Everest Platinum V6 หน้าไม่ต่าง ราคาได้ Raptor มือสองเกือบ 2 คัน

Ford Everest Platinum รุ่นย่อยใหม่ที่เหนือระดับด้วยเครื่องยนต์ V6 โคตรว้าว! แต่ราคาซื้อ Raptor มือสอง ได้เกือบ 2 คัน เขามีดีอย่างไร หรือควรหนีไปคันอื่น มาดูกันเลยครับ

ทำความรู้จักกับ Ford Everest Platinum V6

สำหรับการเปิดตัวครั้งนี้ต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่สาวก Ford รอคอยอย่างใจจดจ่อเลยก็ว่าได้ กับ Ford Everest Platinum ดูเผินๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่หมกหัวใจ V6 มา เห็นเป็นรถ PPV แบบนี้อย่าเผลอไปดันตูดเขาเชียว เดี๋ยวมีหนาว!

ปกติแล้วเราจะรู้กันดีว่า Everest จะเป็นรถ PPV ซึ่งมีพื้นฐานมาจากกระบะอย่าง Ranger ซึ่งเครื่องยนต์ของเขาในบ้านเรานั้นจะเป็น 2.0 ลิตร Turbo ในรุ่น Trend และ Sport กับเครื่อง 2.0 ลิตร Bi-Turbo ในรุ่น Titanium+ และ Wildtrak

มาครั้งนี้ Ford จัดสเปคส่งออกออสซี่มาใน รุ่นย่อย Platinum ต้องบอกว่าแทบจะไม่แปลกตาหรือว่าดูแล้วรู้เลยว่าเป็นรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับ เครื่องยนต์ V6 จะมีแค่เพียงเพลทบางจุดเท่านั้นที่ทำให้เรารู้ได้ว่าเป็นรุ่นนี้

เช่น ตรงแก้มข้างโป่งล้อที่เป็นเพลท V6 และแพลทตัวอักษรรอบคันที่มีคำว่า Platinum แต่ทั้งนี้แล้วการเป็นรุ่นย่อยใหม่ก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงอีกหลายอย่าง มาดูกันว่าเปลี่ยนอะไรไปบ้าง

Everest Platinum ต่างจาก Everest ทั่วไป ยังไง?

อันดับแรกเลยที่ต้องบอกว่า Everest Platinum มีอะไรใหม่ ก็คือ ราคาใหม่ เพราะรุ่น Platinum มาพร้อมกับราคา 2,279,000 บาท ที่มีจำกัดจำนวนในสยามประเทศแค่เพียง 350 คันเท่านั้น ถ้าเราดูแค่ราคาของรุ่นนี้อาจจะมองว่ามันแพง แต่เราอยากให้ดูราคาของรุ่นย่อยอื่นก่อนคิดแบบนั้น

ราคาล่าสุดของ Ford Everest ทุกรุ่น ปี 2024

• Ford Everest Trend ราคาเริ่มต้น 1,377,000 บาท
• Ford Everest Sport ราคาเริ่มต้น 1,507,000 บาท
• Ford Everest Titanium+ ราคาเริ่มต้น 1,747,000 บาท
• Ford Everest Wildtrak ราคาเริ่มต้น 1,922,000 บาท
• Ford Everest Platinum ราคา 2,279,000 บาท

ถ้าเราลองดูที่รุ่นย่อยอื่นๆ ของ Ford Everest ด้วย เราจะรู้ว่าราคามันเพิ่มเงินจาก Everest Wildtrak แค่ไม่กี่แสนเท่านั้นเอง แต่กลับได้อะไรใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาอีกเพียบ ถึงแม้ว่าจะมองข้างนอกแล้วเหมือนกับรุ่นทั่วๆ ไปเลยก็เถอะ

อ่านเพิ่มเติม : รีวิว Ford Everest มือสอง รถ 7 ที่นั่ง ดีที่สุดในกลุ่ม

ขุมพลัง ของ Ford Everest Platinum

ดูข้างนอกมองไม่ออกว่าเป็น Everest Platinum งั้นก็เปิดฝากระโปรงมันเลยก็แล้วกัน คำว่าหมกนั้นไม่เกินจริงสำหรับเขา เพราะว่าเครื่องยนต์ของ Ford Everest Platinum เป็นเครื่องยนต์ดีเซล V6 Turbo ซึ่งในตลาดประเทศไทย ไร้คู่แข่ง!

