รู้หรือไม่ว่าการเช็ครถยนต์นั้น ไม่จำเป็นจะต้องให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเป็นคนทำเสมอไป เพราะตัวคุณเองก็สามารถตรวจเช็ครถยนต์ได้เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อดูว่ารถยนต์ที่ใช้นั้นมีปัญหาอะไรหรือเปล่า เอาล่ะวันนี้เรามาดูวิธีการเช็ครถยนต์ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ กันดีกว่าครับผม
1. เปิดฝากระโปรงรถ เช็คน้ำยาหม้อน้ำ
อย่างแรกที่ต้องตรวจเช็ครถยนต์ ก็ต้องเปิดฝากระโปรงรถเสียก่อน จากนั้นให้นำไฟฉายหรือเปิดไฟฉายสมาร์ทโฟนส่องไปที่หม้อน้ำ เพื่อเช็คว่าระดับน้ำยาหม้อน้ำลดลงหรือไม่ ทางที่ดีควรเติมให้อยู่ในระดับที่พอดีกับ Max และอย่าให้แห้งจนถึง Min ไม่งั้นจะเกิดอาการเครื่องฮีทแน่นอน หากพบว่าน้ำยาหม้อน้ำลดลงก็ควรเข้าศูนย์บริการเพื่อเช็คว่ามีส่วนไหนรั่วหรือไม่ หากไม่มีก็จัดการเติมให้เรียบร้อย
2. สังเกตพัดลมหน้ารถ หากทำงานควบคู่ก็ไร้ปัญหา
ระหว่างที่เปิดฝากระโปรงรถอยู่นั้น ให้กลับมาสตาร์ทรถแล้วลงมาดูอีกครั้งว่า พัดลมหน้ารถทำงานควบคู่กันหรือไม่ เพราะพัดลมนั้นจะช่วยระบายความร้อนของเครื่องยนต์ไม่ให้เกิดอาการเครื่องยนต์ฮีท หากพบว่าพัดลมข้างใดข้างหนึ่งไม่ทำงาน เข้าศูนย์เช็ครถยนต์ด่วนเลยครับ
3. หมั่นเติมลมยางทุกๆ 2 อาทิตย์
หากคุณเป็นคนที่ใช้รถยนต์ทุกวัน แน่นอนว่าลมยางจะต้องอ่อนลงอยู่แล้ว ทางที่ดีควรหมั่นเติมอย่างน้อยทุก 2 อาทิตย์ เพื่อคงประสิทธิภาพการทำงานของยางเอาไว้ นอกจากนี้อย่าลืมเช็คอายุยางด้วยนะครับว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนยาง หรือตั้งศูนย์ถ่วงล้อใหม่แล้วหรือยัง
4. ใบปัดน้ำฝน หากปัดแล้วเป็นเส้นให้รีบเปลี่ยน
เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่คนส่วนใหญ่มองข้าม หากใครพบว่าใบปัดน้ำฝนของตัวเองปัดแล้วเริ่มเป็นเส้น เช็ดล้างคราบได้ไม่สะอาด หรือว่ามีเสียงร้องอี๊ดเอี๊ยดแล้วเนี่ย… เปลี่ยนเถอะครับยางแข็งหมดแล้ว นอกจากจะทำความสะอาดกระจกได้ไม่ดี ทำให้การมองเห็นในการขับขี่แย่ลง แล้วยังทำร้ายกระจกหน้ารถอีกด้วย
และนี่ก็เป็นวิธีเช็ครถยนต์ด้วยตัวเองแบบเบสิคสุดๆ ที่คุณสามารถทำได้อาทิตย์ละ 1 ครั้ง แต่ถ้าหากว่ามีอาการนอกเหนือจากที่กล่าวมา แนะนำว่าให้เข้าศูนย์ไปเช็คระยะอย่างสม่ำเสมอ จะได้มีรถยนต์คู่ใจไว้ขับร่วมทางกันไปนานๆ นะครับ

รวจสอบข้อเสนอรถที่ดีที่สุด!
ข่าวฟีเจอร์

ตรีเพชรอินชัวรันส์เซอร์วิส (TPIS) โบรกเกอร์ประกันคุณภาพ บริการครบจบโดยผู้เชี่ยวชาญ
ข่าววงการรถยนต์
ต่อใบขับขี่หมดอายุ หรือหาย 2566 ทำยังไง ใช้เอกสารอะไรบ้าง
เรื่องเด่น
รวมรถยนต์ไฟฟ้า EV มือสอง ราคาถูก น่าซื้อที่สุดในปี 2023
รถยนต์ไฟฟ้า