หน้าแรก บทความ เรื่องเด่น น้ำมันเครื่องมีกี่แบบ เลือกแบบไหนดี พร้อมแปลรหัสบนถังน้ำมันเครื่อง น้ำมันเครื่องมีกี่แบบ เลือกแบบไหนดี พร้อมแปลรหัสบนถังน้ำมันเครื่อง เรื่องเด่น Pakkawat Unchalee | 03 May 2566 17:05 สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับเครื่องยนต์คือน้ำมันเครื่อง เพราะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างปกติ และช่วยลดอัตราการสึกหรอของเครื่องยนต์ได้ วันนี้เราจึงจะพาทุกท่านมารู้จักน้ำมันเครื่องว่ามีกี่แบบ และควรเลือกแบบไหน พร้อมกับสอนดูรหัสน้ำมันเครื่องบนถังแกลลอนไปพร้อมๆ กันน้ำมันเครื่องมีกี่ชนิด อะไรบ้าง การใช้งานต่างกันอย่างไรน้ำมันเครื่องถูกแบ่งเป็น 3 ชนิด ได้แก่น้ำมันเครื่องยนต์เกรดธรรมดา (Synthetic) ใช้งานได้ประมาณ 3,000-5,000 กม.น้ำมันเครื่องยนต์เกรดกึ่งสังเคราะห์ (Semi Synthetic) ใช้งานได้ประมาณ 5,000-7,000 กม.น้ำมันเครื่องยนต์เกรดสังเคราะห์ (Fully Synthetic) หรือน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ ใช้งานได้ประมาณ 7,000-10,000 กม.น้ำมันเครื่องเกรดธรรมดาจะมีราคาที่ถูกกว่าเกรดกึ่งสังเคราะห์และเกรดสังเคราะห์ ทั้งนี้ในปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันเครื่องก็จะมีความแตกต่างกันออกไปแล้วแต่แบรนด์ แต่ละแบรนด์ก็มีจุดเด่น มีประสิทธิภาพ และ คุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างกันอีกด้วย เช่น For NGV, LPG & Gasoline ก็จะสามารถใช้กับรถยนต์ที่ติดแก๊ส NGV และ LPG ได้ดี หรือ Heavy Duty ใช้กับรถบรรทุกหรือรถยนต์ที่บรรทุกของหนักได้ดี"น้ำมันเครื่องธรรมดา" กับ "กึ่งสังเคราะห์" และ "สังเคราะห์แท้" ต่างกันยังไงน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ (Fully Synthetic)น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ (Fully Synthetic) คือ น้ำมันเครื่องที่สังเคราะห์มาจากปิโตรเลียม ซึ่งเป็นการสังเคราะห์ทางเคมีในห้องแล็ปอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้มีคุณสมบัติพิเศษกว่าน้ำมันแร่ทั่วไป โมเลกุลของน้ำมันเครื่องประเภทนี้จึงเป็นระเบียบและมีขนาดเท่ากันมากกว่าน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์และน้ำมันเครื่องธรรมดาส่วนผสมหลัก (Base Oil) = มาจากสังเคราะห์จากกระบวนการทางเคมี 75-90%สารเติมแต่ง (Additives) = 10 - 25%คงทนต่อการทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศระยะเวลาในการเปลี่ยนถ่ายยาวนานกว่าน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์และเกรดธรรมดา ใช้งานได้นานสูงสุด 15,000 – 20,000 กิโลเมตรราคาแพงกว่าน้ำมันเครื่องชนิดอื่นอัตราการระเหยต่ำ ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้เหมือนใหม่หล่อลื่นเครื่องยนต์ดีที่สุด ไม่ว่าจะอยู่ในที่อุณหภูมิต่ำหรือสูงป้องกันเครื่องยนต์สึกหรอได้เป็นอย่างดี จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลรถเป็นพิเศษน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ (Semi Synthetic)น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ คือ น้ำมันเครื่องที่มีส่วนผสมของน้ำมันสังเคราะห์แท้และน้ำมันแร่ โดยสัดส่วนของน้ำมันทั้งสองชนิดนี้จะขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ แม้จะมีอัตราส่วน 90:10 ก็ถือว่าเป็นน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์อยู่ดีส่วนผสมหลัก (Base Oil) = มาจากสังเคราะห์จากกระบวนการทางเคมี 10-40% และกลั่นจากน้ำมันดิบ 10 - 40%สารเติมแต่ง (Additives) = 10 - 25%ดีกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา แต่ราคาถูกกว่าน้ำมันเครื่องเกรดสังเคราะห์แท้ใช้งานได้ค่อนข้างนาน ตั้งแต่ 5,000 กม. สูงสุดถึง 10,000 กม.