เครื่องยนต์ดีเซล V6 TDI ขนาด 3.0 ลิตร 2,993 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ ให้พละกำลังสูงสุด 250 แรงม้า ที่ 3,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,250 รอบ/นาที

จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ SelectShift ขับเคลื่อน 4 ล้อ Full-Time 4A-4WD รองรับมาตรฐาน EURO 5 + AdBlue แรงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

อ่านเพิ่มเติม : ระบบขับเคลื่อน 4WD คืออะไร ใช้งานแบบไหนให้เหมาะสม

Ford Everest Platinum ขับดีไหม?

ด้วยขุมพลังนี้ทำให้ Everest เดิมๆ ที่ขับดีอยู่แล้วกลับดีขึ้นไปอีกหลายขุมเลย แถมมันยังไม่ได้กินน้ำมันไปมากกว่ารุ่นปกติของเขา ประมาณ 11-12 กม./ล.

การควบคุมรถทำได้ดีอยู่แล้วสำหรับ Everest แต่ด้วยเครื่องนี้มันทำให้ขับทางไกลหรือขับออฟโรดไม่เหนื่อย แค่แตะๆ คันเร่งพละกำลังก็มาแล้ว เพราะเขาเป็นเครื่องดีเซล V6 จะได้แรงบิดที่สูงมาก น่าจะเป็น PPV ที่ขับดีที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้

ช่วงล่างยังคงเหมือนเดิมแม้ตัวเครื่องยนต์จะเปลี่ยนมาใช้ V6 โดยช่วงล่างด้านหน้าเป็น Double Wishbone พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง

ด้านหลังเป็น Watt’s Link พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง มาพร้อมกับดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ ซึ่งให้ความรู้สึกที่แทบจะไม่ใช่รถ PPV ที่เราเคยชิน แต่มันกลับนุ่มแน่นราวกับว่าเป็นรถ SUV ไซซ์ใหญ่ที่มีความสูงเยอะๆ เอาถนนอยู่ โยนตัวมีบ้างตามสไตล์รถสูง แต่รู้สึกดี สนุก และปลอดภัยมาก

อีกทั้งการเปลี่ยนมาใช้เครื่อง V ตัวนี้ก็ยังทำให้บาลานซ์ของตัวรถนั้นดีขึ้นอย่างหน้าแปลกใจด้วย ถึงแม้น้ำหนักตัวจะเยอะขึ้นนิดหน่อย แต่การใช้พื้นที่ที่น้อยลงของเครื่องสูบ V มันทำให้ตำแหน่งการวางเครื่องอยู่ถอยลงไปและพื้นที่ด้านหน้าเหลือเยอะ รถจึงบาลานซ์ดีขึ้นจากจุดยึดต่างๆ เครื่องยนต์นิ่ง เงียบ และไม่มีอาการสั่นเหมือนเครื่องดีเซลที่เราคุ้นชินกัน คอนเฟิร์มโดยผู้ทดสอบจริงทีมงาน Autospinn

ออปชันที่เพิ่มเข้ามาใน Everest Platinum

เรื่องเด่นๆ สำหรับรุ่นนี้จริงๆ อาจมีแค่เรื่องเครื่องยนต์ กับราคาที่จัดจำหน่ายแค่ 350 คัน ทว่าตัวออปชันอื่นก็ได้เพิ่มเติมเข้ามาด้วย โดยมีรายละเอียดตามนี้

