หน้าแรก บทความ เรื่องเด่น รีวิว Jeep Gladiator ที่สุดของกระบะออฟโรด รีวิว Jeep Gladiator ที่สุดของกระบะออฟโรด เรื่องเด่น Pakkawat Unchalee | 17 January 2567 17:27 เจ้าพ่อรถออฟโรดอย่าง Jeep เองก็มีรถกระบะด้วยนะ ในรุ่น Jeep Gladiator วันนี้เราพามาทำความรู้จักกับเจ้าพ่อกระบะสายออฟโรดที่แท้จริงคันนี้กัน! ทำความรู้จักกับ Jeep Gladiator ปกติถ้าเราพูดถึงรถกระบะสายออฟโรดเราอาจจะนึกถึง Ford Ranger Raptor หรือไม่ก็ Toyota Revo Rocco ใช่ไหม แต่จริงๆ แล้ว Jeep Gladiator นี่แหละคือรถกระบะเจ้าพ่อทางออฟโรดที่แท้จริง เพราะเขามีออปชันเด็ดหลายอย่างที่รถกระบะออฟโรดทั่วๆ ไปทำไม่ได้หลายอย่างเลยทีเดียว Jeep Gladiator คือรถกระบะที่มี DNA ความลุยแหลกตามแบบฉบับของ Jeep ที่ทุกคนรู้จักมากอย่างเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาที่เหมือนรถทหาร การดีไซน์ทรงกล่องที่เป็นเอกลักษณ์ หรือ การถอดประตูและหน้าตาออกให้เหลือตัวรถเปลือยๆ เพื่อรับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ ด้วยความที่ Gladiator ถูกพัฒนามาจาก Wrangler มันก็เลยทำให้มันเป็นรถกระบะที่ทำลายข้อจำกัดในการบุกตะลุยของ Wrangler ไปได้ คือเป็นรถที่มีความสามารถในการลุยได้ทุกทีบนโลกนี้พร้อมไปกับการบรรทุกของหนักได้อย่างเต็มพิกัดด้วย ถ้าทุกคนว่า Jeep Wrangler ที่เราเคยเขียนรีวิวไป มันบ้าพลังแล้ว คุณต้องมาเจอ Jeep Gladiator บอกเลย ของแทร่! อ่านเพิ่มเติม : รีวิว Jeep Wrangler Rubicon ราชาแห่งรถออฟโรดที่แท้จริง มิติตัวถังของ Jeep Gladiator Jeep Gladiator ถูกพัฒนาโดยใช้พื้นฐานจากแพลตฟอร์มของ Jeep Wrangler โดยจะมีรูปทรงเป็นรถกระบะขนาดกลาง ซึ่งเอาจริงๆ แล้วมันดูบึกบึนและใหญ่โตกว่าการเป็นรถกระบะขนาดกลางเสียอีก โดยจะมีมิติตัวถังที่ใกล้เคียงกันกับ Jeep Wrangler ที่พิกัด ยาว 5,539 มม. กว้าง 1,875 มม. ความสูง 1,857 มม. ฐานล้อ 3,487 มม. น้ำหนักตัวรถ 2,141 กก. ความจุถังน้ำมัน 83 ลิตร กระบะท้ายบรรทุกได้ 725 กก. ลากจูงได้ 3,470 กก. อ่านเพิ่มเติม : รวม 5 รถออฟโรด มือสอง สำหรับสายลุย ไม่คุยให้เสียเวลา! เครื่องยนต์ของ Jeep Gladiator สำหรับ Jeep Gladiator จะมีทั้งหมด 2 เครื่องยนต์ ซึ่งเป็นเครื่อง V6 แบบ NA ไม่มีระบบอัดอากาศ แต่ให้พละกำลังที่น่าเหลือเชื่อในการขับแบบลุยแหลกแหวกทางฝุ่น เครื่องยนต์เบนซิน แบบ V6 ขนาด 3.6 ลิตร Pentastar กำลังสูงสุด 285 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 352 นิวตันเมตร มาพร้อมกับระบบดับและสตาร์ทเครื่องยนต์อัตโนมัติ จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือ เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4WD เครื่องยนต์ดีเซล แบบ V6 ขนาด 3.0 ลิตร EcoDiesel กำลังสูงสุด 260 แรงม้า แรงบิด 599 นิวตันเมตร มาพร้อมกับระบบดับและสตาร์ทเครื่องยนต์อัตโนมัติ จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4WD แน่นอนว่าทั้งสองเครื่องยนต์ใช้ลุยได้เหมือนกัน แต่จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันคือ บนทางเรียบตัวเครื่องยนต์เบนซินจะใหกำลังที่ดีและแรงกว่า ส่วนตัวที่เป็นเครื่องยนต์ดีเซลจะให้แรงบิดมหาศาลกว่าจึงใช้งานลุยแบบดิบเถื่อนมากกว่าครับ อ่านเพิ่มเติม เครื่อง NA คืออะไร ต่างจาก Turbo ยังไง เลือกแบบไหนดี ระบบขับเคลื่อนรถยนต์แบบ FWD RWD AWD และ 4WD คืออะไร แตกต่างกันไหม Jeep Gladiator น่าซื้อไหม? “ถ้าหากว่าคุณเป็นวัยรุ่นดูไบสายออฟโรดอย่างแท้จริงมันคงไม่มีรถกระบะคันไหนตอบโจทย์ได้ดีเท่า Jeep Gladiator แล้วนะในความคิดผม” Jeep Gladiator