หล่อลื่นเครื่องยนต์ได้ดี แต่ในช่วงอุณหภูมิสูง ๆ จะหล่อลื่นได้ไม่ดีเท่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้เหมาะกับคนที่อยากดูแลรถ แต่ไม่อยากจ่ายแพง จึงเป็นเกรดน้ำมันเครื่องที่คนใช้มากที่สุดน้ำมันเครื่องยนต์เกรดธรรมดา (Synthetic)น้ำมันเครื่องยนต์เกรดธรรมดา คือ น้ำมันเครื่องที่ได้มาจากการกลั่นน้ำมันดิบ หรือน้ำมันแร่ (Mineral Oils) ส่วนผสมหลักจึงเป็นน้ำมันจากธรรมชาติล้วน ๆ โมเลกุลของน้ำมันประเภทนี้จึงแตกต่างจากน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ทั้งในเชิงกายภาพและเชิงเคมีด้วยส่วนผสมหลัก (Base Oil) = กลั่นจากน้ำมันดิบ 75 - 90%สารเติมแต่ง (Additives) = 10 - 25%ราคาถูกกว่าน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์และน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100%ระยะเวลาในการเปลี่ยนถ่ายสั้น สูงสุดแค่ 5,000 กิโลเมตรทำความรู้จักตัวอักษรบนถังน้ำมันเครื่องAPI คือ American Petroleum Institute หรือ สถาบันที่ทำหน้าที่ค้นคว้าวิจัย และวางมาตราฐานเกี่ยวกับน้ำมันต่างๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกาSAE คือ Society of Automotive Engineers หรือ สมาคมที่ค้นคว้าวิจัยและวางหลักเกณฑ์มาตราฐานต่างๆ เกี่ยวกับรถยนต์ต่างๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกาASTM คือ American Society for Testing Materials หรือ สมาคมที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการทดสอบวัตถุต่างๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกาวิธีดูรหัสบนถังแกลลอนน้ำมันเครื่องมาดูกันที่รหัสบนขวดน้ำมันเครื่องกัน หากสังเกตดีๆ นอกจากจะมีค่า API ยังมีรหัสอื่นๆ ระบุไว้ด้วย ซึ่งตามรูปด้านบนเราจะถอดรหัสออกมาเป็น “10W-30 API CI-4 Semi Synthetic” โดยเราจะแบ่งการตีความออกเป็น 4 ชุดได้ดังนี้ 10W / 30 / API CI-4 / Semi Synthetic ชุดแรก “10W”ตัวอักษร “W” บนถังน้ำมันเครื่อง หมายถึง ค่าการทนความเย็นของน้ำมันเครื่อง แบ่งเป็นระดับได้ตามนี้0W สามารถคงความข้นใสไว้ได้ต่ำกว่า -30 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข5W สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง -30 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข10W สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง -20 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข15W สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง -10 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข20W สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง 0 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไขชุดที่สอง “30”ตัวเลข 30 บ่งบอกถึงค่าความหนืดข้นซึ่งความหนืดของน้ำมันเครื่องจะมีผลต่อการหล่อลื่นและช่วยลดการสึกหรอ ความหนืดที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ทั่วไปอยู่จะอยู่ที่ 20 - 40 ซึ่งค่าความหนืดจะมีให้เลือกตั้งแต่ 60, 50, 40, 30, 20, 10 และ 5 ค่ามาก ยิ่งหนืดมาก ค่าน้อยความหนืดก็น้อยตามชุดที่สาม API CI-4API CI-4 บ่งบอกถึงประเภทน้ำมันเครื่องและค่ามาตรฐานของน้ำมันเครื่องค่านี้จะบอกว่าใช้สำหรับเครื่องยนต์ประเภทใด และมีมาตรฐานอยู่ในระดับใด ดังนั้น API CI-4 คือ น้ำมันเครื่องดีเซลตามมาตรฐานของ API (American Petroleum Institute) สถาบันที่ค้นคว้าวิจัยและวางมาตราฐานเกี่ยวกับน้ำมันต่างๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ประกาศใช้เมื่อปี 2002ชุดที่สี่ Semi SyntheticSemi Synthetic คือ การบ่งบอกถึงเกรดของน้ำมันเครื่องยนต์ว่าเป็นเกรดใดโดยเกรดน้ำมันเครื่องมีทั้งหมด 3 เกรด ซึ่งจากชุดนี้ จะหมายถึงน้ำมันเครื่องเกรดกึ่งสังเคราะห์ หากเป็น Fully Synthetic = สังเคราะห์แท้, แต่ถ้าเป็น Synthetic = เกรดธรรมดาเมื่อเรารู้ทั้งหมดแล้วเราจะสามารถถอดรหัส “10W-30 API CI-4 Semi Synthetic” ออกมาได้เป็น “น้ำมันเครื่องยนต์ดีเซลเกรดกึ่งสังเคราะห์ มาตรฐานคุณภาพระดับปานกลาง ความหนืดระดับมาตรฐานเครื่องยนต์ที่ 30 สามารถทนความเย็นและคงความข้นใสไว้ได้ถึง -20 องศาฯ” นั่นเองตัวอย่างเกรดน้ำมันเครื่อง 5w30 = ทนความเย็นและคงความข้นใสไว้ได้ถึง -30 องศาฯ ความหนืดข้นเท่ากับ 30เกรดน้ำมันเครื่อง 10w30 = ทนความเย็นและคงความข้นใสไว้ได้ถึง -20 องศาฯ ความหนืดข้นเท่ากับ 30เกรดน้ำมันเครื่อง 10w40 = ทนความเย็นและคงความข้นใสไว้ได้ถึง -20 องศาฯ ความหนืดข้นเท่ากับ 40เลือกน้ำมันเครื่องรถอย่างไรให้เหมาะสมเบอร์น้ำมันเครื่องที่นิยมใช้กันมากที่สุดในบ้านเรา คือ 15w40 และ 20w50 ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องเลือกเบอร์นี้ก็ได้ แต่ในช่วงหน้าร้อน แนะนำให้เลือกน้ำมันเครื่องที่มีค่าความหนืด 30 ขึ้นไปจะดีกว่า เพื่อให้ทนต่อสภาพอากาศในบ้านเราทางที่ดี ควรเลือกเบอร์น้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับสภาพของเครื่องยนต์และสภาพการใช้งาน หากเป็นรถใหม่แนะนำให้เลือกเบอร์ที่หนืดใส จะช่วยประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น เช่น 10w30 แต่ถ้าเป็นรถเก่าที่ชอบกินน้ำมันเครื่อง แนะนำให้เลือกเบอร์ที่หนืดข้นมากขึ้น เพื่อให้กินน้ำมันเครื่องได้น้อยลง เช่น 20w50ควรขยับเบอร์น้ำมันเครื่องเมื่อไหร่?