เปลี่ยน

• เปลี่ยน ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นแบบ Full-Time 4A-4WD
• เปลี่ยน กระจังหน้าดีไซน์แบบ PLATINUM
• เปลี่ยน หลังคากระจก Panoramic แบบ Black Roof หลังคาสีดำ
• เปลี่ยน ล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว ดีไซน์ใหม่
• เปลี่ยน ยางขนาด 275/45 R21
• เปลี่ยน เบาะนั่งหุ้มหนังสีดำลาย Honey Comb พร้อมโลโก้ PLATINUM

อัปเกรด

• อัปเกรด เครื่องยนต์ให้รองรับมาตรฐาน Euro 5 เพิ่มถังน้ำยา AdBlue ขนาด 18.5 ลิตร

เพิ่ม

• เพิ่ม ระบบไฟส่องสว่างภายนอกรถแบบแบ่งโซน Zone Lighting
• เพิ่ม เบาะนั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า จาก 8 เป็น 10 ทิศทาง
• เพิ่ม ระบบบันทึกความจำตำแหน่งเบาะนั่งคนขับ Memory Seat 3 ตำแหน่ง
• เพิ่ม ระบบระบายอากาศ Ventilated Seat เบาะนั่งคนขับ
• เพิ่ม เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับด้วยไฟฟ้า จาก 8 เป็น 10 ทิศทาง
• เพิ่ม ระบบระบายอากาศ Ventilated Seat เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า
• เพิ่ม ระบบระบายอากาศ และ ระบบอุ่น Ventilated & Heat Seat เบาะนั่งแถวที่ 2
• เพิ่ม ระบบเสียงรอบทิศทาง Bang & Olufsen
• เพิ่ม ลำโพง จาก 8 เป็น 12 ตำแหน่ง พร้อม SubWoofer
• เพิ่ม โลโก้บนฝากระโปรงหน้า PLATINUM สีโครเมียม

ก็เรียกได้ว่าค่าตัว 2 ล้านต้นๆ ที่เพิ่มมากจากตัว Wildtrak เพียงไม่กี่แสนแต่ได้การเปลี่ยนแปลงพร้อมออปชันที่เพิ่มเติมเข้ามาให้แบบนี้ ถือว่าคุ้มค่าเอาเรื่องเลย

แต่ว่าราคานี้ของ Everest Platinum มันดันแพงกว่า Ford Ranger Raptor เครื่องยนต์เบนซิน V6 3.0 ลิตร Twin Turbo ที่ขึ้นชื่อของค่าย Ford นี่สิ มันก็แอบทำใจยากอยู่นะ

จะซื้อ Everest Platinum ซื้อ Raptor มือสอง ดีกว่าไหม?

อย่างที่เราบอกว่า Ford Everest Platinum ราคา 2,279,000 บาท เนี่ยมันแพงกว่ารถที่ขึ้นชื่อของค่ายอย่าง Ford Ranger Raptor เครื่องยนต์เบนซิน V6 3.0 ลิตร Twin Turbo นี่สิ เพราะเขาราคาแค่ 1,869,000 บาท เท่านั้น

เมื่อเราลองมาดู Ford Ranger Raptor V6 มือสอง ราคาเขาเริ่มต้นแค่ 1,499,000 บาท พูดง่ายๆ ราคา Everest Platinum สามารถซื้อ Raptor มือสองได้เกือบ 2 คัน หรือซื้อ Raptor มือสอง 1 คัน กับ Wildtrak มือสอง 1 คันได้เลย

หรือว่าเราจะซื้อ Raptor มือสองดี มันก็ V6 เหมือนกันนะ? งั้นเราลองมาดูกัน 4 เรื่อง คือ เครื่องยนต์ ช่วงล่าง และ ความครอบคลุม จะได้เลือกกันถูกครับ

อ่านเพิ่มเติม : Ford Ranger Wildtrak มือสอง ลุยไหวไหม ควรข้ามไป Raptor รึเปล่า

เครื่องยนต์ของ Ranger Raptor V6 มือสอง ตอนนี้จะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน EcoBoost V6 3.0 เทอร์โบคู่ 397 แรงม้า 583 นิวตันเมตร เพราะตัวเครื่องยนต์ดีเซล V6 ของ Ranger Raptor นั้นพึ่งเปิดตัวมาตอนปลายปี 2023 เลยจะยังไม่มีมือสองมาตามตลาดมือสอง

แต่ว่า Ford Everest เป็น V6 3.0 ลิตร ดีเซล ซึ่งให้มา 250 แรงม้า แต่แรงบิด 600 นิวตันเมตร แรงม้าของ Raptor นั้นมากกว่า แต่ Everest V6 นั้นแรงบิดเยอะกว่า ด้วยความเป็นดีเซลจึงประหยัดมากกว่าแน่นอน ประหยัดได้เท่ากับ Everest รุ่นปกติเลย พูดง่ายๆ ว่ามันเป็นรถใช้งานที่เครื่องใหญ่แรงบิดเยอะ ได้ความต่อเนื่องในการขับขี่ที่ดีพละกำลังเหลือ แรงไหม ? แรง! แต่แรงแบบผู้ดี ใช้โหมดขับ 2 ขึ้นเขายังชิลล์ๆ

อ่านเพิ่มเติม : ซื้อรถมือสองเลือกเครื่องยนต์ 'ดีเซล' หรือ 'เบนซิน' ดี ?

Raptor นี่ต้องบอกว่าซดน้ำมันราวกับถังรั่วเลยเพราะเขาเครื่องเบนซินและแรงเยอะมาก แน่นอนว่าแรงบิดได้น้อยกว่าแต่แรงม้าให้มาระดับรถสปอร์ต ซึ่งปกติ Raptor ที่เมืองนอกภาพลักษณ์เขาเป็นรถวัยรุ่นดูไบ คือทำมาไว้ขับลุยทะเลทราย ตะกุยทางฝุ่นอะไรแบบนั้น ก็จะดีแตกต่างกันออกไป

ส่วนตัวมองว่า ถ้าเอาที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ Everest V6 จะตอบโจทย์กว่า แต่ถ้าเอาหล่อ ดุ ดิบ เถื่อน ไม่เกรงใจใครควรไป Raptor

ถ้าเอาความเหนือระดับ Ranger Raptor V6 เหนือกว่า ช่วงล่างเขาได้โช๊คอัพ FOX แบบ Live Valve Internal Bypass ขนาด 2.5 นิ้ว ปรับได้แบบ Real-time ที่พัฒนาโดยทีม Ford Performance

น้ำมันหล่อลื่นผสม Teflon ลดการเสียดสีถึง 50% มีระบบป้องกันการหดตัวค้างของช็อคอัพ Bottom-Out Control ปีกนกบนและปีกนกล่าง ทำจากอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา ช่วงล่างด้านหลังแบบ Watt’s Link

อ่านต่อ ปีกนกรถยนต์มีหน้าที่อะไร ทำไมสำคัญต่อช่วงล่างรถ

ดูรายละเอียดแล้วมันก็คล้ายๆ กับ Everest V6 ใช่ไหม เพราะเป็นด้านหน้า Double Wishbone พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ด้านหลัง Watt’s Link พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง แต่มันแตกต่างกันตรงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ และการปรับเซ็ตช่วงล่างที่ Raptor ยังไงก็เอาอยู่กว่าเพราะเป็นรถระดับเพอฟอร์แมนซ์

ก็ยังยืนยันคำเดิมว่าถ้าอยากได้รถดุ ดิบ เถื่อน พร้อมลุยทุกเมื่อ ช่วงล่างเทพ เอาถนนอยู่ เอาทางออฟโรดสบายๆ ลุยทะเลทรายก็ไหว ลุยน้ำลึกก็ไปเถอะ ไหวหมดทุกทาง ก็ไป Raptor เลย