เขาเป็นรถยนต์ที่มีเอกลักษณ์สูงมาก และทำมาเพื่อให้ใช้งานได้อย่างครอบคลุมตั้งแต่ขับในเมืองไปจนถึงการลุยทางออฟโรดที่โหดร้าย แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ความเจ๋งก็ต้องมาพร้อมกับราคาที่สูงและค่าน้ำมันที่ปวดใจเช่นกัน อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 8.4 กม./ล. เลยทีเดียว ทำไม Jeep Gladiator ถึงน่าซื้อ? ความน่าซื้อและความเจ๋งของเขาที่ไม่มีค่ายไหนทำได้คือการเปลือยกาย เขาสามารถถอดประตูกับหลังคาออกได้จนเหลือแต่โครงสร้างตัวถัง กระจกด้านหน้าเองก็ยังสามารถเปิดออกได้ นั่นก็เพราะความเป็นสัญชาติอเมริกันนั้นมันแรง ความอิสระ ความไม่ยึดติด การลงมือทำทุกอย่างด้วยมือของตนเอง และ การสัมผัสธรรมชาติอย่างแท้จริง คุณจะได้พบเจอกับสิ่งเหล่านี้แน่นอนถ้าคุณขับ Jeep Gladiator สิ่งที่เจ๋งจริงๆ สำหรับรถออฟโรดที่ไม่มีค่ายไหนทำได้โหดและดิบเถื่อนเท่าเขาคือเรื่องฟังก์ชันการใช้งานแบบออฟโรดอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อที่ทรงพลังที่เป็นแบบ Diff-Lock ไฟฟ้า ฟังก์ชันการล็อคเฟือง ฟังก์ชันปลดเหล็กกันโคลงอย่าง Sway Bar มีหน้าจอที่แสดงข้อมูลการขับขี่ที่เกี่ยวข้องกับการขับแบบออฟโรด และ ตัวระบบช่วยเหลืออีกมากมายที่ทำให้เขาข้ามผ่านได้ทุกสภาพเส้นทางจริงๆ ตัวช่วยในการออกตัวบนทางลาดชันของ Jeep Gladiator ต้องบอกว่าพละกำลังมหาศาลจริงๆ มันมหาศาลจนถึงขนาดที่ว่าเมื่อเราเจอเนินที่ชันมากเพียงใด ชันแบบหน้าชี้ฟ้า ชันแบบหัวทิ่มดินท้ายชี้ฟ้า คุณก็สามารถผ่านไปได้แค่กดเพียงปุ่มเดียว คุณแทบไม่ต้องใช้คันเร่งเลย ตัวรถจะชะลอและค่อยๆ เคลื่อนลงเนินอย่างปลอดภัยให้คุณเอง และเมื่อขึ้นเนินออฟโรดที่ชันมากๆ แบบหน้าชี้ฟ้าแค่ปุ่มเดียวก็ทำให้คุณไต่เนินผ่านไปได้อย่างสบายๆ โดยที่ไม่ต้องเหยียบคันเร่ง แค่ประคองพวงมาลัยและมองหน้าจอกลางเพื่อดูทางข้างหน้าก็พอแล้ว Jeep Gladiator ลุยได้ขนาดไหน? ถ้าถามว่าลุยได้ขนาดไหน ตอบเลย ได้หมด! ยกเว้นขับลงก้นทะเลลึกกับกลางแม้น้ำสายใหญ่ๆ ครับ นอกเหนือจากนี้จะขับไต่ขึ้นภูเข้าไฟยังทำได้เลย! ผมไม่ได้เวอร์แค่อย่างใด แต่เขาสามารถทำได้จริงๆ ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Diff-Lock ไฟฟ้า เครื่องยนต์ที่ทรงพลัง และ Sway Bar ที่เป็นตัวชูโรง ทางชัน ทางเละ ทางองศาเอียงจนรถคันอื่นจะคว่ำ Jeep Gladiator จะผ่านไปได้หมดและไม่คว่ำอย่างแน่นอน ด้วยระบบขับเคลื่อนแบบ 4x4 ที่ส่งพละกำลังลงสู่ล้อทั้ง 4 ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ทำให้รถยนต์รุ่นนี้มีแรงและมีพละกำลังมากพอที่จะผ่านทุกเส้นทางได้ อีกทั้งยังมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 โหมด ที่ปรับให้เหมาะสมกับเส้นทางได้ ประกอบด้วย 2H, 4H Auto, 4H Part Time และ 4L อีกทั้งตัวการเปลี่ยนโหมดขับเคลื่อนยังถูกออกแบบให้ใช้งานคล้ายหัวเกียร์แมนนวลด้วย ให้ฟิลลิ่งแบบดิบๆ สนุกๆ อ่านเพิ่มเติม : ระบบขับเคลื่อน 4WD คืออะไร ใช้งานแบบไหนให้เหมาะสม Jeep Gladiator ยังมีปุ่มพิเศษอย่าง Sway Bar ด้วย ซึ่งถ้าเรากดปุ่มนี้ไปแล้วระบบก็จะทำการตัดการเชื่อมต่อของเหล็กกันโคลงด้านหน้าออก ประโยชน์ของมันคือเอาไว้ใช้เมื่อต้องขับผ่านเส้นทางที่เป็นเนินสลับหรือเนินที่มีความลาดเอียงสูงๆ หรือใช้ในกรณีที่ช่วงล่างติดเนินจนล้อแขวนลอย แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ผู้ขับต้องเจอกันทุกคนกับสภาพเส้นทางออฟโรด เมื่อเรากดปุ่ม Sway Bar ก็จะทำให้ล้อรถทิ้งตัวลงพื้นได้อย่างเป็นอิสระ ล้อจะติดพื้นตลอดช่วยให้ตัวรถเราเกาะติดกับเส้นทางและช่วยพยุงรถให้ผ่านเส้นทางที่เป็นอุปสรรคได้อย่างง่ายดาย