หากจะเลือกเปลี่ยนน้ำมันเครื่องให้เลือกดูที่อายุการใช้งานของเครื่องยนต์เป็นหลัก โดยให้เราตัดสินใจเปลี่ยนเบอร์น้ำมันเครื่องจากค่าความหนืด เพราะอุณภูมิในประเทศไทยค่อนข้างมีความร้อนชื้นจึงไม่ค่อยมีปัญหาที่ค่าการทนความเย็นของน้ำมันเครื่อง เน้นไปเปลี่ยนเบอร์ความหนืดของน้ำมันเครื่องดีกว่าหากเครื่องยนต์ใหม่ให้เริ่มที่ความหนืด 40 และปรับเบอร์ความหนืดให้เป็น 50 เมื่อเราใช้งานรถยนต์มานานแล้ว เพื่อให้คงสภาพเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีเหมือนเดิมไปตลอดครับ อ่านบทความเรื่อง กรองน้ำมันเครื่องคืออะไร ทำหน้าที่อะไร ควรเปลี่ยนตอนไหนตัวอักษรแยกความแตกต่างระหว่างน้ำมันเครื่อง “เบนซิน” และ “ดีเซล”เครื่องยนต์ของรถมีทั้งแบบ “เบนซิน” และ “ดีเซล” เพราะฉะนั้น น้ำมันเครื่องก็จะแบ่งเป็นสำหรับเครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ดีเซลเช่นกัน โดยเราต้องสังเกตจากหน้าขวดน้ำมันเครื่องแต่ละขวดจะมีการระบุค่ามาตรฐาน API (American Petroleum Institute Standard) ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานน้ำมันโลกระบุไว้บนขวดน้ำมันเครื่องเบนซินจะขึ้นต้นด้วย S เช่น API SMเครื่องดีเซลจะขึ้นต้นด้วย C เช่น API CI-4มาตรฐานน้ำมันเครื่องเบนซินAPI SN จะเป็นมาตรฐานระดับสูงสุดของน้ำมันเครื่องเบนซินสำหรับเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน E85 โดยเฉพาะ ประกาศใช้เดือนตุลาคม ในปี 2010API SM คือ น้ำมันเครื่องเบนซินสำหรับเครื่องยนต์ปี 2010 และเก่ากว่าAPI SL คือ น้ำมันเครื่องเบนซินสำหรับเครื่องยนต์ปี 2004 และเก่ากว่าAPI SJ คือ น้ำมันเครื่องเบนซินสำหรับเครื่องยนต์ปี 2001 และเก่ากว่าAPI SH คือ น้ำมันเครื่องที่เหมาะกับเครื่องยนต์เบนซินรุ่นที่สร้างขึ้นปี 1996 และเก่ากว่า*API SG คือ น้ำมันเครื่องที่เหมาะกับเครื่องยนต์เบนซินรุ่นที่สร้างขึ้นปี 1993 และเก่ากว่า*API SF คือ น้ำมันเครื่องที่เหมาะกับเครื่องยนต์เบนซินรุ่นที่สร้างขึ้นปี 1988 และเก่ากว่า*API SE คือ น้ำมันเครื่องที่เหมาะกับเครื่องยนต์เบนซินรุ่นที่สร้างขึ้นปี 1979 และเก่ากว่า*API SD คือ น้ำมันเครื่องที่เหมาะกับเครื่องยนต์เบนซินรุ่นที่สร้างขึ้นปี 1971 และเก่ากว่า*API SC คือ น้ำมันเครื่องที่เหมาะกับเครื่องยนต์เบนซินรุ่นที่สร้างขึ้นปี 1967 และเก่ากว่า*API SB คือ น้ำมันเครื่องที่เหมาะกับเครื่องยนต์เบนซินรุ่นที่สร้างขึ้นปี 1951 และเก่ากว่า*API SA คือ น้ำมันเครื่องที่เหมาะกับเครื่องยนต์เบนซินรุ่นที่สร้างขึ้นปี 1930 และเก่ากว่า**ล้าสมัยแล้ว ถ้าเครื่องยนต์ที่ทันสมัยใช้เกรดนี้ อาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ลดลง หรือ อุปกรณ์ต่างๆอาจเสียหายได้มาตรฐานน้ำมันเครื่องดีเซลAPI CK-4 เป็นมาตรฐานคุณภาพระดับสูงสุดของน้ำมันเครื่องดีเซล ประกาศใช้เมื่อปี 2017API CJ-4 เป็นค่ามาตรฐานที่ออกมาในปี 2006 สำหรับเครื่องยนต์ความเร็วสูง 4 จังหวะ ออกแบบมาเพื่อเครื่องยนต์ทุกประเภทที่ใช้เชื้อเพลิงดีเซลที่มีกำมะถันสูงถึง 500 ppm (0.05% โดยน้ำหนัก)API CI-4 เป็นค่ามาตรฐานที่ประกาศใช้เมื่อปี 2002 สำหรับของน้ำมันสำหรับใช้ในเครื่องยนต์ดีเซล 4 จังหวะความเร็วสูงAPI CI-4 Plus ใช้ร่วมกับ API CI-4 ช่วยป้องกันความหนืดที่เพิ่มขึ้นจากเขม่า และการสูญเสียความหนืดจากแรงเฉือนในเครื่องยนต์ดีเซล อีกทั้งมาตรฐานนี้ยังมีความสามารถในการประหยัดพลังงานด้วยAPI CH-4 คือ น้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 4 จังหวะความเร็วสูง โดยออกแบบเพื่อให้ได้มาตรฐานการปล่อยไอเสียปี 1998 มีสมรรถนะสูงกว่ามาตรฐาน API CF, CF-4 และ API CG-4API CG-4 คือ น้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 4 จังหวะความเร็วสูงที่ใช้ในงานหนักทั้งบนทางหลวงAPI CF-2 คือ ค่ามาตรฐานของเครื่องยนต์ดีเซล 2 จังหวะ ที่มีประสิทธิภาพและการควบคุมเพื่อลดรอยขูดขีดและสิ่งสกปรกบนผนังกระบอกสูบและแหวนลูกสูบAPI CF คือ ค่ามาตรฐานสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล indirect-injection และเครื่องยนต์ดีเซลทั่วไปที่ใช้เชื้อเพลิงที่มีกำมะถันสูงAPI CF-4 ค่ามาตรฐานสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 