ตรวจสภาพรถก่อนต่อภาษี ใช้อะไรบ้าง มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่

หากใครที่มีรถยนต์เป็นของตัวเองทั้งรถยนต์มือหนึ่งหรือรถยนต์มือสอง แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องทำทุกปีนั่นก็คือการต่อภาษีรถยนต์ และก่อนที่จะไปต่อภาษีเราก็ต้องนำรถไปตรวจสภาพรถยนต์กันก่อน วันนี้เราเลยจะพาทุกคนมารู้ข้อมูลเกี่ยวกับตรวจสภาพรถก่อนต่อภาษี กัน เพื่อจะได้เป็นการเตรียมตัวนั่นเอง

ต้องขอบอกก่อนว่าหากเป็นรถยนต์ที่ออกใหม่มือหนึ่งนั้น การต่อภาษีประจำปีก็อาจจะไม่มีความยุ่งยากมากสักเท่าไหร่ แต่สำหรับใครที่มีรถยนต์รุ่นเก่าหรือใช้งานมานาน 5 - เกิน 7 ปีนั้น ก็ต้องทำการตรวจสภาพรถด้วยเช่นกันด้วย เพื่อเป็นการตรวจเช็กว่ารถของเรานั้นอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดีอยู่ ไม่ทำให้เกิดอันตรายบนท้องถนน ในปัจจุบันการต่อภาษีรถยนต์นั้นสามารถต่อภาษีรถยนต์ได้หลายช่องทาง เช่น ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ หรือจะ ต่อภาษีรถยนต์ 7-11 ได้เช่นกัน ซึ่งหากเราต้องการที่จะตรวจสภาพรถยนต์นั้นเราสามารถไปตรวจได้ที่ไหนบ้าง มาดูกันเลย

ตรวจสภาพรถยนต์ได้ที่ไหนบ้าง?

กรมขนส่งทางบก

หากใครที่สะดวกตรวจสภาพรถยนต์ที่กรมขนส่งทางบก ก็สามารถขอตรวจสอบสภาพรถที่กรมขนส่งในจังหวัดได้เลย แต่โดยส่วนใหญ่รถที่จะต้องตรวจสภาพกับกรมขนส่งทางบนเท่านั้นก็จะ เช่น รถที่ขาดต่อทะเบียนเกิน 1 ปี รถที่ดัดแปลงสภาพจากที่จดทะเบียนไว้ รถยนต์ขนาดใหญ่มากกว่ากำหนด รถและรถที่มีปัญหาเกี่ยวกับเลขตัวรถ หรือเลขเครื่องยนต์ เป็นต้น

สถานตรวจสภาพรถเอกชน หรือ ตรอ.

ตรวจสภาพรถ ตรอ. คืออะไร ตรอ. หรือสถานตรวจสภาพรถเอกชน จะสามารถตรวจได้ทั้งรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งหากรถยนต์ของเรานั้นเป็นรถที่ใหม่ ไม่ใช่รถที่ใช้มานานเกิน 7 ปี รถที่ดัดแปลงจากสภาพเดิม เป็นรถยนต์ธรรมดาที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่กว่าที่กำหนดไว้ ก็สามารถตรวจสอบสภาพรถยนต์ที่ ตรอ. ได้เลย

ตรวจสภาพรถก่อนต่อภาษี ใช้อะไรบ้าง

ก่อนจะนำรถไปตรวจเช็กสภาพนั้น เราต้องมีการเตรียมเอกสารเกี่ยวกับรถให้พร้อม ซึ่งเอกสารที่ว่านี้ก็จะมี

• ใบคู่มือจดทะเบียนรถหรือเล่มทะเบียน (เล่มสีฟ้า) หากเป็นในกรณีที่ไม่มีเล่มทะเบียน ก็สามารถใช้สำเนาแทนได้เช่นกัน

• รถที่ต้องการตรวจเช็กสภาพ

• เงินค่าบริการตรวจสภาพรถ

ตรวจสภาพรถ ตรวจอะไรบ้าง

ข้อมูลรถยนต์

ในการตรวจสภาพรถเบื้องต้นนั้น อันดับแรกเลยเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบข้อมูลของตัวรถว่าตรงกับที่ระบุในใบคู่มือจดทะเบียนหรือไม่ แล้วจากนั้นก็จะเริ่มตรวจตามจุดต่างๆ ได้แก่

