ปะยางมีกี่แบบ แตกต่างกันอย่างไร

เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยประสบพบเจอกับปัญหายางรั่วกันมาบ้าง ซึ่งวิธีการแก้ยางรั่วนั้นก็คือการปะยาง แต่การปะยางมีกี่แบบกี่วิธีกัน หลายคนคงยังไม่รู้ แล้วแต่ละวิธีแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด วันนี้เรานำคำตอบมาฝากทุกๆ คนกันแล้วค่ะ

ยางรั่วบ่อยเกิดจากอะไร

ตะปูหรือเศษที่มีปลายแหลมแทงยาง

เรียกได้เป็นสาเหตุยอดฮิตที่ทำให้ยางรั่วเลยก็ว่าได้ เนื่องจากบนท้องถนนนั้นจะมีเศษวัสดุต่างๆ กระจายอยู่ทั่วไปแน่นอนว่าเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เมื่อเราขับรถแล้วไปเหยียบน็อตหรือตะปูทำให้เกิดการชำรุดหรือเกิดแผลที่ยางรถยนต์ของเราได้ ซึ่งถ้าเศษแล้วยังทิ่งอยู่ที่ยางนั้นก็ไม่เป็นผลเสียต่อยางมากสักเท่าไหร่ แต่ก็ควรที่รีบนำออกและปะยาง แต่ถ้าหากของแหลมนั้นทิ่มแต่ไม่ได้ติดตัวยางมาด้วยก็จะทำให้ลมรั่วออกจากได้ประมาณ 2-3 psi นั่นเอง

ก้านวาล์วหรือจุ๊บลมชำรุด

ต้องบอกก่อนว่ายางรั่วนั้นไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียวอย่างของแหลมหรือตะปูทิ่ม แต่ยางรั่วก็สามารถเกิดขึ้นได้จากก้านวาล์วหรือจุ๊บลมชำรุดได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งถ้าก้านวาล์วหรือจุ๊บลมชำรุดนั้นก็ทำให้มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในยางได้ และแรงดันลมในยางมีการสูญเสียไปได้เหมือนกัน

ยางหมดอายุหรือเสื่อมสภาพลง

ยางหมดอายุหรือใช้รถเสื่อมสภาพก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ยางรั่วได้เช่นกัน เพราะอายุการใช้งานยางรถยนต์นั้นจะมีระบุไว้ชัดเจนว่าใช้ได้นานเท่าไหร่ หากใช้ยางที่เสื่อมสภาพแล้วก็ทำให้เกิดยางแบนหรือยางรั่วได้นั่นเอง

ปะยางมีกี่แบบ ต่างกันยังไง

เมื่อยางรถยนต์รั่วเราสามารถแก้ได้โดยใช้วิธีการปะยาง ซึ่งการปะยางก็แบ่งออกเป็น 2 วิธีด้วยกันคือ

1.ปะยางแบบแทงใยไหม

การปะยางแบบแทงใยไหมหรือเรียกอีกอย่างว่าปะยางแบบสอดไส้ โดยการปะยางวิธีนี้ถือว่าเป็นวิธีที่ง่ายไม่ยุ่งยากมากนัก เพียงแค่ดึงสิ่งที่ตำยางรถยนต์ออก แล้วใช้ตะไบหางหนูหรือสว่านเบอร์เล็กทะลวงรูแผลให้ขยายออกเพื่อที่จะแทงไหมลงไป ตรงนี้ต้องคอยระวังอย่าให้มีโครงลวดของยางทิ่มออกมาเด็ดขาด แล้วจึงนำอุปกรณ์แทงใยไหมลักษณะคล้ายเข็มร้อยขนาดใหญ่ ทากาวแล้วร้อยไหมเข้าไปในตาเข็ม แล้วอุดลงไปในรูแผลที่เตรียมไว้ แล้วตัดใยไหมที่เป็นส่วนเกินออก แค่นี้ก็เป็นอันเรียบร้อย

แต่ต้องขอบอกก่อนว่าวิธีการปะยางแบบแทงใยไหมนี้ทำได้แค่รูยางรั่วที่มีขนาดเล็ก หรือแค่ตะปูตำหรือของแหลมตำเท่านั้น 

ข้อดีของการปะยางแบบใยไหม คือ เป็นการแก้ปัญหาที่รวดเร็ว และสามารถทำได้ด้วยตนเอง

ข้อเสียของการปะยางแบบใยไหม คือ ใช้วิธีนี้ได้แค่แผลที่มีขนาดเล็ก และอาจมีการรั่วซึมซ้ำได้ในจุดเดิม

2.ปะยางแบบสตรีม

การปะยางแบบสตรีมนั้นจะแบ่งแยกย่อยออกเป็นปะยางสตรีมร้อนและปะยางสตรีมเย็น ทั้งสองแบบจะใช้วัสดุเป็นแผ่นยางชิ้นเล็กๆ ช่วยในการปะยาง สตรีมร้อนและสตรีมเย็นจะมีลักษณะการปะที่คล้ายคลึงกัน การปะยางสตรีมร้อนนั้นจะมีการใช้ความร้อนช่วยในการปะ ทำให้ชิ้นยางแผ่นเล็กที่นำมาปะยางแนบแน่นเป็นเนื้อเดียวกันกับยาง มีความเนียนกว่าการปะตรีมแบบเย็น ในส่วนของการปะยางสตรีมเย็นนั้นจะใช้กาวยาก่อนปะยางด้วยชุดสตรีม แล้วรีดให้แน่นติดกับล้อยาง

การปะยางแบบสตรีมจะสามารถใช้ได้ทั้งยางที่มีรอยรั่วจากตะปูหรือของแหลม และยางที่มีรอยฉีกขาดแบบเล็กน้อย

ข้อดีของการปะยางแบบสตรีม คือ สามารถปะรอยรั่วได้อย่างแนบสนิท และมีความคงทนกว่าแบบใยไหม

ข้อเสียของการปะยางแบบสตรีม คือ ใช้เวลานานกว่าแบบใยไหม เพราะต้องถอดล้อออกมาทำ และเมื่อทำเสร็จแล้วก็ต้องทำการถ่วงล้อใหม่ด้วย และมีโอกาศที่ชุดปะยางจะหลุดร่อนหากเจอความร้อนได้เช่นกัน

ปะยางรถยนต์ราคา กี่บาท?

แน่นอนว่าค่าบริการของการปะยางนั้นจะมีราคาที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับวิธีที่เลือกปะยาง และขึ้นอยู่กับอู่และศูนย์บริการของแต่ละที่ และยังมีค่าบริการเพิ่มเติมอื่นๆ ด้วย

• ปะยางแบบแทงใยไหม ราคา ประมาณ 70-100 บาท

• ปะยางแบบสตรีมร้อน ราคา ประมาณ 150-300 บาท

• ปะยางแบบสตรีมเย็น ราคา ประมาณ 150-300 บาท

ขอบคุณข้อมูลจาก Bridgestone และ Cockpit