4 จังหวะความเร็วสูง ใช้แทน API CE เพราะสามารถควบคุมการกินน้ำมันหล่อลื่นและสิ่งสกปรกของลูกสูบได้ดียิ่งขึ้น เหมาะกับรถบรรทุกบนทางหลวง หากระบุรวมกับตัวอักษร S สามารถใช้ได้ทั้งเครื่องยนต์ดีเซลและเครื่องยนต์เบนซินAPI CE เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลทำงานหนักทั่วไป ชนิดที่มีเทอร์โบชาร์จเจอร์หรือซูเปอร์ชาร์จ ที่ผลิตมาตั้งแต่ปี 1983API CD-II เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 2 จังหวะ ที่ต้องการควบคุมการสึกหรอและสิ่งสกปรกอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้แทน API CD ได้API CD เหมาะกับเครื่องยนต์ดีเซลทั่วไป ที่มีระบบเทอร์โบชาร์จหรือซูเปอร์ชาร์จ ถูกออกแบบมาให้ใช้งานในปี 1955API CC มาตรฐานสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลที่ได้รับการแนะนำในปี 1961 เหมาะกับเครื่องยนต์ดีเซลทั่วไป ที่มีเทอร์โบชาร์จหรือซูเปอร์ชาร์จ ใช้ในเครื่องยนต์ดีเซลใช้งานปานกลางถึงหนักและเครื่องยนต์เบนซินบางรุ่นที่ใช้งานหนักAPI CB คือ ค่ามาตรฐานที่ถูกออกแบบมาในปี 1949 เหมาะกับเครื่องยนต์ดีเซลที่ทำงานเบาถึงปานกลาง แต่ใช้เชื้อเพลิงที่มีคุณภาพต่ำ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการปกป้องมากจากการสึกหรอและสิ่งสกปรก สามารถใช้ในเครื่องยนต์เบนซินงานเบาได้เป็นครั้งคราวAPI CA ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในทศวรรษที่ 1940 และ 1950 เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลงานเบาถึงปานกลาง แต่ใช้เชื้อเพลิงที่มีคุณภาพสูง สามารถใช้ในเครื่องยนต์เบนซินงานเบาได้เป็นครั้งคราว แต่ไม่ควรใช้ในเครื่องยนต์ใด ๆ เว้นแต่จะมีการแนะนำโดยผู้ผลิต อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinnซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ทั้ง รถบ้านเจ้าของขายเอง หรือรถจากทางเต็นท์ที่เชื่อถือได้ ✕ ใช้การติดต่อผ่านไลน์ เราปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณตาม PDPA ฉันยอมรับ ข้อกำหนดการใช้งาน และ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของ One2car.com ฉันยินยอมให้ One2car.com และผู้ขายรายการประกาศติดต่อทางไลน์ ตรวจสอบข้อเสนอรถที่ดีที่สุด! Prev Next ข้อเสนอพิเศษ - โทรในขณะนี้! วัน ชม ราคาเฉลี่ย ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด I ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด แท็กที่เกี่ยวข้อง กรองน้ำมันเครื่อง น้ำมันเครื่อง น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ น้ำมันเครื่องดีเซล น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ น้ำมันเครื่องเบนซิน เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนน้ำมันเครื่องนอกสถานที่ พิมพ์ Pakkawat Unchalee Content Writer เริ่มต้นจากการเป็นนักเขียนแห่งวงการจักรยานระดับไฮเอนด์ สู่การเป็นนักเขียนของเว็บไซต์รถยนต์มือสองอันดับหนึ่งอย่าง one2car ถึงแม้จะมีความถนัดเรื่องจักรยานระดับไฮเอนด์เป็นพิเศษ แต่เรื่องรถยนต์ก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน หวังว่าทุกท่านจะเพลิดเพลินไปกับบทความที่ถูกเขียนโดยการจิ้มแป้นพิมพ์ของผมครับ ข่าวฟีเจอร์ แนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า ‘ยังไงก็รอด’ ปี 2567 ต้นทุนแบตถูกลง 50% เรื่องเด่น Chuenkamon Phasuk | 27 March 2567 เจาะแนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า EV จะกลายเป็นรถยนต์แห่งอนาคตจริงหรือไม่ ? ปฏิวัติการขนส่งได้อย่างไร เคลียร์ความสงสัยได้ในบทความนี้ผ่าแนวโน้มอนาคตยานยนต์ไฟฟ้า ... เผยสาเหตุ! ทำไมรถมือสองราคาร่วงแรงกว่าที่ผ่านมา เรื่องเด่น Suttinun Poomkung | 21 March 2567 อะไรทำให้รถมือสองราคาตกขนาดนี้ มีแค่กระแสรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียวหรือไม่ ... ในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า รถสันดาปมือสองจะตายจากเราไปหรือไม่? เรื่องเด่น Pakkawat Unchalee | 21 March 2567 เมื่อรถยนต์ไฟฟ้ากำลังกลายเป็นกระแสหลักในประเทศไทย ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายพร้อมออปชั่นล้นๆ ก็ทำให้เกิดคำถามว่า ... ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ตามวันเกิด พร้อมเวลาล้อหมุน เรื่องเด่น Chuenkamon Phasuk | 21 March 2567 มาแล้ว! ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ใครยังไม่มีฤกษ์รับรถ รีบเข้ามา! ซินแสดูให้จริง อยากรู้เกิดวันนี้ควรออกรถวันเวลาไหนก็ย่อมได้ฤกษ์รับรถเดือนเมษายน ... เเสดงความคิดเห็น
