แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ใช้ได้กี่ปี มีกี่ประเภท

รถยนต์ไฟฟ้านั้นเริ่มมีการผลิตจำหน่ายมากขึ้นในปัจจุบัน สำหรับใครที่สนใจอยากจะหันมาใช้รถยนต์ EV หรือรถยนต์ไฟฟ้านั้น แน่นอนว่าจะต้องรู้เรื่องของภาษีรถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่รถไฟฟ้า หรือเรื่องต่างๆ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อมาใช้งาน และวันนี้เราก็นำความรู้เล็กๆ น้อยๆ สำหรับ อายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า มีกี่ประเภท และใช้ได้กี่ปี มาให้ทุกคนได้ทราบกัน

แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า มีกี่ประเภท

แบตเตอรี่ถือว่าเป็นหัวใจหลักของรถยนต์ไฟฟ้าเลยทีเดียว เพราะถือว่าเป็นขุมพลังเพียงแห่งเดียวสำหรับรถ EV ที่จะใช้ในการขับเคลื่อน ซึ่งต้องขอบอกก่อนว่าแบตเตอรี่ของรถไฟฟ้านั้น จะไม่เหมือนกับแบตเตอรี่รถยนต์ทั่วไปอย่างสิ้นเชิง หากเราใช้รถยนต์ไฟฟ้าเรื่องของแบตเตอรี่จึงจำเป็นต้องรู้อย่างยิ่ง งั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามีกี่แบบ อะไรบ้าง

1.แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าชนิดตะกั่วกรด (Lead Acid Battery)

แบตเตอรี่รถยนต์ประเภทนี้จะมีราคาที่ไม่สูง เพราะเป็นแบตที่ถูกนำมาใช้กับเครื่องยนต์สันดาปด้วยเช่นกัน ใช้ในการจ่ายกระแสไฟฟ้าต่างๆ เช่น แอร์ วิทยุ เป็นต้น รวมไปถึงใช้เพื่อการจุดสตาร์ทรถด้วยเช่นกัน แบตเตอรี่รถไฟฟ้าชนิดตะกั่วกรดนี้ไม่เหมาะกับการนำมาเป็นแบตเตอรี่หลักในรถยนต์ไฟฟ้า แต่สามารถนำมาเป็นแบตเตอรี่สำรองได้ เพราะข้อเสียของแบตประเภทนี้คือ มีอายุการใช้งานที่น้อย และมีประสิทธิภาพลดลงเมื่อใช้สภาวะอุณหภูมิต่ำ นั่นเอง

2.แบตเตอรี่รถ EV ชนิดลิเธียมไอออน (Lithium Ion Battery / Li-ion)

แบตเตอรี่ประเภทลิเธียมไอออนนี้ ถือว่าเป็นแบตเตอรี่ที่นิยมนำมาใช้มากที่สุดในยุคปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ โดยแบตเตอรี่ประเภทนี้จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน มีน้ำหนักเบา เก็บประจุไฟฟ้าได้เยอะ และสามารถชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถใช้งานได้นาน ถึงแม้ว่าเราจะชาร์จแบตได้ไม่เต็ม 100 แต่แบตประเภทนี้ก็จะไม่ทำให้อายุการใช้งานแบตลดลง

แต่ข้อเสียของแบตเตอรี่รถไฟฟ้าประเภทนี้ก็คือ มีราคาที่สูง มีอายุการใช้งานที่น้อย และมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดไฟลุกได้ หากแบตเตอรี่มีความร้อนสะสมสูงเกิน 500°C

อ่านเพิ่มเติม : รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ชาร์จไฟตอนฝนตกได้มั้ย ปลอดภัยหรือเปล่า

3.แบตเตอรี่ชนิดนิกเกิล-เมทัลไฮไดรด์ (Nickel-metal Hydride Battery / Ni-MH)

เป็นอีกหนึ่งแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่นิยมใช้กันเป็นอย่างมาก เพราะแบตเตอรี่ประเภทนี้จะมีความคงทนต่อสภาวะอากาศที่เปลี่ยนได้ดี และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าชนิดลิเธียมไอออนหรือแบบตะกั่ว ถึงแม้ว่าดูเหมือนจะดีที่สุดเพราะรถ EV นิยมใช้เยอะ แต่แบตรถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้ก็มีข้อจำกัดด้วยเหมือนกัน คือ มีต้นทุนผลิตที่ค่อนข้างสูง เก็บไฟฟ้าได้น้อยกว่าแบบลิเธียมไอออน และยังมีอัตราการคายประจุที่สูงแม้จะไม่ได้มีการใช้งานก็ตาม

4.แบตรถยนต์ไฟฟ้า นิเกิล-แคดเมียม (Nickel-Cadmium Battery / Ni-Cd)

แบตรถยนต์ไฟฟ้าแบบนี้ เคยนิยมใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงศตวรรษที่ 90 เพราะสามารถเก็บกระแสไฟฟ้าได้เยอะ แต่ต้องขอบอกก่อนว่าแบตเตอรี่รถยนต์ EV ประเภทนี้ ในปัจจุบันนั้นถือเป็นแบตเตอรี่ต้องห้ามเลยทีเดียว เนื่องจากมีความเป็นพิษจากสารแคดเมียมรั่วไหลระหว่างขั้นตอนการผลิตนั่นเอง

5.แบตเตอรี่ชนิดโซลิดสเตต (Solid State Battery)