แต่ถ้าขับในชีวิตจริงก็แอบลำบากนิดหน่อยนะ แค่ตัวรถมันใหญ่ ช่วงล่างตึงกว่าปกตินิดๆ และซดน้ำมันเยอะมากกว่า เท่านั้นเลย ที่เหลือครบจบไม่พูดมาก . . . เจ็บคอ

ส่วน Everest V6 ผมว่าตอบโจทย์เรื่องการใช้งานที่ครอบคลุมมากกว่า Raptor V6 คือประหยัดกว่า ช่วงล่างนุ่มหนึบเอาถนนอยู่เหมือนกันแต่ว่าขับในเมืองตอบโจทย์กว่าเพราะใช้ช่วงล่างเหมือนกับ Everest ปกติ

ขนาดตัวถังเองก็เท่ากันกับรุ่นปกติ ไม่ใหญ่เทอะทะจนเกินไป พละกำลังเองก็ตอบโจทย์ทั้งในเมือง นอกเมือง และ ออฟโรด ออปชันครบจบเช่นเดียวกัน ต้องเลือกแล้วแหละว่าคุณเป็น พ่อบ้านสายซิ่ง หรือ วัยรุ่นดูไบสายหล่อ

ส่วนตัวแล้วด้วยความที่ผมยังเป็นวัยรุ่นอยู่เมื่อเจอราคาแล้วก็แอบเชียร์ไปซื้อ Ranger Raptor V6 มือสอง นะ เพราะได้เพอฟอร์แมนซ์ตัวรถที่เหนือระดับกว่า รถแรง ดิบ ดุดันกว่า เถื่อนแบบตะโกนออกมาไม่มีใครกล้ามายุ่งแน่ๆ

แต่ถ้าเราคิดว่าสักวันต้องมีครอบครัวและต้องการความแรงด้วย Everest V6 ก็ตอบโจทย์นะ แรงแบบผู้ดี แรงแบบหมกๆ แอบแรง ขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่าอยากได้รถลิมิเต็ดที่มีแค่เพียง 350 คันในไทยหรือไม่ ไลฟ์สไตล์เป็นแบบไหน

โหลดหรือยัง? แอป one2car - NEXT GEN! CAR APP

• Smart Search: หารถง่าย ฟังก์ชันครบ ข้อมูลชัด!
• Qualified Car: รถคุณภาพ ตรวจสภาพแล้ว พร้อมรายงานรถ
• Most Trusted Seller: คัดผู้ขายให้แล้ว ไม่ต้องกลัวมิจฉาชีพ
• Hot Deals: พบกับ Big Sale ลดแรงทุกเดือน!
• My Garage: ระบบผู้จัดการส่วนตัวให้รถคุณ ทุกเรื่องรถ จบในที่เดียว
• Car Tax: ต่อภาษีรถยนต์สะดวกกว่าที่เคย ไม่ต้องกลัวลืม
• Car Price: อยากขายรถแต่ไม่รู้ราคา เช็กเลย! รู้ผลใน 1 นาที ต้องการขายก็ทำได้เลย
• Car Financing: สินเชื่อรถมือสอง จัดไฟแนนซ์ง่ายกับ Partner ของเรา พร้อมข้อเสนอพิเศษ
• Car Insurance: แจ้งเตือนต่อประกันรถยนต์ล่วงหน้า พร้อมดีลสุดพิเศษจากบริษัทชั้นนำ
• Extended Warranty: ประกันอะไหล่รถ หมดห่วงเรื่องอะไหล่รถมือสอง
• one2car Story: คลิปรีวิวรถจากคนขาย คอนเทนต์เกี่ยวกับยานยนต์

Apple Store : https://bit.ly/o2c_apple_store

Google Play Store : https://bit.ly/o2c_Google_Play_Store

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง one2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com