น้ำมันเครื่องมีกี่แบบ เลือกแบบไหนดี พร้อมแปลรหัสบนถังน้ำมันเครื่อง เรื่องเด่น Pakkawat Unchalee | 03 May 2566 17:05 สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับเครื่องยนต์คือน้ำมันเครื่อง เพราะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างปกติ และช่วยลดอัตราการสึกหรอของเครื่องยนต์ได้ วันนี้เราจึงจะพาทุกท่านมารู้จักน้ำมันเครื่องว่ามีกี่แบบ และควรเลือกแบบไหน พร้อมกับสอนดูรหัสน้ำมันเครื่องบนถังแกลลอนไปพร้อมๆ กันน้ำมันเครื่องมีกี่ชนิด อะไรบ้าง การใช้งานต่างกันอย่างไรน้ำมันเครื่องถูกแบ่งเป็น 3 ชนิด ได้แก่น้ำมันเครื่องยนต์เกรดธรรมดา (Synthetic) ใช้งานได้ประมาณ 3,000-5,000 กม.น้ำมันเครื่องยนต์เกรดกึ่งสังเคราะห์ (Semi Synthetic) ใช้งานได้ประมาณ 5,000-7,000 กม.น้ำมันเครื่องยนต์เกรดสังเคราะห์ (Fully Synthetic) หรือน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ ใช้งานได้ประมาณ 7,000-10,000 กม.น้ำมันเครื่องเกรดธรรมดาจะมีราคาที่ถูกกว่าเกรดกึ่งสังเคราะห์และเกรดสังเคราะห์ ทั้งนี้ในปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันเครื่องก็จะมีความแตกต่างกันออกไปแล้วแต่แบรนด์ แต่ละแบรนด์ก็มีจุดเด่น มีประสิทธิภาพ และ คุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างกันอีกด้วย เช่น For NGV, LPG & Gasoline ก็จะสามารถใช้กับรถยนต์ที่ติดแก๊ส NGV และ LPG ได้ดี หรือ Heavy Duty ใช้กับรถบรรทุกหรือรถยนต์ที่บรรทุกของหนักได้ดี"น้ำมันเครื่องธรรมดา" กับ "กึ่งสังเคราะห์" และ "สังเคราะห์แท้" ต่างกันยังไงน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ (Fully Synthetic)น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ (Fully Synthetic) คือ น้ำมันเครื่องที่สังเคราะห์มาจากปิโตรเลียม ซึ่งเป็นการสังเคราะห์ทางเคมีในห้องแล็ปอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้มีคุณสมบัติพิเศษกว่าน้ำมันแร่ทั่วไป โมเลกุลของน้ำมันเครื่องประเภทนี้จึงเป็นระเบียบและมีขนาดเท่ากันมากกว่าน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์และน้ำมันเครื่องธรรมดาส่วนผสมหลัก (Base Oil) = มาจากสังเคราะห์จากกระบวนการทางเคมี 75-90%สารเติมแต่ง (Additives) = 10 - 25%คงทนต่อการทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศระยะเวลาในการเปลี่ยนถ่ายยาวนานกว่าน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์และเกรดธรรมดา ใช้งานได้นานสูงสุด 15,000 – 20,000 กิโลเมตรราคาแพงกว่าน้ำมันเครื่องชนิดอื่นอัตราการระเหยต่ำ ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้เหมือนใหม่หล่อลื่นเครื่องยนต์ดีที่สุด ไม่ว่าจะอยู่ในที่อุณหภูมิต่ำหรือสูงป้องกันเครื่องยนต์สึกหรอได้เป็นอย่างดี จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลรถเป็นพิเศษน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ (Semi Synthetic)น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ คือ น้ำมันเครื่องที่มีส่วนผสมของน้ำมันสังเคราะห์แท้และน้ำมันแร่ โดยสัดส่วนของน้ำมันทั้งสองชนิดนี้จะขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ แม้จะมีอัตราส่วน 90:10 ก็ถือว่าเป็นน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์อยู่ดีส่วนผสมหลัก (Base Oil) = มาจากสังเคราะห์จากกระบวนการทางเคมี 10-40% และกลั่นจากน้ำมันดิบ 10 - 40%สารเติมแต่ง (Additives) = 10 - 25%ดีกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา แต่ราคาถูกกว่าน้ำมันเครื่องเกรดสังเคราะห์แท้ใช้งานได้ค่อนข้างนาน ตั้งแต่ 5,000 กม. สูงสุดถึง 10,000 กม.