• เลขทะเบียนรถ

• ประเภทรถ

• ลักษณะรถ

• แบบรถ

• สีรถ

• รุ่นรถ

• หมายเลขตัวรถ

• หมายเลขโครงคัสซี

• เลขเครื่องยนต์

• ชนิดเครื่องยนต์

• ชนิดเชื้อเพลิง

ตรวจภายในรถยนต์

• พวงมาลัย

• มาตรวัด และไฟสัญญาณต่างๆ 

• สวิทช์ควบคุมไฟสัญญาณ แตรสัญญาณ

• กระจกเงาสำหรับมองหลัง

• เข็มขัดนิรภัย

• อุปกรณ์ปัดและฉีดทำความสะอาดกระจกกันลมหน้า 

• ที่นั่งผู้ขับและที่นั่งผู้โดยสาร

ตรวจใต้ท้องรถ

• ระบบบังคับเลี้ยว, กลไกบังคับเลี้ยว

• ระบบรองรับน้ำหนัก, สปริง, แหนบ, โช๊คอัพ 

• เพลาล้อ, กงล้อและยาง

• โครงสร้างตัวถัง, โครงคัสซี

• ระบบเชื้อเพลิง, ท่อส่งเชื้อเพลิง, ท่อส่งก๊าซ

• ระบบส่งกำลัง, คลัทช์, เกียร์, เพลากลาง, เฟืองท้าย

• ระบบไอเสีย, เครื่องระงับเสียง

• แท่นเครื่อง, ยางแท่นเครื่อง

• อุปกรณ์ระบบห้ามล้อ

• อุปกรณ์ขจัดมลพิษ (Catalytic Converter)

นอกจากจะตรวจพวกระบบต่างๆ ภายในรถยนต์แล้ว ในเรื่องของเสียงรถ เสียงท่อ สีควัน ก็มีการตรวจด้วยเช่นกัน

ตรวจควันดำ

การตรวจค่าความดำของควันรถยนต์นั้น ทางเจ้าหน้าที่จะมีอุปกรณ์ตรวจด้วยกันทั้งหมด 2 อุปกรณ์ คือ เครื่องมือวัดความทึบของแสง และเครื่องมือวัดระบบกระดาษกรอง ซึ่งค่าควันดำจากทั้ง 2 เครื่องมือจะต้องไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนดคือ 45% และ 50% ตามลำดับ นั่นเอง

ตรวจวัดเสียงรถ

ความดังของเสียงรถนั้นจะต้องไม่เกิน 100 เดซิเบล ที่ระยะห่างจากรถ 0.5 เมตร และไม่เกิน 85 เดซิเบล ที่ระยะหก่างจากรถยนต์ 7.5 เมตร

ตรวจคาร์บอนไดออกไซด์ (CO) และไฮโดรคาร์บอน (HC)

โดยจะทดสอบผ่านเครื่องวิเคราะห์ก๊าซที่จะต้องสอดหัววัดเข้าไปในท่อไอเสียให้ลึกที่สุดในขณะที่เครื่องยนต์ทำงานอยู่ จะทำการทดสอบทั้งหมด 2 ครั้งด้วยกัน ซึ่งพอทดสอบแล้วค่าก๊าซทั้ง 2 จะต้องไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนดซึ่งรถแต่ละประเภทก็จะมีเกณฑ์ที่ไม่เท่ากัน

ในกรณีที่เป็นรถที่ใช้ระบบแก๊สนั้น จะต้องมีการตรวจเพิ่มเติม คือ มีการตรวจ ทดสอบ และเช็กตามข้อต่อต่างๆ รวมไปถึงท่อและอุปกรณ์แก๊สทั้งระบบว่ามีความพร้อมในการใช้งานหรือยังอยู่ในสภาพที่จะไม่ทำให้เกิดอันตรายหรือไม่ 

หากเป็นรถที่ติดตั้งแก๊สเกินระยะเวลา 10 ปี จะมีการตรวจสอบและพิจารณาว่าถังแก๊สนี้มีความสมบูรณ์มากน้อยเพียงใด ถ้ายังสมบูรณ์และสามารถใช้งานไปได้ต่อ ก็จะมีการออกใบรับรองเพื่อยืดอายุการใช้งานต่อได้อีก 5 ปี นั่นเอง

รถยนต์ประเภทไหนบ้าง ที่ตรวจสภาพรถกับตรอ.ไม่ได้

อย่างที่บอกไปคร่าวๆ ก่อนหน้านี้ว่ามีรถแบบไหนบ้างที่ไม่สามารถตรวจเช็กสภาพกับ ตรอ. ได้ เรามาขยายความดูกันดีกว่า ว่ามีรถประเภทไหนบ้างที่จะต้องตรวจเช็กสภาพรถกับกรมขนส่งทางบกเท่านั้น

• รถที่ขาดการต่อทะเบียน เกิน 1 ปี

• รถที่มีการดัดแปลงสภาพ, เปลี่ยนแปลงตัวรถ, เปลี่ยนสี หรือรถที่มีสภาพไม่ตรงกับในสมุดคู่มือทะเบียนรถ

• รถที่ไม่ปรากฏตัวเลขตัวรถ หรือเลขเครื่องยนต์ มีรอยขูดขีด แก้ไข ชำรุด 

• รถที่มีการแจ้งไม่ใช้งานชั่วคราว หรือแจ้งไม่ใช้รถตลอดไป

• รถที่มีเลขทะเบียนรุ่นเก่า เช่น กท-00001, กทจ-0001 เป็นต้น 

• รถยนต์ หรือรถมอเตอร์ไซค์ที่มีประวัติเคยสูญหายหรือเคยโดนโจรกรรม

ตรวจสภาพรถ มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่

 ค่าใช้จ่างของการตรวจสภาพรถนั้นจะแบ่งตามประเภทของรถ ดังนี้

• รถจักรยานยนต์ คันละ 60 บาท

• รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 1,600 กิโลกรัม คันละ 150 บาท

• รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าเกิน 1,600 กิโลกรัม คันละ 250 บาท

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com