และรู้สึกได้ถึงความปลอดภัยในการขับขี่เพราะนอกจากล้อจะติดพื้นตลอดแล้วก็ยังมีการทำงานของ Traction Control ตลอดด้วย มันทำให้ Jeep Gladiator มีโอกาสที่จะพลิกคว่ำต่ำมาก อ่านเพิ่มเติม : ระบบ Traction Control คืออะไร มีไว้ในรถดีหรือเปล่า? และอีกหนึ่งระบบที่ทำให้เขาเป็นกระบะตัวลุยดิบเถื่อนนั่นก็คือระบบ Tru-Lok ซึ่งใช้ได้ง่ายเพียงแค่กดไปที่ปุ่มปุ่มเดียว ตัวระบบ Tru-Lok จะเป็นระบบล็อคเฟืองท้ายซึ่งสามารถล็อคได้ทั้งเฟืองหน้าและเฟืองหลัง สำหรับเวลาที่ต้องการใช้กำลังความเร็วแรงในเส้นทางโหดๆ ระบบล็อคเฟืองท้ายแบบอิเล็กทรอนิกส์จะช่วยให้ล้อทั้ง 4 หมุนด้วยความเร็วระดับเดียวกันตลอดเวลา เพิ่มความสามารถในการควบคุมตัวรถและเพิ่มแรงตะกุยเส้นทางที่โหดร้ายได้ดีขึ้นเป็นอีกระดับ ซึ่งจะใช้ได้ดีในตอนติดบ่อโคลน การข้ามแม่น้ำลำธาร หรือติดหลุมต่างๆ ในสภาพเส้นทางแบบออฟโรด การออกแบบภายในที่ดีของ Jeep Gladiator การออกแบบภายในของ Jeep Gladiator ถึงแม้ว่าจะเป็นรถที่แพงมากแต่ก็ยังได้เบาะแบบปรับอัตโนมืออยู่นะ แต่ว่าไม่ใช่เพราะเขากั๊กแต่อย่างใด เขาคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารและผู้ขับขี่ต่างหาก เหตุผลนั่นก็เป็นเพราะว่ารถยนต์คันนี้สามารถลุยน้ำลึกได้มากถึง 70 ซม. อย่างสบายๆ และแน่นอนด้วยความลึกแบบนี้มันทำให้น้ำเข้ามาถึงห้องโดยสารแน่ๆ ระบบไฟฟ้าทุกอย่างรวมถึงลำโพงจึงอยู่สูงมาก รวมถึงตัวเบาะที่เป็นระบบปรับมือก็เพราะเขากลัวว่าระบบไฟฟ้าจะเสียหายจากการลุยได้ อีกการออกแบบที่ดีก็คือเขามีการย้ายปุ่มควบคุมต่างๆ มาไว้ที่บริเวณคอนโซลกลางทั้งหมด นั่นก็เพราะประตูและหน้าต่างของรถยนต์คันนี้สามารถถอดออกได้ด้วยตัวเอง อีกทั้งการย้ายปุ่มต่างๆ มาไว้ที่คอนโซลกลางยังทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายแม้กระทั่งในสถานการณ์ที่เรากำลังขับอยู่บนเส้นทางออฟโรดที่โหดร้าย หน้าจอกลางของ Jeep Gladiator เอื้อต่อการลุย! ตัวหน้าจอ 8.4 นิ้ว ตรงคอนโซลกลางเป็นตัวเด่นของภายใน เพราะจอนี้สามารถดูค่าต่างๆ ได้ทั้งหมด จอ 8.4 นิ้ว ที่คอนโซลกลางจะมีหน้าฟังก์ชัน Off Road Pages สามารถเป็นตัวช่วยที่ดีให้กับเราได้ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นหน้า Pitch & Roll ที่เป็นการดูระดับองศาความเอียงความชันของรถ และอื่นๆ อีกมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อการขับออฟโรด อีกส่วนที่สำคัญและดีไม่แพ้กันคือ Trai lCam ซึ่งเป็นการใช้กล้องในการไกด์ไลน์เส้นทางการขับขี่และมุมองศาการเลี้ยวและบังคับรถ หน้านี้ใช้เพื่อเป็นไกด์ไลน์เส้นทางขับการเลี้ยวรถบนภาพจริงด้านหน้าที่เราอาจมองไม่เห็นจากสถานการณ์ต่างๆ แม้ว่าในบางจุดเราจะมองไม่เห็นพื้นหรือทางข้างหน้าเลยแต่ฟังก์ชันเหล่านี้ก็สามารถเป็นตัวช่วยให้เราขับผ่านจุดต่างๆ ไปได้อย่างปลอดภัยครับ Jeep Gladiator น่าซื้อไหม ขับดีหรือเปล่า? ถ้าเรารวยและเป็นวัยรุ่นดูไบที่พอจะมองข้ามเรื่องการกินน้ำมันดุดันไปได้ก็ต้องบอกว่าเป็นรถยนต์ที่ขับดีมาก ที่ขับดีมากก็เพราะว่ามันคือรถยนต์ที่ใช้งานได้หลากหลายและขับดีตั้งแต่ในเมืองไปจนถึงการลุยหนักและการบรรทุกของ แต่ในเรื่องของการเก็บเสียงนั้นทำได้ไม่ดีเลย นี่เป็นข้อเสียใหญ่ของ Jeep Gladiator เหตุที่ทำให้รถยนต์คันนี้เก็บเสียได้ไม่ค่อยดีนั่นก็เป็นเพราะตัวรถยนต์ที่สามารถถอดประกอบได้นี่แหละครับ กรณีเดียวกับพวกรถยนต์เปิดประทุนเลย อีกอย่างคือล้อและยางที่ใช้นั้นเป็นยางขนาดใหญ่แบบ All-Terrain ซึ่งเป็นยางออฟโรดเวลาวิ่งทางราบจึงจะมีเสียงดังกว่ายางปกติครับ คือถ้าคุณรับเรื่องการกินน้ำมันกับเรื่องเสียงที่จะเข้ามาภายในห้องโดยสารได้ต้องบอกเลยว่า Jeep Gladiator เป็นรถกระบะที่ช่วงล่างดีมาก แน่น เฟิร์ม แข็งแกร่ง เอาถนนอยู่ และ พร้อมลุยทุกสภาพเส้นทาง ตัวระบบต่างๆ ออกแบบมาดีจนมันทำให้คุณกล้าใช้งานเจ้ารถกระบะคันนี้ได้อย่างเต็มที่แน่นอน และใช้งานได้อย่างปลอดภัยด้วยครับ อ่านเพิ่มเติม : เลือกขนาดยางรถยนต์ ยังไง? ให้เหมาะกับรถของเรา Jeep Gladiator มือสอง ราคาเท่าไหร่ สำหรับใครที่สอนใจ Jeep Gladiator มือสอง ใน one2car เองก็มีเช่นกัน หรือถ้าใครที่คิดว่า Jeep Gladiator ที่เป็นรถกระบะนั้นมันทรงไม่ใช่แนวเราเท่าไหร่ แต่อยากได้รถที่ลุยแบบโหดร้ายเทียบเท่ากันได้ ก็แนะนำว่าให้เลือกดูที่ Jeep Wrangler มือสอง รับรองว่าโหดเช่นกัน! เรารวมมาให้คุณได้เลือกแล้วที่ด้านล่างนี้ครับ Jeep Gladiator มือสอง Jeep Gladiator มือสอง เริ่มต้น 4,360,000 บาท Jeep Wrangler มือสอง Jeep Wrangler 2.0 Rubicon มือสอง เริ่มต้น 4,488,000 บาท Jeep Wrangler 2.8 CRD มือสอง เริ่มต้น 2,599,000 บาท Jeep Wrangler 2.8 Unlimited CRD มือสอง เริ่มต้น 2,390,000 บาท ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง one2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com ✕ ใช้การติดต่อผ่านไลน์ เราปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณตาม PDPA ฉันยอมรับ ข้อกำหนดการใช้งาน และ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของ One2car.com ฉันยินยอมให้ One2car.com และผู้ขายรายการประกาศติดต่อทางไลน์ ตรวจสอบข้อเสนอรถที่ดีที่สุด! Prev Next ข้อเสนอพิเศษ - โทรในขณะนี้! วัน ชม ราคาเฉลี่ย ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด I ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด แท็กที่เกี่ยวข้อง รีวิว Jeep Gladiator JEEP GLADIATOR Jeep Gladiator Rubicon รถ Jeep รถ Jeep มือสอง รถกระบะมือสอง รถกระบะออฟโรด รถออฟโรด รถกระบะ Jeep Jeep Wrangler มือสอง Jeep Wrangler Rubicon มือสอง รถ Off-Road Off-Road พิมพ์ Pakkawat Unchalee Content Writer เริ่มต้นจากการเป็นนักเขียนแห่งวงการจักรยานระดับไฮเอนด์ สู่การเป็นนักเขียนของเว็บไซต์รถยนต์มือสองอันดับหนึ่งอย่าง one2car ถึงแม้จะมีความถนัดเรื่องจักรยานระดับไฮเอนด์เป็นพิเศษ แต่เรื่องรถยนต์ก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน หวังว่าทุกท่านจะเพลิดเพลินไปกับบทความที่ถูกเขียนโดยการจิ้มแป้นพิมพ์ของผมครับ ข่าวฟีเจอร์ โหรดังแนะ! ฤกษ์ออกรถ 2568 เคาะวันเงินปัง งานรุ่ง ชีวิตพุ่งแรง ข่าววงการรถยนต์ Chuenkamon Phasuk | 26 November 2567 one2car ร่วมกับ “อาจารย์วิช ธรรมสถิตบุณณ์” แนะนำ ฤกษ์ออกรถปี 2568 ครบทุกเดือน วันไหนมงคล เรียกทรัพย์ มารับฤกษ์ได้เลยออกรถวันไหนดีปี 2568 ซินแสเผย! ... 7 รถเก๋งประหยัดน้ำมัน ราคาถูก 2025 ลองขับแล้ว คุ้มสมชื่อ! เรื่องเด่น Chuenkamon Phasuk | 26 November 2567 รถเก๋งรุ่นไหนประหยัดน้ำมัน คุ้มราคา น่าใช้ในปี 2568พูดถึงรถเก๋งประหยัดน้ำมัน หลายคนน่าจะนึกถึงรถเล็ก ไม่ก็ Eco car ... Altis กับ Camry มือสอง คันไหนตอบโจทย์คุณมากกว่า เรื่องเด่น Pakkawat Unchalee | 26 November 2567 Altis กับ Camry มือสอง คู่นี้เลือกไม่ยาก แต่ถ้าให้เลือกแค่คันเดียว จะเลือกคันไหนให้มันตอบโจทย์เราที่สุดล่ะ มาดูไปพร้อมๆ กันครับAltis กับ Camry ... M-Flow จ่ายเงิน ไม่ลงทะเบียน ทำยังไง? ต้องจ่ายภายในกี่วัน? เรื่องเด่น Kumpolpat Banlungrattana | 26 November 2567 ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบขับรถไปต่างจังหวัดแน่นอนว่าคุณต้องเคยเจอ หรือ เคยผ่านด่าน M Flow มาแล้วบ้าง แต่สำหรับใครที่เผลอขับเข้าไปใน M Flow ... เเสดงความคิดเห็น
