การโอนลอย คืออะไร ?

หลายท่านคงสงสัยกันใช่มั้ยล่ะครับ ว่าการโอนลอย คืออะไร โดยเฉพาะ เวลาซื้อ-ขายรถมือสอง จะได้ยินคำว่าชุดโอนลอย บ่อยมาก วันนี้ผมจะพาทุกท่านมาทำความรู้จัก  การโอนลอย ว่าคืออะไร

การโอนลอย คือการที่เจ้าของรถ ขายรถให้กับผู้ซื้อ ซึ่งเจ้าของรถไม่ได้ไปโอนที่ขนส่งด้วยตัวเอง แต่ใช้วิธีเซ็นชื่อบนเอกสาร ซึ่งเอกสารในชุดโอนลอยที่ต้องเซ็นชื่อ ประกอบไปด้วย

• เล่มรถ
• แบบคำขอโอนและรับโอน
• หนังสือมอบอำนาจ
• สำเนาบัตรประชาชนเจ้าของรถ
• สำเนาทะเบียนบ้าน

เล่มรถ

เล่มรถคือเอกสารประจำตัวรถ โดยในเล่มจะระบุข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวกับตัวรถ เช่นปี สี รหัสเครื่อง รหัสตัวถัง ชื่อผู้ครอบครอง ชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ และในเล่มหน้าที่16 จะเป็นรายการ การเสียภาษีประจำปี ส่วนในเล่มหน้าที่18 จะระบุประวัติต่างๆเกี่ยวกับตัวรถ เช่น เปลี่ยนเจ้าของ แจ้งย้ายแจ้งดัดแปลงต่างๆ แจ้งติดแก็ส แจ้งจอด เป็นต้น หากไม่มีเล่มแน่นอนว่าโอนไม่ได้แน่นอน ในส่วนของการโอนลอย เจ้าของรถจะต้องเซ็นชื่อตรงช่องผู้ถือกรรมสิทธิ์

แบบคำขอโอนและรับโอน

เอกสาร แบบคำขอโอนและรับโอน คือเอกสารที่ใช้สำหรับโอน โดยในเอกสารจะให้กรอกลายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับเจ้าของรถ (ผู้โอน) และผู้ที่ซื้อรถ(ผู้รับโอน) ในส่วนของการโอนลอย เจ้าของรถจะต้องเซ็นชื่อตรงช่องผู้โอน (ลายเซ็นต้องเหมือนกับที่เซ็นในเล่ม)

หนังสือมอบอำนาจ

หนังสือมอบอำนาจ คือเอกสารที่ใช้สำหรับมอบอำนาจให้ผู้อื่นทำแทน ซึ่งจะใช้ในกรณีที่เจ้าของไม่ได้ไปดำเนินการด้วยตัวเอง ในส่วนของการโอนลอย เจ้าของรถจะต้องเซ็นชื่อตรงช่อง ผู้มอบอำนาจ (ลายเซ็นต้องเหมือนกับที่เซ็นในเล่ม)

สำเนาบัตรประชาชนเจ้าของรถ

สำเนาบัตรประชาชนเจ้าของรถ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ และที่สำคัญชื่อ-นามสกุลต้องตรงกับในเล่ม หากมีการเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุล จะต้องแนบเอกสารการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลด้วย ในส่วนของการโอนลอย เจ้าของรถจะต้องเขียนสำเนาถูกต้อง พร้อมกับเซ็นชื่อ (บัตรประชาชนจะต้องไม่หมดอายุและลายเซ็นต้องเหมือนกับที่เซ็นในเล่ม)

สำเนาทะเบียนบ้าน

สำเนาทะเบียนบ้าน เจ้าของรถจะต้องเขียนสำเนาถูกต้อง พร้อมกับเซ็นชื่อ (ลายเซ็นต้องเหมือนกับที่เซ็นในเล่ม)

          ข้อดีของการโอนลอย คือสะดวกต่อผู้ขายและผู้ซื้อ แต่ข้อเสียก็มีเช่นกัน เพราะรถที่ยังไม่ได้โอนเป็นชื่อผู้ซื้อ หากวันนึงผู้ซื้อขับรถไปกระทำความผิด เช่นขับฝ่าไฟแดง หรือชนแล้วหนี หรือนำรถไปขนส่งสิ่งผิดกฎหมาย เวลาโดนตรวจสอบจากป้ายทะเบียน ผู้ขายอาจจะซวยได้นะครับ ทางที่ดี เวลาซื้อ-ขายรถยนต์ ให้ผู้ซื้อและผู้ขาย ไปโอนพร้อมกันที่กรมการขนส่งทางบก ให้เสร็จสิ้นจะดีที่สุดครับ ยอมเสียเวลาแค่ไม่กี่นาที แต่ได้ความสบายใจ และเป็นวิธีที่ปลอดภัยทั้งกับผู้ซื้อ และผู้ขายครับ

สามารถติดตามข่าวสารอัพเดตเพิ่มเติมได้ ที่นี่

สามารถค้นหารถยนต์คุณภาพดีได้ ที่นี่