หล่อลื่นเครื่องยนต์ได้ดี แต่ในช่วงอุณหภูมิสูง ๆ จะหล่อลื่นได้ไม่ดีเท่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้เหมาะกับคนที่อยากดูแลรถ แต่ไม่อยากจ่ายแพง จึงเป็นเกรดน้ำมันเครื่องที่คนใช้มากที่สุดน้ำมันเครื่องยนต์เกรดธรรมดา (Synthetic)น้ำมันเครื่องยนต์เกรดธรรมดา คือ น้ำมันเครื่องที่ได้มาจากการกลั่นน้ำมันดิบ หรือน้ำมันแร่ (Mineral Oils) ส่วนผสมหลักจึงเป็นน้ำมันจากธรรมชาติล้วน ๆ โมเลกุลของน้ำมันประเภทนี้จึงแตกต่างจากน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ทั้งในเชิงกายภาพและเชิงเคมีด้วยส่วนผสมหลัก (Base Oil) = กลั่นจากน้ำมันดิบ 75 - 90%สารเติมแต่ง (Additives) = 10 - 25%ราคาถูกกว่าน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์และน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100%ระยะเวลาในการเปลี่ยนถ่ายสั้น สูงสุดแค่ 5,000 กิโลเมตรทำความรู้จักตัวอักษรบนถังน้ำมันเครื่องAPI คือ American Petroleum Institute หรือ สถาบันที่ทำหน้าที่ค้นคว้าวิจัย และวางมาตราฐานเกี่ยวกับน้ำมันต่างๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกาSAE คือ Society of Automotive Engineers หรือ สมาคมที่ค้นคว้าวิจัยและวางหลักเกณฑ์มาตราฐานต่างๆ เกี่ยวกับรถยนต์ต่างๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกาASTM คือ American Society for Testing Materials หรือ สมาคมที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการทดสอบวัตถุต่างๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกาวิธีดูรหัสบนถังแกลลอนน้ำมันเครื่องมาดูกันที่รหัสบนขวดน้ำมันเครื่องกัน หากสังเกตดีๆ นอกจากจะมีค่า API ยังมีรหัสอื่นๆ ระบุไว้ด้วย ซึ่งตามรูปด้านบนเราจะถอดรหัสออกมาเป็น “10W-30 API CI-4 Semi Synthetic” โดยเราจะแบ่งการตีความออกเป็น 4 ชุดได้ดังนี้ 10W / 30 / API CI-4 / Semi Synthetic ชุดแรก “10W”ตัวอักษร “W” บนถังน้ำมันเครื่อง หมายถึง ค่าการทนความเย็นของน้ำมันเครื่อง แบ่งเป็นระดับได้ตามนี้0W สามารถคงความข้นใสไว้ได้ต่ำกว่า -30 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข5W สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง -30 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข10W สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง -20 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข15W สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง -10 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข20W สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง 0 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไขชุดที่สอง “30”ตัวเลข 30 บ่งบอกถึงค่าความหนืดข้นซึ่งความหนืดของน้ำมันเครื่องจะมีผลต่อการหล่อลื่นและช่วยลดการสึกหรอ ความหนืดที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ทั่วไปอยู่จะอยู่ที่ 20 - 40 ซึ่งค่าความหนืดจะมีให้เลือกตั้งแต่ 60, 50, 40, 30, 20, 10 และ 5 ค่ามาก ยิ่งหนืดมาก ค่าน้อยความหนืดก็น้อยตามชุดที่สาม API CI-4API CI-4 บ่งบอกถึงประเภทน้ำมันเครื่องและค่ามาตรฐานของน้ำมันเครื่องค่านี้จะบอกว่าใช้สำหรับเครื่องยนต์ประเภทใด และมีมาตรฐานอยู่ในระดับใด ดังนั้น API CI-4 คือ น้ำมันเครื่องดีเซลตามมาตรฐานของ API (American Petroleum Institute) สถาบันที่ค้นคว้าวิจัยและวางมาตราฐานเกี่ยวกับน้ำมันต่างๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ประกาศใช้เมื่อปี 2002ชุดที่สี่ Semi SyntheticSemi Synthetic คือ การบ่งบอกถึงเกรดของน้ำมันเครื่องยนต์ว่าเป็นเกรดใดโดยเกรดน้ำมันเครื่องมีทั้งหมด 3 เกรด ซึ่งจากชุดนี้ จะหมายถึงน้ำมันเครื่องเกรดกึ่งสังเคราะห์ หากเป็น Fully Synthetic = สังเคราะห์แท้, แต่ถ้าเป็น Synthetic = เกรดธรรมดาเมื่อเรารู้ทั้งหมดแล้วเราจะสามารถถอดรหัส “10W-30 API CI-4 Semi Synthetic” ออกมาได้เป็น “น้ำมันเครื่องยนต์ดีเซลเกรดกึ่งสังเคราะห์ มาตรฐานคุณภาพระดับปานกลาง ความหนืดระดับมาตรฐานเครื่องยนต์ที่ 30 สามารถทนความเย็นและคงความข้นใสไว้ได้ถึง -20 องศาฯ” นั่นเองตัวอย่างเกรดน้ำมันเครื่อง 5w30 = ทนความเย็นและคงความข้นใสไว้ได้ถึง -30 องศาฯ ความหนืดข้นเท่ากับ 30เกรดน้ำมันเครื่อง 10w30 = ทนความเย็นและคงความข้นใสไว้ได้ถึง -20 องศาฯ ความหนืดข้นเท่ากับ 30เกรดน้ำมันเครื่อง 10w40 = ทนความเย็นและคงความข้นใสไว้ได้ถึง -20 องศาฯ ความหนืดข้นเท่ากับ 40เลือกน้ำมันเครื่องรถอย่างไรให้เหมาะสมเบอร์น้ำมันเครื่องที่นิยมใช้กันมากที่สุดในบ้านเรา คือ 15w40 และ 20w50 ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องเลือกเบอร์นี้ก็ได้ แต่ในช่วงหน้าร้อน แนะนำให้เลือกน้ำมันเครื่องที่มีค่าความหนืด 30 ขึ้นไปจะดีกว่า เพื่อให้ทนต่อสภาพอากาศในบ้านเราทางที่ดี ควรเลือกเบอร์น้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับสภาพของเครื่องยนต์และสภาพการใช้งาน หากเป็นรถใหม่แนะนำให้เลือกเบอร์ที่หนืดใส จะช่วยประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น เช่น 10w30 แต่ถ้าเป็นรถเก่าที่ชอบกินน้ำมันเครื่อง แนะนำให้เลือกเบอร์ที่หนืดข้นมากขึ้น เพื่อให้กินน้ำมันเครื่องได้น้อยลง เช่น 20w50ควรขยับเบอร์น้ำมันเครื่องเมื่อไหร่?หากจะเลือกเปลี่ยนน้ำมันเครื่องให้เลือกดูที่อายุการใช้งานของเครื่องยนต์เป็นหลัก โดยให้เราตัดสินใจเปลี่ยนเบอร์น้ำมันเครื่องจากค่าความหนืด เพราะอุณภูมิในประเทศไทยค่อนข้างมีความร้อนชื้นจึงไม่ค่อยมีปัญหาที่ค่าการทนความเย็นของน้ำมันเครื่อง เน้นไปเปลี่ยนเบอร์ความหนืดของน้ำมันเครื่องดีกว่าหากเครื่องยนต์ใหม่ให้เริ่มที่ความหนืด 40 และปรับเบอร์ความหนืดให้เป็น 50 เมื่อเราใช้งานรถยนต์มานานแล้ว เพื่อให้คงสภาพเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีเหมือนเดิมไปตลอดครับ อ่านบทความเรื่อง กรองน้ำมันเครื่องคืออะไร ทำหน้าที่อะไร ควรเปลี่ยนตอนไหนตัวอักษรแยกความแตกต่างระหว่างน้ำมันเครื่อง “เบนซิน” และ “ดีเซล”เครื่องยนต์ของรถมีทั้งแบบ “เบนซิน” และ “ดีเซล” เพราะฉะนั้น น้ำมันเครื่องก็จะแบ่งเป็นสำหรับเครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ดีเซลเช่นกัน โดยเราต้องสังเกตจากหน้าขวดน้ำมันเครื่องแต่ละขวดจะมีการระบุค่ามาตรฐาน API (American Petroleum Institute Standard) ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานน้ำมันโลกระบุไว้บนขวดน้ำมันเครื่องเบนซินจะขึ้นต้นด้วย S เช่น API SMเครื่องดีเซลจะขึ้นต้นด้วย C เช่น API CI-4มาตรฐานน้ำมันเครื่องเบนซินAPI SN จะเป็นมาตรฐานระดับสูงสุดของน้ำมันเครื่องเบนซินสำหรับเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน E85 โดยเฉพาะ ประกาศใช้เดือนตุลาคม ในปี 2010API SM คือ น้ำมันเครื่องเบนซินสำหรับเครื่องยนต์ปี 2010 และเก่ากว่าAPI SL คือ น้ำมันเครื่องเบนซินสำหรับเครื่องยนต์ปี 2004 และเก่ากว่าAPI SJ คือ น้ำมันเครื่องเบนซินสำหรับเครื่องยนต์ปี 2001 และเก่ากว่าAPI SH คือ น้ำมันเครื่องที่เหมาะกับเครื่องยนต์เบนซินรุ่นที่สร้างขึ้นปี 1996 และเก่ากว่า*API SG คือ น้ำมันเครื่องที่เหมาะกับเครื่องยนต์เบนซินรุ่นที่สร้างขึ้นปี 1993 และเก่ากว่า*API SF คือ น้ำมันเครื่องที่เหมาะกับเครื่องยนต์เบนซินรุ่นที่สร้างขึ้นปี 1988 และเก่ากว่า*API SE คือ น้ำมันเครื่องที่เหมาะกับเครื่องยนต์เบนซินรุ่นที่สร้างขึ้นปี 1979 และเก่ากว่า*API SD คือ น้ำมันเครื่องที่เหมาะกับเครื่องยนต์เบนซินรุ่นที่สร้างขึ้นปี 1971 และเก่ากว่า*API SC คือ น้ำมันเครื่องที่เหมาะกับเครื่องยนต์เบนซินรุ่นที่สร้างขึ้นปี 1967 และเก่ากว่า*API SB คือ น้ำมันเครื่องที่เหมาะกับเครื่องยนต์เบนซินรุ่นที่สร้างขึ้นปี 1951 และเก่ากว่า*API SA คือ น้ำมันเครื่องที่เหมาะกับเครื่องยนต์เบนซินรุ่นที่สร้างขึ้นปี 1930 และเก่ากว่า**ล้าสมัยแล้ว ถ้าเครื่องยนต์ที่ทันสมัยใช้เกรดนี้ อาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ลดลง หรือ อุปกรณ์ต่างๆอาจเสียหายได้มาตรฐานน้ำมันเครื่องดีเซลAPI CK-4 เป็นมาตรฐานคุณภาพระดับสูงสุดของน้ำมันเครื่องดีเซล ประกาศใช้เมื่อปี 2017API CJ-4 เป็นค่ามาตรฐานที่ออกมาในปี 2006 สำหรับเครื่องยนต์ความเร็วสูง 4 จังหวะ ออกแบบมาเพื่อเครื่องยนต์ทุกประเภทที่ใช้เชื้อเพลิงดีเซลที่มีกำมะถันสูงถึง 500 ppm (0.05% โดยน้ำหนัก)API CI-4 เป็นค่ามาตรฐานที่ประกาศใช้เมื่อปี 2002 สำหรับของน้ำมันสำหรับใช้ในเครื่องยนต์ดีเซล 4 จังหวะความเร็วสูงAPI CI-4 Plus ใช้ร่วมกับ API CI-4 ช่วยป้องกันความหนืดที่เพิ่มขึ้นจากเขม่า และการสูญเสียความหนืดจากแรงเฉือนในเครื่องยนต์ดีเซล อีกทั้งมาตรฐานนี้ยังมีความสามารถในการประหยัดพลังงานด้วยAPI CH-4 คือ น้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 4 จังหวะความเร็วสูง โดยออกแบบเพื่อให้ได้มาตรฐานการปล่อยไอเสียปี 1998 มีสมรรถนะสูงกว่ามาตรฐาน API CF, CF-4 และ API CG-4API CG-4 คือ น้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 4 จังหวะความเร็วสูงที่ใช้ในงานหนักทั้งบนทางหลวงAPI CF-2 คือ ค่ามาตรฐานของเครื่องยนต์ดีเซล 2 จังหวะ ที่มีประสิทธิภาพและการควบคุมเพื่อลดรอยขูดขีดและสิ่งสกปรกบนผนังกระบอกสูบและแหวนลูกสูบAPI CF คือ ค่ามาตรฐานสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล indirect-injection และเครื่องยนต์ดีเซลทั่วไปที่ใช้เชื้อเพลิงที่มีกำมะถันสูงAPI CF-4 ค่ามาตรฐานสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 4 จังหวะความเร็วสูง ใช้แทน API CE เพราะสามารถควบคุมการกินน้ำมันหล่อลื่นและสิ่งสกปรกของลูกสูบได้ดียิ่งขึ้น เหมาะกับรถบรรทุกบนทางหลวง หากระบุรวมกับตัวอักษร S สามารถใช้ได้ทั้งเครื่องยนต์ดีเซลและเครื่องยนต์เบนซินAPI CE เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลทำงานหนักทั่วไป ชนิดที่มีเทอร์โบชาร์จเจอร์หรือซูเปอร์ชาร์จ ที่ผลิตมาตั้งแต่ปี 1983API CD-II เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 2 จังหวะ ที่ต้องการควบคุมการสึกหรอและสิ่งสกปรกอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้แทน API CD ได้API CD เหมาะกับเครื่องยนต์ดีเซลทั่วไป ที่มีระบบเทอร์โบชาร์จหรือซูเปอร์ชาร์จ ถูกออกแบบมาให้ใช้งานในปี 1955API CC มาตรฐานสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลที่ได้รับการแนะนำในปี 1961 เหมาะกับเครื่องยนต์ดีเซลทั่วไป ที่มีเทอร์โบชาร์จหรือซูเปอร์ชาร์จ ใช้ในเครื่องยนต์ดีเซลใช้งานปานกลางถึงหนักและเครื่องยนต์เบนซินบางรุ่นที่ใช้งานหนักAPI CB คือ ค่ามาตรฐานที่ถูกออกแบบมาในปี 1949 เหมาะกับเครื่องยนต์ดีเซลที่ทำงานเบาถึงปานกลาง แต่ใช้เชื้อเพลิงที่มีคุณภาพต่ำ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการปกป้องมากจากการสึกหรอและสิ่งสกปรก สามารถใช้ในเครื่องยนต์เบนซินงานเบาได้เป็นครั้งคราวAPI CA ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในทศวรรษที่ 1940 และ 1950 เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลงานเบาถึงปานกลาง แต่ใช้เชื้อเพลิงที่มีคุณภาพสูง สามารถใช้ในเครื่องยนต์เบนซินงานเบาได้เป็นครั้งคราว แต่ไม่ควรใช้ในเครื่องยนต์ใด ๆ เว้นแต่จะมีการแนะนำโดยผู้ผลิต อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinnซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ทั้ง รถบ้านเจ้าของขายเอง หรือรถจากทางเต็นท์ที่เชื่อถือได้ ✕ ใช้การติดต่อผ่านไลน์ เราปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณตาม PDPA ฉันยอมรับ ข้อกำหนดการใช้งาน และ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของ One2car.com ฉันยินยอมให้ One2car.com และผู้ขายรายการประกาศติดต่อทางไลน์ ตรวจสอบข้อเสนอรถที่ดีที่สุด! Prev Next ข้อเสนอพิเศษ - โทรในขณะนี้! วัน ชม ราคาเฉลี่ย ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด I ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด แท็กที่เกี่ยวข้อง กรองน้ำมันเครื่อง น้ำมันเครื่อง น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ น้ำมันเครื่องดีเซล น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ น้ำมันเครื่องเบนซิน เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนน้ำมันเครื่องนอกสถานที่
ข้อเสนอพิเศษ - โทรในขณะนี้! วัน ชม ราคาเฉลี่ย ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด I ทำไมไม่มีราคาที่ระบุไว้? ติดต่อโชว์รูมโดยตรงจะได้ราคาที่พิเศษที่สุด
แนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า ‘ยังไงก็รอด’ ปี 2567 ต้นทุนแบตถูกลง 50% เรื่องเด่น Chuenkamon Phasuk | 27 March 2567 เจาะแนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า EV จะกลายเป็นรถยนต์แห่งอนาคตจริงหรือไม่ ? ปฏิวัติการขนส่งได้อย่างไร เคลียร์ความสงสัยได้ในบทความนี้ผ่าแนวโน้มอนาคตยานยนต์ไฟฟ้า ...
เผยสาเหตุ! ทำไมรถมือสองราคาร่วงแรงกว่าที่ผ่านมา เรื่องเด่น Suttinun Poomkung | 21 March 2567 อะไรทำให้รถมือสองราคาตกขนาดนี้ มีแค่กระแสรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียวหรือไม่ ...
ในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า รถสันดาปมือสองจะตายจากเราไปหรือไม่? เรื่องเด่น Pakkawat Unchalee | 21 March 2567 เมื่อรถยนต์ไฟฟ้ากำลังกลายเป็นกระแสหลักในประเทศไทย ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายพร้อมออปชั่นล้นๆ ก็ทำให้เกิดคำถามว่า ...
ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ตามวันเกิด พร้อมเวลาล้อหมุน เรื่องเด่น Chuenkamon Phasuk | 21 March 2567 มาแล้ว! ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2567 ใครยังไม่มีฤกษ์รับรถ รีบเข้ามา! ซินแสดูให้จริง อยากรู้เกิดวันนี้ควรออกรถวันเวลาไหนก็ย่อมได้ฤกษ์รับรถเดือนเมษายน ...