รีวิว Jeep Gladiator ที่สุดของกระบะออฟโรด เรื่องเด่น Pakkawat Unchalee | 17 January 2567 17:27 เจ้าพ่อรถออฟโรดอย่าง Jeep เองก็มีรถกระบะด้วยนะ ในรุ่น Jeep Gladiator วันนี้เราพามาทำความรู้จักกับเจ้าพ่อกระบะสายออฟโรดที่แท้จริงคันนี้กัน! ทำความรู้จักกับ Jeep Gladiator ปกติถ้าเราพูดถึงรถกระบะสายออฟโรดเราอาจจะนึกถึง Ford Ranger Raptor หรือไม่ก็ Toyota Revo Rocco ใช่ไหม แต่จริงๆ แล้ว Jeep Gladiator นี่แหละคือรถกระบะเจ้าพ่อทางออฟโรดที่แท้จริง เพราะเขามีออปชันเด็ดหลายอย่างที่รถกระบะออฟโรดทั่วๆ ไปทำไม่ได้หลายอย่างเลยทีเดียว Jeep Gladiator คือรถกระบะที่มี DNA ความลุยแหลกตามแบบฉบับของ Jeep ที่ทุกคนรู้จักมากอย่างเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาที่เหมือนรถทหาร การดีไซน์ทรงกล่องที่เป็นเอกลักษณ์ หรือ การถอดประตูและหน้าตาออกให้เหลือตัวรถเปลือยๆ เพื่อรับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ ด้วยความที่ Gladiator ถูกพัฒนามาจาก Wrangler มันก็เลยทำให้มันเป็นรถกระบะที่ทำลายข้อจำกัดในการบุกตะลุยของ Wrangler ไปได้ คือเป็นรถที่มีความสามารถในการลุยได้ทุกทีบนโลกนี้พร้อมไปกับการบรรทุกของหนักได้อย่างเต็มพิกัดด้วย ถ้าทุกคนว่า Jeep Wrangler ที่เราเคยเขียนรีวิวไป มันบ้าพลังแล้ว คุณต้องมาเจอ Jeep Gladiator บอกเลย ของแทร่! อ่านเพิ่มเติม : รีวิว Jeep Wrangler Rubicon ราชาแห่งรถออฟโรดที่แท้จริง มิติตัวถังของ Jeep Gladiator Jeep Gladiator ถูกพัฒนาโดยใช้พื้นฐานจากแพลตฟอร์มของ Jeep Wrangler โดยจะมีรูปทรงเป็นรถกระบะขนาดกลาง ซึ่งเอาจริงๆ แล้วมันดูบึกบึนและใหญ่โตกว่าการเป็นรถกระบะขนาดกลางเสียอีก โดยจะมีมิติตัวถังที่ใกล้เคียงกันกับ Jeep Wrangler ที่พิกัด ยาว 5,539 มม. กว้าง 1,875 มม. ความสูง 1,857 มม. ฐานล้อ 3,487 มม. น้ำหนักตัวรถ 2,141 กก. ความจุถังน้ำมัน 83 ลิตร กระบะท้ายบรรทุกได้ 725 กก. ลากจูงได้ 3,470 กก. อ่านเพิ่มเติม : รวม 5 รถออฟโรด มือสอง สำหรับสายลุย ไม่คุยให้เสียเวลา! เครื่องยนต์ของ Jeep Gladiator สำหรับ Jeep Gladiator จะมีทั้งหมด 2 เครื่องยนต์ ซึ่งเป็นเครื่อง V6 แบบ NA ไม่มีระบบอัดอากาศ แต่ให้พละกำลังที่น่าเหลือเชื่อในการขับแบบลุยแหลกแหวกทางฝุ่น เครื่องยนต์เบนซิน แบบ V6 ขนาด 3.6 ลิตร Pentastar กำลังสูงสุด 285 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 352 นิวตันเมตร มาพร้อมกับระบบดับและสตาร์ทเครื่องยนต์อัตโนมัติ จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือ เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4WD เครื่องยนต์ดีเซล แบบ V6 ขนาด 3.0 ลิตร EcoDiesel กำลังสูงสุด 260 แรงม้า แรงบิด 599 นิวตันเมตร มาพร้อมกับระบบดับและสตาร์ทเครื่องยนต์อัตโนมัติ จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4WD แน่นอนว่าทั้งสองเครื่องยนต์ใช้ลุยได้เหมือนกัน แต่จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันคือ บนทางเรียบตัวเครื่องยนต์เบนซินจะใหกำลังที่ดีและแรงกว่า ส่วนตัวที่เป็นเครื่องยนต์ดีเซลจะให้แรงบิดมหาศาลกว่าจึงใช้งานลุยแบบดิบเถื่อนมากกว่าครับ อ่านเพิ่มเติม เครื่อง NA คืออะไร ต่างจาก Turbo ยังไง เลือกแบบไหนดี ระบบขับเคลื่อนรถยนต์แบบ FWD RWD AWD และ 4WD คืออะไร แตกต่างกันไหม Jeep Gladiator น่าซื้อไหม? “ถ้าหากว่าคุณเป็นวัยรุ่นดูไบสายออฟโรดอย่างแท้จริงมันคงไม่มีรถกระบะคันไหนตอบโจทย์ได้ดีเท่า