แบตเตอรี่ชนิดโซลิดสเตตเป็นแบตเตอรี่ชนิดแข็ง สามารถเปลี่ยนอิเล็กโทรไลต์เหลวให้กลายเป็นอิเล็กโทรไลต์แข็งแทน ซึ่งแบตเตอรี่ชนิดนี้ถือว่าเป็นแบตเตอรี่ที่มีความจุและประสิทธิภาพดีกว่าแบตรถยนต์ไฟฟ้าทุกชนิดเลยก็ว่าได้ มีความเสถียรสูงกว่าแบตชนิดอื่นๆ มีโอกาสติดไฟต่ำ สามารถชาร์จไฟได้เร็วกว่าชนิดอื่นๆ และที่สำคัญมีความปลอดภัยกว่าแบตประเภทอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งบริษัทยานยนต์ EV ได้มีความสนใจเป็นอย่างมากกับแบตแบตเตอรี่ประเภทนี้ และยังได้มีการศึกษาและกำลังพัฒนาอยู่ด้วยเช่นกัน ต้อข้อเสียของแบตประเภทนี้คือ มีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าแบตชนิดลิเธียมไอออน ถึง 8 เท่าเลยทีเดียว

ซึ่งในปัจจุบันแบตเตอรี่ชนิดโซลิดสเตตได้ถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์ต่างๆ อย่างเช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ, นาฬิกา Smart Watch เป็นต้น

อ่านเพิ่มเติม : รวมรถยนต์ไฟฟ้า EV มือสอง ราคาถูก น่าซื้อที่สุดในปี 2023

6.แบตเตอรี่รถยนต์ EV ชนิดตัวเก็บประจุไฟฟ้า (Supercapacitors)

แบตเตอรี่รถไฟฟ้าชนิดนี้จะไม่ได้เป็นแบตเตอรี่ซะทีเดียว แต่เป็นเพียงตัวเก็บประจุไฟฟ้าเท่านั้น แต่ก็สามารถชาร์จไฟฟ้าได้เร็วกว่าแบตเตอรี่ปกติทั่วไปมากๆ มีความทนทาน มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และมีรอบการชาร์จอยู่ที่ประมาณ 100,000 - 1,000,000 ครั้ง แต่ข้อจำกัดของแบตประเภทนี้คือ มีการจ่ายไฟฟ้าที่ไม่เสถียร และเมื่อใช้ไปนานๆ กำลังไฟฟ้าก็จะลดลงเรื่อยๆ เช่นกัน แถมแบตเตอรี่ชนิดนี้ยังเก็บพลังงานไฟฟ้าได้ค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ทั่วไปขนาดเดียวกัน

7.แบตเตอรี่ชนิดโซเดียม-ไอออน (Sodium Ion Battery / Na-Ion Battery)

แบตเตอรี่โซเดียม-ไอออน หรือที่คุ้นหูกันในชื่อ “แบตเกลือ” ซึ่งแบตเตอรี่ชนิดนี้จะมีต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่าแบตลิเธียมไอออนประมาณ 3-4 เท่า แบตชนิดนี้สามารถชาร์จไฟฟ้าได้เกือบเต็ม 100 ภายในเวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้น และยังทนต่อสภาวะอากาศที่มีความร้อนสูงและหนาวจัดได้ดีเลยทีเดียว แถมยังมีอายุการใช้งานได้นานประมาณ 8,000-10,000 ครั้งเลยด้วย แต่ข้อจำกัดของแบตชนิดนี้คือ ให้พลังงานที่น้อยกว่าแบตลิเธียมไอออน แต่มีน้ำหนักมากกว่า ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตชนิดนี้วิ่งได้แค่ระยะสั้นเท่านั้นเพราะต้องใช้พลังงานที่เยอะกว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตลิเธียมไอออน

แบตเตอรี่รถ EV ใช้ได้กี่ปี?

ต้องบอกก่อนว่าแบตเตอรี่รถไฟฟ้านั้นส่วนใหญ่มักจะมาพร้อมกับประกันแบตเตอรี่ ซึ่งปกติแล้วในประเทศไทยนั้นส่วนใหญ่จะมีการรับประกันอย่างน้อย 8 ปี หรือประมาณ 150,000 - 180,000 กิโลเมตร แต่ก็มีรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นที่ให้ประกันแบตเตอรี่นานถึง 10 ปีเลยทีเดียว แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่าขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการรับประกันของแต่ละแบรนด์ด้วยเช่นกัน

แต่ก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับอายุของแบตเตอรี่รถไฟฟ้าด้วยกัน อย่างเช่น แบตเตอรี่อาจมีการเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติเมื่อมีสภาพอากาศที่ร้อน รอบการชาร์จ ระบบการชาร์จไฟฟ้า และพฤติกรรมในการชาร์จไฟ เป็นต้น

แบตเตอรี่รถไฟฟ้าเสื่อม อาการเป็นยังไง?

• ได้ทำการชาร์จไฟฟ้าเต็ม 100% แต่วิ่งระยะทางได้น้อยลง เพราะเนื่องจากตัวเก็บประจุไฟเสื่อมคุณภาพ 

• ชาร์จไฟฟ้านานขึ้น เกิดจากความสามารถในการเก็บไฟของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าลดลง

• ชาร์จเต็มเร็วผิดปกติ หรือเร็วเกินไป เพราะประสิทธิภาพความจุไฟฟ้าในแบตเตอรี่เหลือน้อยลง

• ประสิทธิภาพรถแย่ลง เพราะความสามารถในการเก็บไฟของแหล่งพลังงานลดลง

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง one2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com