีรถยนต์อีก 4 ประเภท ที่จะช่วยให้คุณประหยัดน้ำมันได้ คือ รถ Eco Car, รถ Hybrid, รถ Plug in Hybrid และ รถยนต์ไฟฟ้าบางประเภท

รถ Eco Car

รถ Eco Car จะมีข้อดีที่ใช้เครื่องยนต์ที่เล็กมากและมาพร้อมกับขนาดตัวที่เล็กกระทัดรัด น้ำหนักเบามาก ทำให้ขับง่ายมาก ซึ่งปัจจุบันรถประเภทนี้จะมีเครื่องยนต์ที่เป็นแบบพ่วง Turbo มาแล้วก็ยิ่งทำให้อัตราเร่งค่อนข้างดีและคล่องตัวสูงพร้อมกับอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีขึ้น

นอกจากนี้แล้วรถ Eco Car ก็ยังมีค่าบำรุงรักษาต่ำเนื่องจากมีจำนวนอะไหล่น้อยชิ้นกว่ารถประเภทอื่น และเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมืองมากที่สุด เช่น Honda City 1.0 Turbo ที่มีอัตราสิ้นเปลืองที่ 23.3 กิโลเมตร/ลิตร และ Nissan Almera 1.0 Turbo ที่มีอัตราสิ้นเปลืองที่ 23.3 กิโลเมตร/ลิตร เป็นต้น

อ่านเพิ่มเติม : เครื่อง NA คืออะไร ต่างจากเครื่อง Turbo ไหม แบบไหนดีกว่ากัน?

รถ Hybrid

รถ Hybrid เป็นรถยนต์ที่ใช้ขุมพลัง 2 ระบบ คือ เครื่องยนต์สันดาปที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าจ่ายไฟโดยแบตเตอรีเพื่อขับเคลื่อนรถยนต์ ซึ่งรถยนต์ไฮบริดจะไม่สามารถชาร์จไฟจากแหล่งจ่ายไฟภายนอกได้ แต่จะสามารถชาร์จไฟจากการเบรกรวมถึงการชะลอความเร็วได้ ทำให้ไม่มีความยุ่งยากเรื่องการชาร์จไฟและประหยัดน้ำมันได้ดีมาก

ซึ่งรถยนต์ Hybrid นั้นจะไม่ได้มีแค่รถยนต์ขนาดกระทัดรัดแต่ยังมีไปถึงรถ SUV หรือ รถเนกประสงค์ขนาดใหญ่เลยทีเดียว นั่นก็ทำให้รถ Hybrid มีจุดเด่นที่ความประหยัดและความอเนกประสงค์ที่สูงมาก ยกตัวอย่างเช่น Toyota C-HR ที่เป็นรถยนต์ขนาด B-SUV หรือ Crossover SUV เครื่อง 1.8 Hybrid ก็ให้อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 23.3 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งพอๆ กับ Eco Car เลย

อ่านเพิ่มเติม : ไขข้อข้องใจ รถยนต์มีกี่ประเภทกันแน่?

รถ Plug in Hybrid

รถ Plug in Hybrid เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินที่ใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้ามาทำงานร่วมกับเครื่องยนต์สันดาปภายใน หรือก็คือรถยนต์ที่ใช้ได้ทั้งพลังงานไฟฟ้าและน้ำมัน ซึ่งแหล่งพลังงานของรถแบบนี้จะมาจากเครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีการสะสมไฟฟ้าจากการชาร์จที่สถานีจ่ายไฟหรือการเสียบชาร์จจากไฟบ้านโดยตรงนั่นเอง

ซึ่งข้อดีของรถแบบนี้คือจะมีสมรรถนะที่ดี ประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงได้ดีเยี่ยม ชาร์จพลังงานไฟฟ้าได้ สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าล้วนได้มีประสิทธิภาพมากกว่ารถ Hybrid และแน่นอนว่าระบบนี้เองก็มีตั้งแต่รถคันเล็กๆ ไปจนถึงรถครอบครัวเลย เช่น Mitsubishi Outlander Phev ที่มีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 16.6 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าสำหรับรถครอบครัวไซส์ใหญ่และน้ำหนักตัวเยอะแบบนี้ มันก็ค่อนข้างประหยัดมาก

อ่านเพิ่มเติม : Plug in Hybrid คืออะไร ต่างจากรถไฮบริดทั่วไปอย่างไร?

รถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ต้องชาร์จไฟ?

กับอีกหนึ่งระบบที่น่าสนใจมาก คือ รถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ต้องชาร์จไฟ นั่นก็คือระบบ e-Power ของ Nissan Kicks ซึ่งเขาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในอยู่ด้วย แต่ทว่าเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร 3 สูบ นั้นไม่ได้มีหน้าที่ในการขับเคลื่อนตัวรถแต่อย่างใด มีหน้าที่เพียงปั่นไฟให้แบตเตอรีของระบบ e-Power เท่านั้น และขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วน 100% เหมือนกับรถยนต์ไฟฟ้า แต่เราไม่ต้งชาร์จไฟเลย

ข้อดีของ Nissan Kicks ที่มาพร้อมระบบ e-Power คือ เป็นรถ B-SUV หรือ Crossover SUV ที่มีความอเนกประสงค์สูง ให้อัตราเร่งที่เร้าใจเหมือนรถยนต์ไฟฟ้า แต่ไม่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งาน เพียงแค่เติมน้ำตอนมันหมดเท่านั้นเอง เหมือนกับเราใช้รถเครื่องสันดาปเลย ให้อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 23.8 กิโลเมตร/ลิตร เลยทีเดียว ประหยัดเหมือนรถ Hybrid แต่ได้สมรรถนะดีแบบรถยนต์ไฟฟ้าเลย

อ่านเพิ่มเติม : Nissan Kicks e-Power รถที่เหมาะกับช่วงเปลี่ยนผ่านสู่รถไฟฟ้า 100%

เราควรเลือกซื้อรถยนต์ประเภทไหน

เมื่ออ่านมาถึงจุดนี้แล้วหลายๆ คนก็อาจจะตัดสินใจยากว่าในยุคนี้เราจะเลือกรถยนต์ประเภทไหนดี ส่วนตัวมองว่าเราควรเลือกรถจากการใช้งานเป็นหลัก แต่อาจจะมีเป้าในใจไว้ว่าเราต้องการรถยนต์ที่มีความประหยัดน้ำมันและประหยัดค่าใช้จ่ายของเราไปด้วย

ซึ่งถ้าเราเป็นคนที่ต้องการรถยนต์ที่ใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดี มีความคล่องตัวสูง ขับง่าย และ ประหยัดน้ำมัน รถ Eco Car ก็เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะเราเพียงต้องการรถใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างการขับในเมืองที่มีสภาพการจราจรติดขัด ขับรถไปทำงาน หรือ ขับไปหากาแฟดื่มในวันเสาร์อาทิตย์ แค่ Eco Car ก็ตอบโจทย์แล้ว

ถ้าหากต้องการรถยนต์ที่มีความอเนกประสงค์สูงและประหยัดน้ำมันไปในตัว ขับในเมืองก็ได้ขับต่างจังหวัดก็ดี แต่ว่าเราอาจจะอยู่คอนโด หรือ อพาร์ทเม้นท์ ไม่ได้อยู่บ้านหรือห่างไกลจากจุดชาร์จไฟ ก็แนะนำว่าให้เลือกรถยนต์ Hybrid เพราะรถยนต์แบบนี้มีความอเนกประสงค์สูงและไม่ต้องพึ่งพาการชาร์จไฟ

หากต้องการรถยนต์ที่มีความอเนกประสงค์สูงและประหยัดน้ำมันและที่พักอาศัยของเราเป็นบ้านส่วนตัว มีที่ชาร์จไฟที่บ้าน หรือ มีสถานีชาร์จไฟใกล้บ้านทำให้เราสะดวกในการชาร์จ ก็แนะนำว่าเป็นรถยนต์ประเภท Plug in Hybrid ก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเลยก็กว่าได้ เพราะสมรรถนะค่อนข้างดีกว่ารถยนต์ Hybrid

แต่สำหรับใครที่อยากใช้รถยนต์ไฟฟ้าแต่ยังไม่ได้เปิดใจให้กับรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าในหลายๆ ด้าน ก็แนะนำว่าให้ลองเปิดใจให้กับรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ต้องชาร์จไฟฟ้าอย่าง Nissan Kicks e-Power เพราะรถคันนี้จะทำให้คุณได้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบบที่ไม่ต้องพยายามเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานเลยครับ

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง one2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com