Jeep Gladiator แล้วนะในความคิดผม” Jeep Gladiator เขาเป็นรถยนต์ที่มีเอกลักษณ์สูงมาก และทำมาเพื่อให้ใช้งานได้อย่างครอบคลุมตั้งแต่ขับในเมืองไปจนถึงการลุยทางออฟโรดที่โหดร้าย แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ความเจ๋งก็ต้องมาพร้อมกับราคาที่สูงและค่าน้ำมันที่ปวดใจเช่นกัน อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 8.4 กม./ล. เลยทีเดียว ทำไม Jeep Gladiator ถึงน่าซื้อ? ความน่าซื้อและความเจ๋งของเขาที่ไม่มีค่ายไหนทำได้คือการเปลือยกาย เขาสามารถถอดประตูกับหลังคาออกได้จนเหลือแต่โครงสร้างตัวถัง กระจกด้านหน้าเองก็ยังสามารถเปิดออกได้ นั่นก็เพราะความเป็นสัญชาติอเมริกันนั้นมันแรง ความอิสระ ความไม่ยึดติด การลงมือทำทุกอย่างด้วยมือของตนเอง และ การสัมผัสธรรมชาติอย่างแท้จริง คุณจะได้พบเจอกับสิ่งเหล่านี้แน่นอนถ้าคุณขับ Jeep Gladiator สิ่งที่เจ๋งจริงๆ สำหรับรถออฟโรดที่ไม่มีค่ายไหนทำได้โหดและดิบเถื่อนเท่าเขาคือเรื่องฟังก์ชันการใช้งานแบบออฟโรดอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อที่ทรงพลังที่เป็นแบบ Diff-Lock ไฟฟ้า ฟังก์ชันการล็อคเฟือง ฟังก์ชันปลดเหล็กกันโคลงอย่าง Sway Bar มีหน้าจอที่แสดงข้อมูลการขับขี่ที่เกี่ยวข้องกับการขับแบบออฟโรด และ ตัวระบบช่วยเหลืออีกมากมายที่ทำให้เขาข้ามผ่านได้ทุกสภาพเส้นทางจริงๆ ตัวช่วยในการออกตัวบนทางลาดชันของ Jeep Gladiator ต้องบอกว่าพละกำลังมหาศาลจริงๆ มันมหาศาลจนถึงขนาดที่ว่าเมื่อเราเจอเนินที่ชันมากเพียงใด ชันแบบหน้าชี้ฟ้า ชันแบบหัวทิ่มดินท้ายชี้ฟ้า คุณก็สามารถผ่านไปได้แค่กดเพียงปุ่มเดียว คุณแทบไม่ต้องใช้คันเร่งเลย ตัวรถจะชะลอและค่อยๆ เคลื่อนลงเนินอย่างปลอดภัยให้คุณเอง และเมื่อขึ้นเนินออฟโรดที่ชันมากๆ แบบหน้าชี้ฟ้าแค่ปุ่มเดียวก็ทำให้คุณไต่เนินผ่านไปได้อย่างสบายๆ โดยที่ไม่ต้องเหยียบคันเร่ง แค่ประคองพวงมาลัยและมองหน้าจอกลางเพื่อดูทางข้างหน้าก็พอแล้ว Jeep Gladiator ลุยได้ขนาดไหน? ถ้าถามว่าลุยได้ขนาดไหน ตอบเลย ได้หมด! ยกเว้นขับลงก้นทะเลลึกกับกลางแม้น้ำสายใหญ่ๆ ครับ นอกเหนือจากนี้จะขับไต่ขึ้นภูเข้าไฟยังทำได้เลย! ผมไม่ได้เวอร์แค่อย่างใด แต่เขาสามารถทำได้จริงๆ ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Diff-Lock ไฟฟ้า เครื่องยนต์ที่ทรงพลัง และ Sway Bar ที่เป็นตัวชูโรง ทางชัน ทางเละ ทางองศาเอียงจนรถคันอื่นจะคว่ำ Jeep Gladiator จะผ่านไปได้หมดและไม่คว่ำอย่างแน่นอน ด้วยระบบขับเคลื่อนแบบ 4x4 ที่ส่งพละกำลังลงสู่ล้อทั้ง 4 ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ทำให้รถยนต์รุ่นนี้มีแรงและมีพละกำลังมากพอที่จะผ่านทุกเส้นทางได้ อีกทั้งยังมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 โหมด ที่ปรับให้เหมาะสมกับเส้นทางได้ ประกอบด้วย 2H, 4H Auto, 4H Part Time และ 4L อีกทั้งตัวการเปลี่ยนโหมดขับเคลื่อนยังถูกออกแบบให้ใช้งานคล้ายหัวเกียร์แมนนวลด้วย ให้ฟิลลิ่งแบบดิบๆ สนุกๆ อ่านเพิ่มเติม : ระบบขับเคลื่อน 4WD คืออะไร ใช้งานแบบไหนให้เหมาะสม Jeep Gladiator ยังมีปุ่มพิเศษอย่าง Sway Bar ด้วย ซึ่งถ้าเรากดปุ่มนี้ไปแล้วระบบก็จะทำการตัดการเชื่อมต่อของเหล็กกันโคลงด้านหน้าออก ประโยชน์ของมันคือเอาไว้ใช้เมื่อต้องขับผ่านเส้นทางที่เป็นเนินสลับหรือเนินที่มีความลาดเอียงสูงๆ หรือใช้ในกรณีที่ช่วงล่างติดเนินจนล้อแขวนลอย แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ผู้ขับต้องเจอกันทุกคนกับสภาพเส้นทางออฟโรด เมื่อเรากดปุ่ม Sway Bar ก็จะทำให้ล้อรถทิ้งตัวลงพื้นได้อย่างเป็นอิสระ ล้อจะติดพื้นตลอดช่วยให้ตัวรถเราเกาะติดกับเส้นทางและช่วยพยุงรถให้ผ่านเส้นทางที่เป็นอุปสรรคได้อย่างง่ายดาย และรู้สึกได้ถึงความปลอดภัยในการขับขี่เพราะนอกจากล้อจะติดพื้นตลอดแล้วก็ยังมีการทำงานของ Traction Control ตลอดด้วย มันทำให้ Jeep Gladiator มีโอกาสที่จะพลิกคว่ำต่ำมาก อ่านเพิ่มเติม : ระบบ Traction Control คืออะไร มีไว้ในรถดีหรือเปล่า? และอีกหนึ่งระบบที่ทำให้เขาเป็นกระบะตัวลุยดิบเถื่อนนั่นก็คือระบบ Tru-Lok ซึ่งใช้ได้ง่ายเพียงแค่กดไปที่ปุ่มปุ่มเดียว ตัวระบบ Tru-Lok จะเป็นระบบล็อคเฟืองท้ายซึ่งสามารถล็อคได้ทั้งเฟืองหน้าและเฟืองหลัง สำหรับเวลาที่ต้องการใช้กำลังความเร็วแรงในเส้นทางโหดๆ ระบบล็อคเฟืองท้ายแบบอิเล็กทรอนิกส์จะช่วยให้ล้อทั้ง 4 หมุนด้วยความเร็วระดับเดียวกันตลอดเวลา เพิ่มความสามารถในการควบคุมตัวรถและเพิ่มแรงตะกุยเส้นทางที่โหดร้ายได้ดีขึ้นเป็นอีกระดับ ซึ่งจะใช้ได้ดีในตอนติดบ่อโคลน การข้ามแม่น้ำลำธาร หรือติดหลุมต่างๆ ในสภาพเส้นทางแบบออฟโรด การออกแบบภายในที่ดีของ Jeep Gladiator การออกแบบภายในของ Jeep Gladiator ถึงแม้ว่าจะเป็นรถที่แพงมากแต่ก็ยังได้เบาะแบบปรับอัตโนมืออยู่นะ แต่ว่าไม่ใช่เพราะเขากั๊กแต่อย่างใด เขาคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารและผู้ขับขี่ต่างหาก เหตุผลนั่นก็เป็นเพราะว่ารถยนต์คันนี้สามารถลุยน้ำลึกได้มากถึง 70 ซม. อย่างสบายๆ และแน่นอนด้วยความลึกแบบนี้มันทำให้น้ำเข้ามาถึงห้องโดยสารแน่ๆ ระบบไฟฟ้าทุกอย่างรวมถึงลำโพงจึงอยู่สูงมาก รวมถึงตัวเบาะที่เป็นระบบปรับมือก็เพราะเขากลัวว่าระบบไฟฟ้าจะเสียหายจากการลุยได้ อีกการออกแบบที่ดีก็คือเขามีการย้ายปุ่มควบคุมต่างๆ มาไว้ที่บริเวณคอนโซลกลางทั้งหมด นั่นก็เพราะประตูและหน้าต่างของรถยนต์คันนี้สามารถถอดออกได้ด้วยตัวเอง อีกทั้งการย้ายปุ่มต่างๆ มาไว้ที่คอนโซลกลางยังทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายแม้กระทั่งในสถานการณ์ที่เรากำลังขับอยู่บนเส้นทางออฟโรดที่โหดร้าย หน้าจอกลางของ Jeep Gladiator เอื้อต่อการลุย! ตัวหน้าจอ 8.4 นิ้ว ตรงคอนโซลกลางเป็นตัวเด่นของภายใน เพราะจอนี้สามารถดูค่าต่างๆ ได้ทั้งหมด จอ 8.4 นิ้ว ที่คอนโซลกลางจะมีหน้าฟังก์ชัน Off Road Pages สามารถเป็นตัวช่วยที่ดีให้กับเราได้ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นหน้า Pitch & Roll ที่เป็นการดูระดับองศาความเอียงความชันของรถ และอื่นๆ อีกมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อการขับออฟโรด อีกส่วนที่สำคัญและดีไม่แพ้กันคือ Trai lCam ซึ่งเป็นการใช้กล้องในการไกด์ไลน์เส้นทางการขับขี่และมุมองศาการเลี้ยวและบังคับรถ หน้านี้ใช้เพื่อเป็นไกด์ไลน์เส้นทางขับการเลี้ยวรถบนภาพจริงด้านหน้าที่เราอาจมองไม่เห็นจากสถานการณ์ต่างๆ แม้ว่าในบางจุดเราจะมองไม่เห็นพื้นหรือทางข้างหน้าเลยแต่ฟังก์ชันเหล่านี้ก็สามารถเป็นตัวช่วยให้เราขับผ่านจุดต่างๆ ไปได้อย่างปลอดภัยครับ Jeep Gladiator น่าซื้อไหม ขับดีหรือเปล่า? ถ้าเรารวยและเป็นวัยรุ่นดูไบที่พอจะมองข้ามเรื่องการกินน้ำมันดุดันไปได้ก็ต้องบอกว่าเป็นรถยนต์ที่ขับดีมาก ที่ขับดีมากก็เพราะว่ามันคือรถยนต์ที่ใช้งานได้หลากหลายและขับดีตั้งแต่ในเมืองไปจนถึงการลุยหนักและการบรรทุกของ แต่ในเรื่องของการเก็บเสียงนั้นทำได้ไม่ดีเลย นี่เป็นข้อเสียใหญ่ของ Jeep Gladiator เหตุที่ทำให้รถยนต์คันนี้เก็บเสียได้ไม่ค่อยดีนั่นก็เป็นเพราะตัวรถยนต์ที่สามารถถอดประกอบได้นี่แหละครับ กรณีเดียวกับพวกรถยนต์เปิดประทุนเลย อีกอย่างคือล้อและยางที่ใช้นั้นเป็นยางขนาดใหญ่แบบ All-Terrain ซึ่งเป็นยางออฟโรดเวลาวิ่งทางราบจึงจะมีเสียงดังกว่ายางปกติครับ คือถ้าคุณรับเรื่องการกินน้ำมันกับเรื่องเสียงที่จะเข้ามาภายในห้องโดยสารได้ต้องบอกเลยว่า Jeep Gladiator เป็นรถกระบะที่ช่วงล่างดีมาก แน่น เฟิร์ม แข็งแกร่ง เอาถนนอยู่ และ พร้อมลุยทุกสภาพเส้นทาง ตัวระบบต่างๆ ออกแบบมาดีจนมันทำให้คุณกล้าใช้งานเจ้ารถกระบะคันนี้ได้อย่างเต็มที่แน่นอน และใช้งานได้อย่างปลอดภัยด้วยครับ อ่านเพิ่มเติม : เลือกขนาดยางรถยนต์ ยังไง? ให้เหมาะกับรถของเรา Jeep Gladiator มือสอง ราคาเท่าไหร่ สำหรับใครที่สอนใจ Jeep Gladiator มือสอง ใน one2car เองก็มีเช่นกัน หรือถ้าใครที่คิดว่า Jeep Gladiator ที่เป็นรถกระบะนั้นมันทรงไม่ใช่แนวเราเท่าไหร่ แต่อยากได้รถที่ลุยแบบโหดร้ายเทียบเท่ากันได้ ก็แนะนำว่าให้เลือกดูที่ Jeep Wrangler มือสอง รับรองว่าโหดเช่นกัน! เรารวมมาให้คุณได้เลือกแล้วที่ด้านล่างนี้ครับ Jeep Gladiator มือสอง Jeep Gladiator มือสอง เริ่มต้น 4,360,000 บาท Jeep Wrangler มือสอง Jeep Wrangler 2.0 Rubicon มือสอง เริ่มต้น 4,488,000 บาท Jeep Wrangler 2.8 CRD มือสอง เริ่มต้น 2,599,000 บาท Jeep Wrangler 2.8 Unlimited CRD มือสอง เริ่มต้น 2,390,000 บาท ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง one2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com ✕ ใช้การติดต่อผ่านไลน์ เราปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณตาม PDPA ฉันยอมรับ ข้อกำหนดการใช้งาน และ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของ One2car.com ฉันยินยอมให้ One2car.com และผู้ขายรายการประกาศติดต่อทางไลน์ ตรวจสอบข้อเสนอรถที่ดีที่สุด! Prev Next ข้อเสนอพิเศษ - โทรในขณะนี้! วัน ชม ราคาเฉลี่ย ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด I ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด แท็กที่เกี่ยวข้อง รีวิว Jeep Gladiator JEEP GLADIATOR Jeep Gladiator Rubicon รถ Jeep รถ Jeep มือสอง รถกระบะมือสอง รถกระบะออฟโรด รถออฟโรด รถกระบะ Jeep Jeep Wrangler มือสอง Jeep Wrangler Rubicon มือสอง รถ Off-Road Off-Road
ข้อเสนอพิเศษ - โทรในขณะนี้! วัน ชม ราคาเฉลี่ย ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด I ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด
โหรดังแนะ! ฤกษ์ออกรถ 2568 เคาะวันเงินปัง งานรุ่ง ชีวิตพุ่งแรง ข่าววงการรถยนต์ Chuenkamon Phasuk | 26 November 2567 one2car ร่วมกับ “อาจารย์วิช ธรรมสถิตบุณณ์” แนะนำ ฤกษ์ออกรถปี 2568 ครบทุกเดือน วันไหนมงคล เรียกทรัพย์ มารับฤกษ์ได้เลยออกรถวันไหนดีปี 2568 ซินแสเผย! ...
7 รถเก๋งประหยัดน้ำมัน ราคาถูก 2025 ลองขับแล้ว คุ้มสมชื่อ! เรื่องเด่น Chuenkamon Phasuk | 26 November 2567 รถเก๋งรุ่นไหนประหยัดน้ำมัน คุ้มราคา น่าใช้ในปี 2568พูดถึงรถเก๋งประหยัดน้ำมัน หลายคนน่าจะนึกถึงรถเล็ก ไม่ก็ Eco car ...
Altis กับ Camry มือสอง คันไหนตอบโจทย์คุณมากกว่า เรื่องเด่น Pakkawat Unchalee | 26 November 2567 Altis กับ Camry มือสอง คู่นี้เลือกไม่ยาก แต่ถ้าให้เลือกแค่คันเดียว จะเลือกคันไหนให้มันตอบโจทย์เราที่สุดล่ะ มาดูไปพร้อมๆ กันครับAltis กับ Camry ...
M-Flow จ่ายเงิน ไม่ลงทะเบียน ทำยังไง? ต้องจ่ายภายในกี่วัน? เรื่องเด่น Kumpolpat Banlungrattana | 26 November 2567 ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบขับรถไปต่างจังหวัดแน่นอนว่าคุณต้องเคยเจอ หรือ เคยผ่านด่าน M Flow มาแล้วบ้าง แต่สำหรับใครที่เผลอขับเข้าไปใน M Flow ...